พันธบัตรรัฐบาล คืออะไร? ทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงสำหรับนักลงทุนไทย
ในยุคที่ตลาดการลงทุนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมักมองหาทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนเชื่อถือได้และมีความเสี่ยงจำกัด ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลถือเป็นตัวเลือกที่น่าไว้วางใจสำหรับนักลงทุนชาวไทย บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับความหมาย วิธีการทำงาน จุดเด่น จุดด้อย และกลยุทธ์การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อช่วยให้คุณนำข้อมูลเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด

พันธบัตรรัฐบาล: หลักแนวคิดและกลไกการทำงาน
พันธบัตรรัฐบาล คืออะไร? คำจำกัดความและองค์ประกอบพื้นฐาน
พันธบัตรรัฐบาล คือตราสารหนี้ที่รัฐบาลออกมาเพื่อกู้เงินจากประชาชนและนักลงทุน โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการออกในนามของรัฐบาล เมื่อคุณซื้อพันธบัตรนี้ ก็เท่ากับว่าคุณกำลังปล่อยกู้ให้รัฐบาลนั่นเอง
รัฐบาลจะสัญญาว่าจะชำระดอกเบี้ยให้ผู้ถือครองตามกำหนดเวลาและอัตราที่ระบุไว้ ซึ่งเรียกว่าอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วหรือคูปองเรท และเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนตามวันที่ตกลงกันไว้ รัฐบาลจะคืนเงินต้นทั้งหมดให้ด้วย
องค์ประกอบหลักของพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
- ผู้ออก: กระทรวงการคลังในนามของรัฐบาล
- มูลค่าที่ตราไว้: เงินต้นที่รัฐบาลต้องคืนเมื่อครบกำหนด
- อัตราดอกเบี้ย: ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ซึ่งอาจเป็นแบบคงที่หรือลอยตัวตามสภาวะตลาด
- วันครบกำหนดไถ่ถอน: ระยะเวลาที่กำหนดให้คืนเงินต้น
- ความถี่ในการจ่ายดอกเบี้ย: มักจะจ่ายปีละสองครั้ง

ทำไมรัฐบาลจึงออกพันธบัตรรัฐบาล?
การออกพันธบัตรรัฐบาลเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลบริหารจัดการการเงินของประเทศและเศรษฐกิจโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุหลักที่รัฐบาลเลือกใช้วิธีนี้ ได้แก่
- ระดมทุนเพื่อพัฒนาประเทศ: เงินที่ได้นำไปใช้ในโครงการงบประมาณแผ่นดิน เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนหรือรถไฟฟ้า การปรับปรุงสาธารณูปโภค การลงทุนในด้านการศึกษาและสาธารณสุข ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศในระยะยาว
- บริหารจัดการงบประมาณแผ่นดิน: เมื่อรายได้ของรัฐบาลไม่พอครอบคลุมรายจ่ายหรือเกิดภาวะขาดดุล การออกพันธบัตรช่วยเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งอื่น
- บริหารจัดการหนี้สาธารณะ: ใช้ในการรีไฟแนนซ์หนี้เก่าหรือปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
- เครื่องมือในการดำเนินนโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสามารถนำพันธบัตรรัฐบาลมาใช้ในการปรับสภาพคล่องในระบบ เช่น การดูดซับเงินส่วนเกินเพื่อควบคุมนโยบายการเงินและอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ด้วยความน่าเชื่อถือที่สูงสุดของรัฐบาลในฐานะผู้ออก ความเสี่ยงด้านเครดิตของพันธบัตรรัฐบาลจึงแทบจะเป็นศูนย์ ทำให้กลายเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก
ประเภทและลักษณะของพันธบัตรรัฐบาล

การจัดประเภทตามระยะเวลา: พันธบัตรระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
พันธบัตรรัฐบาลสามารถแบ่งประเภทตามอายุการไถ่ถอนได้เป็นสามกลุ่มหลัก ซึ่งแต่ละกลุ่มมีลักษณะที่แตกต่างกันเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่หลากหลาย
- พันธบัตรระยะสั้น (Short-term Bonds): อายุไม่เกินหนึ่งปี ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำแต่เสี่ยงต่อความผันผวนของราคาจากอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าแบบอื่นๆ
- พันธบัตรระยะกลาง (Medium-term Bonds): อายุระหว่างหนึ่งถึงสิบปี สมดุลระหว่างผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่ปานกลาง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความยืดหยุ่น
- พันธบัตรระยะยาว (Long-term Bonds): อายุเกินสิบปี มักให้ผลตอบแทนสูงสุดแต่ราคาอาจแกว่งตัวมากตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ทำให้เหมาะกับผู้ที่ยอมรับความผันผวนได้
ประเภทพันธบัตรรัฐบาลที่พบบ่อยในประเทศไทย
กระทรวงการคลังในประเทศไทยออกพันธบัตรรัฐบาลหลากหลายรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม โดยประเภทที่พบเห็นบ่อย ได้แก่
- พันธบัตรออมทรัพย์ (Savings Bond): ออกจำหน่ายเป็นระยะๆ สำหรับประชาชนทั่วไป มีอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูดและจำกัดวงเงินซื้อต่อราย เพื่อให้โอกาสเข้าถึงได้กว้างขวาง
- พันธบัตรอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate Bond): ชำระดอกเบี้ยในอัตาเดิมตลอดระยะเวลาของพันธบัตร ช่วยให้ผู้ลงทุนคาดการณ์รายได้ได้ชัดเจน
- พันธบัตรอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Bond): อัตราดอกเบี้ยปรับตัวตามอัตราอ้างอิงในตลาด เช่น อัตราของธนาคารแห่งประเทศไทยหรืออัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งช่วยป้องกันผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ผันผวน
- พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond): ประเภทใหม่ที่เน้นระดมทุนสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สอดคล้องกับหลักการ ESG เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ใส่ใจความยั่งยืน
ตารางเปรียบเทียบประเภทพันธบัตรรัฐบาลที่พบบ่อยในประเทศไทย:
ประเภทพันธบัตร | ลักษณะสำคัญ | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|
พันธบัตรออมทรัพย์ | อัตราดอกเบี้ยคงที่, ออกเป็นครั้งคราว, ซื้อได้จำกัดวงเงิน | นักลงทุนรายย่อย, ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนแน่นอน |
พันธบัตรอัตราดอกเบี้ยคงที่ | จ่ายดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุ | นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดแน่นอน, ป้องกันความเสี่ยงดอกเบี้ยลด |
พันธบัตรอัตราดอกเบี้ยลอยตัว | ดอกเบี้ยปรับตามอัตราอ้างอิง | นักลงทุนที่คาดว่าดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น, ป้องกันความเสี่ยงดอกเบี้ยขึ้น |
พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน | ระดมทุนเพื่อโครงการ ESG | นักลงทุนที่สนใจลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม |
ข้อดีและความเสี่ยงของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
ข้อได้เปรียบในการลงทุน: ทำไมต้องเลือกพันธบัตรรัฐบาล?
การเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมีประโยชน์หลายด้านที่ทำให้มันกลายเป็นทางเลือกยอดนิยม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มุ่งเน้นการลงทุนที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
- ความมั่นคงและความปลอดภัยสูง: ด้วยการรับประกันจากรัฐบาล โอกาสที่รัฐบาลจะผิดนัดชำระจึงต่ำมาก ถือเป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยงด้านเครดิตตามที่ได้รับการยอมรับจากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ
- ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้: ดอกเบี้ยที่จ่ายเป็นประจำตามกำหนด ช่วยให้คุณวางแผนการเงินและกระแสเงินสดได้อย่างแม่นยำ
- ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน: พันธบัตรรัฐบาลมีความสัมพันธ์ต่ำกับหุ้น ซึ่งบางครั้งอาจเคลื่อนไหวตรงข้ามกัน ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สภาพคล่อง: พันธบัตรขนาดใหญ่สามารถซื้อขายในตลาดรองได้สะดวก ผู้ลงทุนจึงมีทางเลือกในการถอนทุนก่อนกำหนดหากจำเป็น โดยไม่ต้องกังวลมาก
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและข้อควรพิจารณา
ถึงแม้พันธบัตรรัฐบาลจะเสี่ยงด้านเครดิตน้อย แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่นักลงทุนต้องระวัง เพื่อให้การลงทุนราบรื่น
- ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาของพันธบัตรเก่าที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าก็จะปรับตัวลดลง ซึ่งอาจกระทบหากคุณขายในตลาดรองก่อนครบกำหนด
- ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk): ถ้าอัตราเงินเฟ้อสูงเกินผลตอบแทนที่ได้รับ มูลค่าจริงของเงินต้นและดอกเบี้ยที่คืนมาก็จะลดลง ส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิเป็นลบ
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): แม้ส่วนใหญ่จะซื้อขายง่าย แต่บางรุ่นที่มีขนาดเล็กหรืออายุยาว อาจมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ขายได้ยากหรือต้องยอมราคาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
นักลงทุนไทยจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้อย่างไร? คู่มือเชิงปฏิบัติ
ช่องทางการซื้อและขั้นตอน: ธนาคารและแพลตฟอร์มออนไลน์
นักลงทุนในไทยมีช่องทางหลากหลายในการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทั้งในตลาดแรกที่รัฐบาลเปิดประมูลหรือจองซื้อโดยตรง และตลาดรองที่ซื้อขายกันเอง ช่องทางหลักที่สะดวก ได้แก่
- ธนาคารพาณิชย์ (Commercial Banks): เป็นทางเลือกยอดฮิตสำหรับนักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะพันธบัตรออมทรัพย์ ธนาคารชั้นนำที่ทำหน้าที่ตัวแทนจำหน่าย เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี และธนาคารออมสิน
- แอปพลิเคชันธนาคารและอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง: ธนาคารหลายแห่งรองรับการซื้อขายผ่านแอปมือถือ เช่น Krungthai NEXT จากธนาคารกรุงไทย หรือ K-Plus จากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งทำให้กระบวนการรวดเร็วและเข้าถึงได้ทุกที่
- ตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA): สำหรับการซื้อขายในตลาดรอง สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารที่เป็นสมาชิกสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เพื่อดำเนินการได้อย่างปลอดภัย
ขั้นตอนการซื้อ (กรณีพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านธนาคาร):
- ติดตามประกาศการออกพันธบัตรจากกระทรวงการคลังหรือธนาคาร
- เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ หรือบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับบริการลงทุนของธนาคาร
- จองซื้อผ่านช่องทางที่กำหนด เช่น แอปพลิเคชัน, อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง, สาขาธนาคาร
- ชำระเงินตามวงเงินที่จองซื้อ
- รับหลักฐานการลงทุน (โดยปกติจะเป็นการบันทึกข้อมูลในระบบ)
ตารางตัวอย่างธนาคารและช่องทางการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามประกาศ):
ธนาคาร | ช่องทางการซื้อหลัก | แอปพลิเคชัน |
---|---|---|
ธนาคารกรุงไทย | สาขา, Krungthai NEXT, Krungthai Connext | Krungthai NEXT |
ธนาคารกสิกรไทย | สาขา, K-My Invest, K-Plus | K-Plus |
ธนาคารไทยพาณิชย์ | สาขา, SCB Easy App | SCB Easy App |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | สาขา, KMA (Krungsri Mobile App) | KMA |
ธนาคารออมสิน | สาขา, MyMo by GSB | MyMo by GSB |
ข้อควรพิจารณาทางภาษีสำหรับพันธบัตรรัฐบาลในประเทศไทย
รายได้จากดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลในไทยโดยทั่วไปจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ตามกฎหมายภาษีอากร แต่บางประเภทอย่างพันธบัตรออมทรัพย์บางรุ่นอาจได้รับการยกเว้นภาษีเพื่อส่งเสริมการออม
ก่อนลงทุน ควรตรวจสอบเงื่อนไขภาษีของแต่ละรุ่นให้ละเอียด หากไม่แน่ใจ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อวางแผนให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ
บทบาทของพันธบัตรรัฐบาลในการจัดสรรสินทรัพย์ส่วนบุคคล
พันธบัตรรัฐบาลเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการจัดสรรสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ โดยช่วยสร้างพอร์ตที่สมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
- สำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้รับความเสี่ยงต่ำ: เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากประจำแต่เสี่ยงน้อยกว่าหุ้น ช่วยให้เรียนรู้การลงทุนโดยไม่กังวลมาก
- สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง: ใช้สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอและลดความผันผวนในพอร์ต ทำให้การลงทุนโดยรวมมีเสถียรภาพมากขึ้น
- สำหรับนักลงทุนวัยใกล้เกษียณหรือวัยเกษียณ: เหมาะสำหรับรักษาเงินต้นและสร้างรายได้ประจำหลังเกษียณ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับความผันผวนสูง
การรวมพันธบัตรรัฐบาลในพอร์ตช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่ชาญฉลาด ลดความเสี่ยงจากสินทรัพย์เดี่ยว และเพิ่มโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว
สรุป: พันธบัตรรัฐบาล เป็นส่วนสำคัญของการวางแผนการเงินที่มั่นคงในประเทศไทย
พันธบัตรรัฐบาลมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทย ด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างความมั่นคง ความปลอดภัย และผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องเงินทุนและสร้างรายได้สม่ำเสมอ
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่กำลังหาทางเริ่มต้น หรือนักลงทุนเก่าแก่ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง การเข้าใจและนำพันธบัตรรัฐบาลมาใช้จะช่วยให้การวางแผนการเงินของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น และก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
พันธบัตรรัฐบาล 2567 ซื้อยังไง? มีขั้นตอนอะไรบ้าง
การซื้อพันธบัตรรัฐบาลในปี 2567 (หรือปีอื่นๆ) มักจะทำได้ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น ธนาคารกรุงไทย, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์, กรุงศรี หรือออมสิน โดยสามารถจองซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร (เช่น Krungthai NEXT, K-Plus, SCB Easy App) อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง หรือที่สาขาธนาคารโดยตรง ขั้นตอนหลักคือ:
- ติดตามประกาศการออกพันธบัตรจากกระทรวงการคลังหรือธนาคาร
- เปิดบัญชีสำหรับลงทุน (ถ้ายังไม่มี)
- จองซื้อตามช่องทางที่ธนาคารกำหนด
- ชำระเงิน และรอรับหลักฐานการลงทุน
พันธบัตร รัฐบาล จ่าย ดอกเบี้ย ปี ละ กี่ ครั้ง และได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่
โดยทั่วไปพันธบัตรรัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ความถี่และอัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นของพันธบัตรแต่ละรุ่นที่ออกจำหน่าย ซึ่งจะระบุไว้อย่างชัดเจนในประกาศการออกพันธบัตร นักลงทุนควรตรวจสอบรายละเอียดของพันธบัตรที่สนใจเพื่อทราบอัตราดอกเบี้ยและกำหนดการจ่ายดอกเบี้ยที่แน่นอน
การลงทุนพันธบัตรรัฐบาล มีข้อดีข้อเสียอย่างไรเมื่อเทียบกับการฝากประจำ?
ข้อดี:
- ผลตอบแทนสูงกว่า: โดยทั่วไปพันธบัตรรัฐบาลมักให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากประจำเล็กน้อย
- สภาพคล่อง: พันธบัตรสามารถซื้อขายในตลาดรองได้ก่อนครบกำหนด (แม้ราคาอาจผันผวน)
ข้อเสีย:
- ความเสี่ยงด้านราคา: ราคาพันธบัตรในตลาดรองอาจผันผวนตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด
- ความซับซ้อน: อาจต้องใช้ความเข้าใจในเรื่องตลาดตราสารหนี้มากกว่าเงินฝาก
พันธบัตรรัฐบาลเหมาะกับใคร และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำถึงปานกลาง
- ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้
- ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
- ผู้ที่ต้องการรักษามูลค่าเงินต้นและสร้างรายได้ประจำ (เช่น วัยเกษียณ)
ข้อจำกัด:
- ผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้น
- มีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่อาจทำให้ผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง
- ราคาในตลาดรองอาจผันผวนตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด
ถ้าต้องการขายพันธบัตรรัฐบาลก่อนครบกำหนด จะทำอย่างไร?
หากต้องการขายพันธบัตรรัฐบาลก่อนครบกำหนด ผู้ลงทุนสามารถขายในตลาดรองได้ โดยติดต่อธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของ ThaiBMA เพื่อทำการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ราคาขายในตลาดรองจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะนั้น ซึ่งอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในตลาด
ดอกเบี้ยจากพันธบัตรรัฐบาล ต้องเสียภาษีหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ดอกเบี้ยที่ได้รับจากพันธบัตรรัฐบาลในประเทศไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 อย่างไรก็ตาม พันธบัตรออมทรัพย์บางรุ่นอาจมีเงื่อนไขพิเศษได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นจึงควรตรวจสอบประกาศการออกพันธบัตรแต่ละรุ่นอย่างละเอียดเพื่อทราบข้อมูลด้านภาษีที่ถูกต้อง
พันธบัตรรัฐบาล มีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร?
พันธบัตรรัฐบาลมีหลายประเภทหลักๆ ได้แก่:
- พันธบัตรออมทรัพย์: สำหรับรายย่อย, มักมีอัตราดอกเบี้ยน่าสนใจ, จำกัดวงเงิน
- พันธบัตรอัตราดอกเบี้ยคงที่: จ่ายดอกเบี้ยเท่าเดิมตลอดอายุ
- พันธบัตรอัตราดอกเบี้ยลอยตัว: ดอกเบี้ยปรับตามอัตราอ้างอิง
- พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน: ระดมทุนเพื่อโครงการ ESG
ความแตกต่างหลักๆ คือลักษณะการจ่ายดอกเบี้ย, กลุ่มเป้าหมาย, และวัตถุประสงค์ในการระดมทุน
สามารถซื้อพันธบัตรรัฐบาลผ่านแอปพลิเคชันธนาคารใดได้บ้างในประเทศไทย?
นักลงทุนสามารถซื้อพันธบัตรรัฐบาล (โดยเฉพาะพันธบัตรออมทรัพย์) ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำได้หลายแห่ง เช่น:
- Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย
- K-Plus ของธนาคารกสิกรไทย
- SCB Easy App ของธนาคารไทยพาณิชย์
- KMA (Krungsri Mobile App) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- MyMo by GSB ของธนาคารออมสิน
โปรดตรวจสอบประกาศการออกพันธบัตรแต่ละรุ่นว่ารองรับการจองซื้อผ่านแอปพลิเคชันใดบ้าง
พันธบัตรรัฐบาลปลอดภัยจริงหรือ มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ควรระวัง?
พันธบัตรรัฐบาลถือว่ามีความปลอดภัยสูงมากในแง่ของความเสี่ยงด้านเครดิต (โอกาสที่รัฐบาลจะผิดนัดชำระหนี้มีน้อยมาก) อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง ความเสี่ยงที่ควรระวังคือ:
- ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย: หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น ราคาพันธบัตรเดิมในตลาดรองจะลดลง
- ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ: หากเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ อำนาจซื้อของเงินก็จะลดลง
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: พันธบัตรบางรุ่นอาจมีสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดรองไม่สูงนัก
การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้อย่างไร?
พันธบัตรรัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว การเคลื่อนไหวของราคาพันธบัตรรัฐบาลมักจะมีความสัมพันธ์ที่ต่ำหรือไม่สัมพันธ์กันกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น เมื่อตลาดหุ้นผันผวนหรือซบเซา พันธบัตรรัฐบาลมักจะให้ผลตอบแทนที่มั่นคง หรือบางครั้งราคาก็อาจปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตได้ และทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน