66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

หลักทรัพย์ คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ในตลาดทุนไทย

Home / เริ่มต้นเทรด / หลั...

meetcinco_com | 11 10 月

หลักทรัพย์ คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ในตลาดทุนไทย

บทนำ: หลักทรัพย์คืออะไร และทำไมคุณควรรู้?

ในแวดวงการเงินที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน คำว่า “หลักทรัพย์” อาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายๆ คน แต่ในความเป็นจริง มันคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องการเงินทุนกับผู้อยากนำเงินไปลงทุน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทั้งในชีวิตส่วนตัวและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หลักทรัพย์ไม่ได้เป็นแค่ศัพท์เทคนิคที่แห้งแล้ง แต่เป็นทางเปิดสู่การสะสมความมั่งคั่ง การเพิ่มพูนทรัพย์สิน และช่วยให้ธุรกิจขยายตัว สร้างโอกาสงาน และผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ การเข้าใจพื้นฐานว่าหลักทรัพย์คืออะไร มีรูปแบบไหนบ้าง และมีหน้าที่อย่างไรในการลงทุน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ขาดไม่ได้สำหรับใครก็ตามที่อยากก้าวเข้าสู่โลกของตลาดการเงิน

ภาพประกอบแสดงผู้คนเชื่อมโยงการเงินและการลงทุนเพื่อการเติบโต ความมั่นคงในอนาคต และนวัตกรรม

เจาะลึกความหมายของ “หลักทรัพย์” ในบริบทไทย

ตามกฎหมายพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในประเทศไทย หลักทรัพย์หมายถึงเอกสารหรือตราสารที่แสดงสิทธิในทรัพย์สินหลากหลายชนิด ซึ่งสามารถนำไปซื้อขายในตลาดทุนได้ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อการระดมทุนหรือการนำเงินไปลงทุน มันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สะท้อนถึงสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์หรือสิทธิเรียกร้องต่อสินทรัพย์ของผู้发行者 หลักทรัพย์ต่างจาก “หลักประกัน” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นำมาใช้ค้ำประกันหนี้สิน ดังนั้น หลักทรัพย์จึงเน้นไปที่การเป็นช่องทางสำหรับการลงทุนและระดมทุนเป็นสำคัญ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยามและการกำกับดูแลในไทย สามารถดูได้จากเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ภาพประกอบเอกสารกฎหมายไทยกำหนดนิยามหลักทรัพย์ที่แตกต่างจากหลักประกัน พร้อมสัญลักษณ์ทางการเงิน

ประเภทของหลักทรัพย์: รู้จักเครื่องมือลงทุนหลัก

หลักทรัพย์มาพร้อมกับรูปแบบที่หลากหลาย แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะตัว ระดับความเสี่ยง และโอกาสผลตอบแทนที่ต่างกันไป การรู้จักความแตกต่างเหล่านี้ช่วยให้คุณเลือกเครื่องมือลงทุนที่ตรงกับเป้าหมายและความอดทนต่อความเสี่ยงของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

ภาพประกอบแสดงประเภทการลงทุนหลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม และอนุพันธ์ พร้อมระดับความเสี่ยงที่แตกต่าง

ตราสารทุน (Equity Securities): หุ้น

หุ้นคือตราสารที่แสดงถึงส่วนแบ่งการเป็นเจ้าของในบริษัท เมื่อคุณซื้อหุ้น คุณจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ในสินทรัพย์และกำไรของบริษัท รวมถึงสิทธิ์ในการลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ หุ้นมักให้โอกาสผลตอบแทนสูงผ่านกำไรจากส่วนต่างราคาและเงินปันผล แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงเพราะราคาอาจแกว่งตัวตามผลประกอบการของบริษัท สภาพเศรษฐกิจโดยรวม และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

ตราสารหนี้ (Debt Securities): หุ้นกู้, พันธบัตร

ตราสารหนี้คือเอกสารที่แสดงสิทธิ์ในฐานะเจ้าหนี้ โดยผู้发行者 เช่น รัฐบาลหรือบริษัท นำออกมาเพื่อระดมทุนจากสาธารณะ ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงไว้ และได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด ตัวอย่างที่พบทั่วไปคือพันธบัตรรัฐบาลซึ่งมีความเสี่ยงต่ำสุด ขณะที่หุ้นกู้จากภาคเอกชนมีความเสี่ยงมากกว่าแต่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น พันธบัตรเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอและคาดเดาได้ แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยและความน่าเชื่อถือของผู้发行者

หน่วยลงทุน (Investment Units): กองทุนรวม

กองทุนรวมคือการรวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายรายมาลงทุนรวมกัน โดยมีผู้จัดการกองทุนผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลพอร์ตการลงทุน มันช่วยกระจายความเสี่ยงเพราะลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าถึงการลงทุนที่ซับซ้อนได้ง่าย กองทุนรวมมีหลายรูปแบบ เช่น กองทุนที่เน้นหุ้น กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม ขึ้นกับนโยบายการลงทุน เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดหรืออยากให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยจัดการ

ตราสารอนุพันธ์และอื่น ๆ (Derivatives & Others): ใบสำคัญแสดงสิทธิ, ฟิวเจอร์ส

ตราสารอนุพันธ์คือหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น ดัชนี หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ตัวอย่างคือใบสำคัญแสดงสิทธิที่ให้สิทธิ์ซื้อหุ้นในราคาที่กำหนด หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ประเภทนี้ค่อนข้างซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ลึกและรับมือกับความผันผวนได้

เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางต่อไปนี้สรุปคุณสมบัติหลักของแต่ละประเภท:

ประเภทหลักทรัพย์ ความเสี่ยง ผลตอบแทนที่คาดหวัง สภาพคล่อง เหมาะสำหรับ
หุ้น สูง สูง (เงินปันผล, Capital Gain) สูง นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง, เน้นการเติบโต
ตราสารหนี้ ต่ำ-ปานกลาง ต่ำ-ปานกลาง (ดอกเบี้ย) ปานกลาง นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ-ปานกลาง, เน้นความมั่นคง
กองทุนรวม ปานกลาง ปานกลาง (ตามนโยบายกองทุน) ปานกลาง นักลงทุนมือใหม่, ต้องการกระจายความเสี่ยง, ผู้เชี่ยวชาญบริหาร
ตราสารอนุพันธ์ สูงมาก สูงมาก (แต่ขาดทุนสูงได้) สูง นักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง, เข้าใจความซับซ้อน

บทบาทของหลักทรัพย์ในตลาดทุนไทย

หลักทรัพย์มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ต้องการทุน เช่น ธุรกิจและรัฐบาล กับผู้มีเงินออมที่อยากนำไปลงทุน เช่น ประชาชนและสถาบันการเงิน

ตลาดแรก (Primary Market) และตลาดรอง (Secondary Market)

ตลาดทุนไทยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักที่ทำงานประสานกัน:

  • ตลาดแรก (Primary Market): คือสถานที่ที่ผู้发行者เสนอขายหลักทรัพย์ใหม่ครั้งแรกให้สาธารณะ เช่น ผ่านการเสนอขายหุ้น IPO เงินที่ได้จะไหลตรงเข้าผู้发行者 เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจหรือพัฒนาโครงการ
  • ตลาดรอง (Secondary Market): คือตลาดที่หลักทรัพย์ที่ขายไปแล้วถูกนำมาซื้อขายระหว่างนักลงทุน เช่น ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ส่วนนี้ช่วยสร้างความมั่นใจด้วยสภาพคล่อง และให้ราคาหลักทรัพย์สะท้อนมูลค่าจริงจากกลไกตลาด

ผู้เล่นหลักในระบบนิเวศหลักทรัพย์ไทย

ระบบตลาดหลักทรัพย์ไทยมีผู้มีส่วนร่วมหลายฝ่ายที่ทำงานร่วมกันเพื่อความราบรื่น:

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): เป็นศูนย์กลางซื้อขายหลักทรัพย์หลักของประเทศ รับผิดชอบเรื่องสภาพคล่อง ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแลให้การซื้อขายโปร่งใส ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้ที่ เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.): หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนไทย ออกกฎระเบียบ คุ้มครองนักลงทุน และส่งเสริมพัฒนาตลาดให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ
  • บริษัทหลักทรัพย์ (บริษัท Broker): ทำหน้าที่เป็นตัวกลางซื้อขายหลักทรัพย์ ให้บริการเปิดบัญชี คำแนะนำการลงทุน และเครื่องมืออื่นๆ
  • ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (Thailand Securities Depository Co., Ltd. – TSD): จัดการรับฝากหลักทรัพย์ ชำระเงินและส่งมอบ เพื่อให้การซื้อขายปลอดภัยและลื่นไหล ดูรายละเอียดได้ที่ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์

เริ่มต้นลงทุนในหลักทรัพย์: คู่มือสำหรับนักลงทุนไทยมือใหม่

สำหรับมือใหม่ในไทย การก้าวเข้าสู่การลงทุนหลักทรัพย์อาจทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ นี่คือขั้นตอนและเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ

ขั้นตอนการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์

  1. เลือกบริษัทหลักทรัพย์: หาบริษัทที่น่าเชื่อถือและบริการตรงใจ เช่น Thanachart Securities, Bualuang Securities, Phillip Securities, Krungsri Securities พิจารณาจากค่าธรรมเนียม คำแนะนำ เครื่องมือ และความสะดวกของแพลตฟอร์ม
  2. เตรียมเอกสาร: โดยปกติต้องมีสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีธนาคารสำหรับผูกบัญชีเงิน และเอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรอง
  3. กรอกใบสมัคร: ทำได้ออนไลน์หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ รวมถึงแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อวัดระดับที่คุณรับไหว
  4. รออนุมัติ: หลังยื่นครบ บริษัทจะตรวจสอบและอนุมัติบัญชีให้

การเลือกประเภทหลักทรัพย์ให้เหมาะกับเป้าหมาย

  • ประเมินความเสี่ยงของตนเอง: เข้าใจว่าคุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน สำหรับมือใหม่ที่ระมัดระวัง กองทุนรวมตราสารหนี้หรือหุ้นกู้คือจุดเริ่มต้นที่ปลอดภัย
  • กำหนดเป้าหมายการลงทุน: คิดว่าลงทุนเพื่ออะไร เช่น ซื้อบ้าน เกษียณ หรือศึกษาลูก และมีเวลานานเท่าไหร่ เป้าหมายสั้นอาจเหมาะกับหลักทรัพย์มั่นคง ขณะที่ยาวนานชวนลงหุ้นเติบโต
  • กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนหมดในที่เดียว กระจายไปหลายประเภทและอุตสาหกรรมเพื่อลดผลกระทบจากจุดอ่อน

มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงการตามกระแสหรือคำแนะนำจากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ ศึกษาด้วยตัวเองจากพื้นฐานและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนในหลักทรัพย์

การลงทุนหลักทรัพย์เปิดโอกาสสร้างความมั่งคั่ง แต่ต้องเข้าใจและจัดการความเสี่ยงให้ดีเพื่อความยั่งยืน

ความเสี่ยงที่ควรรู้

  • ความเสี่ยงตลาด (Market Risk): ราคาหลักทรัพย์อาจขึ้นลงตามเศรษฐกิจ การเมือง และข่าวสารที่กระทบตลาดทั้งระบบ
  • ความเสี่ยงสภาพคล่อง (Liquidity Risk): บางหลักทรัพย์อาจขายยาก ทำให้เปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ทันที
  • ความเสี่ยงเครดิต (Credit Risk): ผู้发行者ตราสารหนี้อาจล้มเหลวในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
  • ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยกระทบราคาตราสารหนี้โดยตรง
  • ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk): สำหรับหลักทรัพย์ต่างประเทศ ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนอาจลดผลตอบแทน
  • ความเสี่ยงจากการฉ้อโกงหลักทรัพย์: ระวังโครงการที่ดูดีเกินจริงหรือไม่ได้รับอนุญาต ตรวจสอบคำเตือนจาก ก.ล.ต. เพื่อป้องกันการสูญเสีย

ผลตอบแทนที่คาดหวัง

  • เงินปันผล/ดอกเบี้ย: หุ้นให้เงินปันผลจากกำไรบริษัท ตราสารหนี้ให้ดอกเบี้ยตามกำหนด
  • กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain): ขายหลักทรัพย์ในราคาที่สูงขึ้นเพื่อทำกำไร
  • ผลของเงินทบต้น: ลงทุนสม่ำเสมอและนำผลตอบแทนไปลงทุนต่อ ช่วยให้เงินเติบโตแบบทบต้นในระยะยาว ซึ่งเป็นกลยุทธ์พื้นฐานในการสะสมความมั่งคั่ง

ข้อควรพิจารณาทางภาษีสำหรับการลงทุนหลักทรัพย์ในประเทศไทย

การลงทุนหลักทรัพย์ในไทยต้องคำนึงถึงภาษีเพื่อให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • ภาษีเงินปันผล: สำหรับหุ้นไทย หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% แต่สามารถนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปีเพื่อขอคืน หากอัตราภาษีของคุณต่ำกว่า 10%
  • ภาษีกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain Tax): กำไรจากการขายหุ้นใน SET มักได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่สำหรับตราสารหนี้หรือหน่วยลงทุนบางประเภท อาจต้องเสียภาษี
  • ภาษีดอกเบี้ยตราสารหนี้: หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% และไม่สามารถนำไปขอคืนได้

กฎภาษีอาจเปลี่ยนแปลงและซับซ้อน แนะนำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือตรวจสอบจาก กรมสรรพากร เพื่อความแน่นอน

สรุป: หลักทรัพย์ ก้าวแรกสู่การสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน

หลักทรัพย์คือเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการเงิน ไม่ว่าจะสะสมความมั่งคั่งระยะยาว วางแผนเกษียณ หรือเพิ่มเงินออม การเข้าใจพื้นฐาน ประเภท บทบาทในตลาดทุน และความเสี่ยง โดยเฉพาะในบริบทไทย เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนทุกคน เริ่มต้นด้วยความรู้ที่ถูกต้อง ประเมินความเสี่ยงตัวเอง และลงทุนอย่างมีวินัย จะนำไปสู่ความสำเร็จทางการเงินที่มั่นคง ในโลกการลงทุน การเรียนรู้ต่อเนื่องคือกุญแจ ดังนั้นเปิดรับข้อมูลใหม่และปรับกลยุทธ์ให้ทันสมัยเสมอ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลักทรัพย์ (FAQ)

หลักทรัพย์มีกี่ประเภทหลักๆ และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?

หลักทรัพย์หลักๆ มี 3 ประเภท ได้แก่:

  • ตราสารทุน (หุ้น): แสดงความเป็นเจ้าของในบริษัท มีโอกาสได้กำไรสูงจากส่วนต่างราคาและเงินปันผล แต่มีความเสี่ยงสูง
  • ตราสารหนี้ (หุ้นกู้, พันธบัตร): แสดงความเป็นเจ้าหนี้ ได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง และผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้
  • หน่วยลงทุน (กองทุนรวม): การรวมเงินลงทุนจากหลายคน มีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแล ช่วยกระจายความเสี่ยง เหมาะสำหรับมือใหม่

นอกจากนี้ยังมีตราสารอนุพันธ์ เช่น ใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่มีความซับซ้อนและเสี่ยงสูง

นักลงทุนมือใหม่ในประเทศไทยควรเริ่มต้นลงทุนในหลักทรัพย์อย่างไร?

นักลงทุนมือใหม่ควรเริ่มต้นด้วย:

  1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของหลักทรัพย์และตลาดทุนไทยให้เข้าใจ
  2. ประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
  3. เลือกบริษัทหลักทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
  4. พิจารณาลงทุนในกองทุนรวมก่อน เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการและกระจายความเสี่ยงให้
  5. เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย และลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

การลงทุนในหลักทรัพย์มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ควรรู้?

ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่:

  • ความเสี่ยงตลาด: ราคาหลักทรัพย์ผันผวนตามสภาวะตลาด
  • ความเสี่ยงสภาพคล่อง: อาจหาผู้ซื้อ/ขายหลักทรัพย์ได้ยาก
  • ความเสี่ยงเครดิต: ผู้ออกหลักทรัพย์ไม่สามารถชำระหนี้ได้
  • ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย: การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยกระทบราคาตราสารหนี้
  • ความเสี่ยงจากการฉ้อโกง: การหลอกลวงให้ลงทุนในโครงการผิดกฎหมาย

บริษัทหลักทรัพย์ (Broker) มีบทบาทสำคัญอย่างไรในการลงทุนของเรา?

บริษัทหลักทรัพย์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุน โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้:

  • ให้บริการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
  • เป็นช่องทางในการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์
  • ให้คำแนะนำและข้อมูลการลงทุนแก่ลูกค้า
  • ให้บริการเครื่องมือและแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีความสำคัญต่อผู้ลงทุนและระบบเศรษฐกิจอย่างไร?

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกลไกสำคัญที่:

  • เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับภาคธุรกิจและรัฐบาล
  • เป็นช่องทางให้ผู้ลงทุนสามารถนำเงินออมมาลงทุนและสร้างผลตอบแทน
  • สร้างสภาพคล่องให้กับการซื้อขายหลักทรัพย์
  • เป็นดัชนีชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ
  • ส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความโปร่งใสของบริษัทจดทะเบียน

การซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทยต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?

หลักๆ คือ:

  • ภาษีเงินปันผล: หัก ณ ที่จ่าย 10% (เลือกนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้)
  • ภาษีกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain Tax): ส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้นสำหรับการซื้อขายหุ้นใน SET แต่บางกรณี (เช่น ตราสารหนี้) อาจต้องเสียภาษี
  • ภาษีดอกเบี้ยตราสารหนี้: หัก ณ ที่จ่าย 15%

ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความถูกต้อง

นอกจากหุ้นและหุ้นกู้แล้ว มีหลักทรัพย์ประเภทอื่นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยหรือไม่?

มีหลักทรัพย์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น:

  • กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund): ลงทุนในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ถนน ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
  • หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs): ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ ให้ผลตอบแทนจากค่าเช่า
  • ทองคำแท่ง/กองทุนรวมทองคำ: เป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและความผันผวนของเศรษฐกิจ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ ควรหาข้อมูลจากแหล่งใด?

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้แก่:

หลักทรัพย์ออนไลน์กับหลักทรัพย์แบบดั้งเดิมต่างกันอย่างไรในบริบทของไทย?

ในประเทศไทย ปัจจุบันการซื้อขายหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทหลักทรัพย์

  • ออนไลน์: สะดวก รวดเร็ว สามารถซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน มีเครื่องมือวิเคราะห์และข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • แบบดั้งเดิม: มักหมายถึงการติดต่อกับมาร์เก็ตติ้ง (ผู้แนะนำการลงทุน) โดยตรงผ่านโทรศัพท์หรือการเข้าใช้บริการที่สาขา ซึ่งยังคงมีอยู่สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาแบบส่วนตัว

ความแตกต่างหลักอยู่ที่ช่องทางการส่งคำสั่งและความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล

การฉ้อโกงหลักทรัพย์ในประเทศไทยมีรูปแบบใดบ้าง และจะป้องกันได้อย่างไร?

รูปแบบการฉ้อโกงที่พบบ่อยได้แก่:

  • การชักชวนให้ลงทุนในโครงการที่อ้างผลตอบแทนสูงผิดปกติและรับประกันผลตอบแทน
  • การแอบอ้างเป็นบริษัทหลักทรัพย์หรือหน่วยงานภาครัฐ
  • การหลอกให้โอนเงินเพื่อลงทุนในหลักทรัพย์ที่ไม่มีอยู่จริง
  • การปั่นหุ้น หรือให้ข้อมูลเท็จเพื่อชักจูงราคา

การป้องกันคือ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ตรวจสอบข้อมูลจาก ก.ล.ต. หรือตลาดหลักทรัพย์ฯ เสมอ ไม่ลงทุนในสิ่งที่ไม่มีใบอนุญาต และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ

發佈留言