1. อัตราแลกเปลี่ยน คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐาน
อัตราแลกเปลี่ยนหมายถึงมูลค่าที่กำหนดไว้ระหว่างสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลหนึ่ง โดยบ่งชี้ว่าต้องใช้เงินในประเทศจำนวนเท่าไรเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินต่างประเทศหนึ่งหน่วย ตัวอย่างเช่น ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทไทยกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 36 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ นั่นหมายความว่าต้องจ่ายเงินบาท 36 บาทเพื่อรับดอลลาร์ 1 ดอลลาร์
สิ่งนี้มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของคนไทย เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้านำเข้า ส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนต่าง ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อต่างประเทศสำหรับนักเรียนไทย การเข้าใจหลักการพื้นฐานเหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ขาดไม่ได้ในการวางแผนการเงินส่วนตัวหรือธุรกิจ
เมื่อต้องแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ เรามักพบศัพท์สำคัญสองอย่าง คือ อัตราซื้อและอัตราขาย
อัตราซื้อคือราคาที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการแลกเงินยอมจ่ายให้คุณเมื่อคุณนำเงินต่างประเทศมาขาย หรือพูดง่าย ๆ คือจำนวนเงินบาทที่คุณจะได้รับจากการแลกเปลี่ยน ในขณะที่อัตราขายคือราคาที่คุณต้องจ่ายด้วยเงินบาทเพื่อซื้อเงินต่างประเทศจากพวกเขา ส่วนอัตรากลางคือค่าเฉลี่ยระหว่างสองอัตราดังกล่าว ซึ่งใช้เป็นตัวอ้างอิงเพื่อสะท้อนมูลค่าจริงของสกุลเงินในตลาด

2. ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
อัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปโดยไม่มีเหตุผล แต่เกิดจากอิทธิพลของปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองที่ซับซ้อน ซึ่งมีผลต่อความต้องการและปริมาณเสนอขายของสกุลเงินในตลาดโลก โดยเฉพาะสำหรับเงินบาทไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากองค์ประกอบเหล่านี้
ข้อมูลทางเศรษฐกิจหลัก ๆ เช่น การขยายตัวของ GDP อัตราเงินเฟ้อ การว่างงาน และตัวเลขการค้าขายระหว่างนำเข้า-ส่งออก ล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคง เงินบาทมักจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเพราะดึงดูดเงินทุนจากภายนอก
นโยบายดอกเบี้ยจากธนาคารกลางอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีน้ำหนักมาก ถ้าปรับขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินทุนไหลเข้าประเทศเพิ่มขึ้นเพราะผลตอบแทนที่น่าดึงดูด ส่งผลให้ความต้องการเงินบาทสูงขึ้นและค่าเงินแข็งค่า แต่ถ้าลดดอกเบี้ย อาจทำให้เงินบาทอ่อนลงได้
ความมั่นคงทางการเมืองทั้งในประเทศและต่างชาติ รวมถึงทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล สามารถสั่นคลอนความเชื่อมั่นได้ หากสถานการณ์สงบและมีแนวโน้มดี นักลงทุนจะเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นหรือพันธบัตรไทย ซึ่งช่วยหนุนมูลค่าเงินบาท
การเคลื่อนไหวของเงินทุนข้ามชาติ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดทุนไทยจากต่างชาติ ก็มีผลตรง ๆ ถ้าเงินทุนไหลเข้าเยอะ เงินบาทแข็งค่า แต่ถ้าไหลออกก็อ่อนค่าลง
ส่วนดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด ถ้าส่งออกมากกว่านำเข้า จะมีเงินต่างประเทศไหลเข้ามาก สนับสนุนให้เงินบาทแข็งค่า แต่ถ้าขาดดุล เงินบาทอาจอ่อนลงตามไปด้วย

3. ประเภทของอัตราแลกเปลี่ยน: คงที่ vs. ลอยตัว
ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคือกรอบที่รัฐบาลหรือธนาคารกลางตั้งขึ้นเพื่อกำกับการเคลื่อนไหวของค่าเงิน ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการจัดการนโยบายการเงินโดยรวม
อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่คือการตรึงมูลค่าเงินของประเทศกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐหรือตะกร้าสกุลเงินอื่น ๆ ข้อดีคือสร้างความแน่นอนในการค้าขายระหว่างประเทศ แต่ต้องใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศในการรักษาระดับ และอาจนำไปสู่วิกฤตถ้าสำรองไม่พอ ประเทศไทยเคยใช้วิธีนี้ก่อนเกิดวิกฤตปี 2540
ในทางตรงกันข้าม อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวปล่อยให้ตลาดกำหนดมูลค่าผ่านอุปสงค์และอุปทาน โดยธนาคารกลางแทรกแซงน้อย ข้อดีคือปรับสมดุลเศรษฐกิจเองได้ และให้อิสระในการกำหนดนโยบายการเงิน แต่ข้อเสียคือความผันผวนที่อาจสูง สร้างความไม่แน่นอนในการค้าและลงทุน
ส่วนแบบมีการจัดการคือการผสมผสานระหว่างสองระบบ โดยค่าเงินลอยตามตลาดเป็นหลัก แต่ธนาคารกลางอาจเข้าไปปรับแต่งบ้างเพื่อควบคุมความผันผวนหรือสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจ ปัจจุบันไทยใช้วิธีนี้ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งช่วยให้ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์โลก ขณะที่ยังรักษาเสถียรภาพเงินบาทได้ในระดับหนึ่ง

4. ผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนต่อชีวิตคนไทย
อัตราแลกเปลี่ยนแทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันของคนไทยมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เรื่องของนักธุรกิจหรือนักลงทุน แต่ยังกระทบค่าครองชีพ การเดินทาง และโอกาสต่าง ๆ สำหรับประชาชนทั่วไป
สำหรับการท่องเที่ยว ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ค่าใช้จ่ายในการไปต่างประเทศอย่างที่พัก อาหาร หรือช้อปปิ้งจะถูกลง แต่ถ้าอ่อนค่า การเที่ยวต่างแดนจะแพงขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าเงินบาทอ่อน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยจะมีกำลังซื้อสูง ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเรา
สินค้าอุปโภคที่นำเข้าอย่างรถยนต์ มือถือ ยา หรือวัตถุดิบอุตสาหกรรม จะมีราคาขยับตามอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเงินบาทอ่อน ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น ค่าครองชีพโดยรวมจึงเพิ่ม และอาจจุดชนวนเงินเฟ้อได้
การศึกษาต่อต่างประเทศก็เช่นกัน ถ้าเงินบาทอ่อน ต้องใช้เงินไทยมากขึ้นเพื่อแลกค่าเล่าเรียนหรือค่าครองชีพ ทำให้ภาระของนักเรียนและผู้ปกครองหนักขึ้น
ด้านการลงทุน ถ้าลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนจะมีผลต่อผลตอบแทน เช่น ลงทุนตอนเงินบาทแข็งแล้วขายตอนอ่อน อาจได้กำไรเพิ่ม แต่ก็มีความเสี่ยงขาดทุนจากความผันผวนได้
สำหรับธุรกิจส่งออก-นำเข้า อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวกำหนดกำไรและความสามารถแข่งขัน ถ้าเงินบาทอ่อน ผู้ส่งออกได้เงินไทยมากขึ้น สินค้าไทยดูถูกในตลาดโลก แต่ผู้นำเข้าต้องจ่ายแพงกว่า
ตารางเปรียบเทียบผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนต่อคนไทย:
| สถานการณ์ | ผลกระทบต่อคนไทย |
| :——– | :————— |
| **เงินบาทแข็งค่า** | – เที่ยวต่างประเทศถูกลง
– สินค้านำเข้าถูกลง
– ค่าเล่าเรียนต่างประเทศถูกลง
– ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบ |
| **เงินบาทอ่อนค่า** | – เที่ยวต่างประเทศแพงขึ้น
– สินค้านำเข้าแพงขึ้น
– ค่าเล่าเรียนต่างประเทศแพงขึ้น
– ผู้ส่งออกไทยได้เปรียบ
– นักท่องเที่ยวต่างชาติมีกำลังซื้อสูงขึ้นในไทย |

5. การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกิจและบุคคล
ความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ และอาจก่อให้เกิดความสูญเสียทางการเงินทั้งในธุรกิจและชีวิตส่วนตัว การเรียนรู้และจัดการความเสี่ยงนี้จึงจำเป็นมาก
ประเภทความเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงจากการทำธุรกรรม ซึ่งเกิดจากรายรับหรือรายจ่ายในเงินต่างประเทศที่มูลค่าเปลี่ยนไปตามอัตราในวันชำระจริง ความเสี่ยงจากการแปลงค่า สำหรับบริษัทที่มีกิจการต่างประเทศต้องรวมงบการเงิน และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่กระทบระยะยาวต่อมูลค่าตลาดและกระแสเงินสดจากความสามารถแข่งขัน
เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่นิยม ได้แก่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งเป็นการตกลงอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมอนาคต ช่วยล็อกอัตราคงที่และลดความกังวลเรื่องกระแสเงินสด ธนาคารพาณิชย์ในไทยหลายแห่งให้บริการนี้
สัญญาออปชันให้สิทธิ์ซื้อหรือขายเงินต่างประเทศในอนาคตที่ราคาตกลงไว้ แต่ไม่บังคับใช้ สามารถละเว้นได้ถ้าตลาดดีกว่า แม้จะมีค่าธรรมเนียมเบื้องต้น
นอกจากนี้ การจับคู่สกุลเงินโดยให้รายรับ-รายจ่ายอยู่ในสกุลเดียวกันช่วยลดการแลกเปลี่ยน ส่วนการกระจายความเสี่ยงสำหรับบุคคลทั่วไป เช่น ถือสินทรัพย์หลายสกุลหรือแลกเงินทีละน้อย ช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวน

6. วิธีเช็คอัตราแลกเปลี่ยนและการแลกเงินในประเทศไทย
การตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนและเลือกช่องทางแลกเงินที่เหมาะสมช่วยให้ได้อัตราดีและปลอดภัยสำหรับคนไทย
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งให้ข้อมูลอ้างอิงอย่างเป็นทางการสำหรับสกุลเงินหลัก สามารถเข้าดูได้ที่ เว็บไซต์ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ๆ อย่างไทยพาณิชย์ กรุงไทย หรือกรุงเทพ ก็อัปเดตอัตราผ่านเว็บและแอปแบบเรียลไทม์ พร้อมบริการแลกเงินออนไลน์หรือที่สาขา
ร้านแลกเงินชื่อดัง เช่น SuperRich, KVS หรือ ValuePlus มักให้อัตราดีกว่าธนาคารเล็กน้อย โดยเฉพาะเงินสดสกุลหลัก มีสาขาตามแหล่งท่องเที่ยวและห้าง
แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Wise ใช้ mid-market rate กับค่าธรรมเนียมชัดเจน เหมาะสำหรับโอนเงินจำนวนมากข้ามประเทศ
ส่วนกรมศุลกากรมีอัตราพิเศษสำหรับคำนวณภาษีนำเข้า ซึ่งอาจต่างจากอัตราทั่วไป สามารถตรวจสอบได้ที่ ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนของกรมศุลกากร
คำแนะนำคือ เปรียบเทียบอัจากหลายที่ก่อนตัดสินใจ ใช้เครื่องมืออย่าง Google Finance แลกเงินในปริมาณพอดีเพื่อลดความเสี่ยง และเตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตเมื่อไปแลก

7. สรุปและอนาคตของอัตราแลกเปลี่ยนไทย
อัตราแลกเปลี่ยนเป็นส่วนเชื่อมสำคัญระหว่างเศรษฐกิจไทยกับโลก การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของเงินบาทสามารถกระเพื่อมไปถึงทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ประกอบการค้าขายไปจนถึงผู้บริโภคที่ซื้อสินค้านำเข้าหรือนักท่องเที่ยวที่วางแผนทริปต่างประเทศ
ไทยยังยึดระบบแบบมีการจัดการ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของธนาคารแห่งประเทศไทยในการรักษาสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นของตลาดและความมั่นคง ทิศทางในอนาคตจะขึ้นกับนโยบายธนาคารกลางทั่วโลก การค้าโลก การฟื้นตัวของท่องเที่ยว และความมั่นคงภายใน ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการไหลเวียนเงินทุน
สำหรับคนไทย การติดตามข่าวสารและเข้าใจอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะวางแผนการเงินส่วนตัว ลงทุน หรือจัดการธุรกิจ ความรู้ที่ถูกต้องช่วยป้องกันความเสี่ยงและคว้าโอกาสจากความผันผวนได้อย่างมีสติ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน (FAQs)
1. อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์วันนี้เท่าไหร่? และเช็คได้จากที่ไหน?
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณสามารถเช็คอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดได้จากเว็บไซต์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์หลักๆ ในไทย เช่น SCB, Krungthai หรือ Bangkok Bank รวมถึงบริษัทแลกเปลี่ยนเงินอย่าง SuperRich ครับ
2. ธนาคารแห่งประเทศไทยมีบทบาทอย่างไรในการกำหนดและดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีบทบาทสำคัญในการดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบมีการจัดการ โดย ธปท. อาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อลดความผันผวนที่มากเกินไป หรือเพื่อสนับสนุนเป้าหมายทางเศรษฐกิจ เช่น การส่งออก เพื่อให้ค่าเงินบาทสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
3. ทำไมอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารกับร้านรับแลกเงินถึงแตกต่างกัน? ควรแลกที่ไหนดี?
อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารกับร้านรับแลกเงินอาจแตกต่างกันเล็กน้อยเนื่องจากโครงสร้างต้นทุนและนโยบายการทำกำไรที่ต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว ร้านรับแลกเงินมักจะให้อัตราที่ดีกว่าธนาคาร โดยเฉพาะสำหรับเงินสดสกุลหลักๆ การเลือกที่แลกขึ้นอยู่กับความสะดวกและปริมาณเงิน หากเป็นจำนวนมาก ควรเปรียบเทียบอัตราจากหลายแหล่งก่อนตัดสินใจครับ
4. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน คืออะไร และคนไทยที่ลงทุนต่างประเทศควรระวังอย่างไร?
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน คือความเสี่ยงที่มูลค่าการลงทุนหรือผลตอบแทนจะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับคนไทยที่ลงทุนต่างประเทศ ควรพิจารณา:
- **การทำประกันความเสี่ยง (Hedging):** ใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น สัญญา Forward Contract หรือ Options
- **การกระจายความเสี่ยง:** ลงทุนในหลายสกุลเงินหรือทยอยลงทุน
- **การติดตามข่าวสาร:** อัปเดตข้อมูลเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของประเทศที่ลงทุน
5. อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่และลอยตัว: ระบบใดเหมาะกับเศรษฐกิจไทยมากกว่ากัน?
ปัจจุบันประเทศไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบมีการจัดการ (Managed Float) ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างคงที่และลอยตัว ระบบนี้ถือว่าเหมาะกับเศรษฐกิจไทยมากกว่าระบบคงที่หรือลอยตัวบริสุทธิ์ เพราะให้ความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังคงสามารถเข้ามาดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพได้เมื่อจำเป็น
6. อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้าในไทยอย่างไรบ้าง?
หากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนค่าลง หมายความว่าต้องใช้เงินบาทจำนวนมากขึ้นในการซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้านำเข้า ส่งผลให้ต้นทุนของผู้นำเข้าสูงขึ้น และผู้นำเข้ามักจะผลักภาระต้นทุนนี้ไปที่ผู้บริโภค ทำให้ราคาสินค้านำเข้าในไทยสูงขึ้นตามไปด้วยครับ
7. การทำสัญญา Forward Contract คืออะไร และช่วยธุรกิจไทยในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างไร?
สัญญา Forward Contract คือข้อตกลงซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในอนาคต ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้ในปัจจุบัน ช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถล็อกอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ลดความไม่แน่นอนของกำไรหรือขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
8. นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปต่างประเทศควรมีวิธีจัดการเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด?
นักท่องเที่ยวชาวไทยควร:
- **เปรียบเทียบอัตรา:** ตรวจสอบอัตราจากหลายแหล่ง (ธนาคาร, ร้านแลกเงิน, Wise)
- **ทยอยแลกเงิน:** หากมีแผนเดินทางล่วงหน้าหลายเดือน อาจทยอยแลกเป็นก้อนเล็กๆ เพื่อถัวเฉลี่ยความเสี่ยง
- **ใช้บัตรเครดิต/เดบิต:** เลือกบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินสูง
- **หลีกเลี่ยงการแลกที่สนามบิน:** อัตราแลกเปลี่ยนที่สนามบินมักจะไม่ดีเท่าในเมือง
9. มีวิธีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนนอกเหนือจาก Forward Contract อะไรอีกบ้างที่คนไทยควรรู้?
นอกจาก Forward Contract แล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น:
- **การทำสัญญา Options:** ให้สิทธิ์แต่ไม่ผูกมัดในการซื้อ/ขายเงินตราต่างประเทศ
- **การจับคู่สกุลเงิน (Matching):** พยายามให้มีรายรับและรายจ่ายในสกุลเงินเดียวกัน
- **การใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่มั่นคง:** เช่น การเรียกเก็บเงินเป็น USD ในบางธุรกรรม
- **การกระจายการลงทุนในหลายสกุลเงิน:** สำหรับพอร์ตการลงทุนส่วนบุคคล
10. อัตราแลกเปลี่ยนทางการที่กรมศุลกากรใช้คำนวณภาษีนำเข้า แตกต่างจากอัตราทั่วไปอย่างไร?
อัตราแลกเปลี่ยนทางการที่กรมศุลกากรใช้คำนวณภาษีนำเข้าเป็นอัตราที่กำหนดโดยกรมศุลกากรเอง ซึ่งอาจมีการอัปเดตเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ และมีวัตถุประสงค์เฉพาะสำหรับการประเมินภาษีอากรเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว อัตรานี้อาจไม่ตรงกับอัตรา “ซื้อ” หรือ “ขาย” ที่ธนาคารหรือร้านแลกเงินประกาศใช้ในตลาดทั่วไป เนื่องจากมีวัตถุประสงค์และวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน เพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษีอากรเป็นหลัก