ขาดดุลการค้า คืออะไร? คำจำกัดความและหลักการพื้นฐาน
นิยามของขาดดุลการค้า
ขาดดุลการค้า หมายถึง สถานการณ์ที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการของประเทศใดประเทศหนึ่งมากกว่ามูลค่าการส่งออกในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี สถานการณ์แบบนี้ชี้ให้เห็นว่าประเทศนั้นต้องใช้เงินซื้อของจากต่างชาติน้อยกว่าที่ได้เงินจากการขายสินค้าและบริการของตัวเองออกไป

แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของดุลการค้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในบัญชีเดินสะพัดของดุลการชำระเงิน การขาดดุลการค้าอาจไม่ใช่สัญญาณของปัญหาเสมอไป แต่บางครั้งก็สะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น การนำเข้าที่จำเป็นมาก หรือกำลังซื้อภายในที่คึกคัก
การคำนวณและตัวอย่างง่ายๆ
วิธีคำนวณขาดดุลการค้าคือ การนำมูลค่าการส่งออกทั้งหมดมาหักลบด้วยมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ถ้าผลลัพธ์ติดลบ แสดงว่ามีขาดดุล

สูตร: ขาดดุลการค้า = มูลค่าการส่งออก – มูลค่าการนำเข้า
ตัวอย่าง: สมมติเดือนมกราคม ไทยส่งออกสินค้าและบริการมูลค่า 20,000 ล้านบาท แต่นำเข้า 25,000 ล้านบาท ดังนั้น จะขาดดุล 5,000 ล้านบาท (20,000 – 25,000 = -5,000 ล้านบาท) ซึ่งช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในทางปฏิบัติ
ความแตกต่างระหว่าง “ขาดดุล” และ “เกินดุล” การค้า
เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจน การเปรียบเทียบระหว่างขาดดุลและเกินดุลการค้าจะช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น โดยสรุปดังนี้
- ขาดดุลการค้า (Trade Deficit): มูลค่าการนำเข้า > มูลค่าการส่งออก แสดงถึงการใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าจากต่างชาติน้อยกว่าที่ได้จากการขายออกไป
- เกินดุลการค้า (Trade Surplus): มูลค่าการส่งออก > มูลค่าการนำเข้า หมายถึงได้เงินจากต่างชาติน้อยกว่าที่ต้องจ่ายออกไป
- ดุลการค้าสมดุล (Trade Balance): มูลค่าการส่งออก ≈ มูลค่าการนำเข้า สถานการณ์ที่การค้าต่างประเทศสมดุลกันพอดี

ทั้งสองภาวะนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับบริบท เช่น เกินดุลอาจบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในการผลิต แต่ก็อาจหมายถึงการบริโภคภายในที่อ่อนแอ ในขณะที่ขาดดุลอาจมาจากการลงทุนที่สูง แต่เสี่ยงต่อปัญหาหนี้สินและค่าเงินที่ผันผวน โดยเฉพาะในประเทศอย่างไทยที่พึ่งพาการค้าอย่างมาก
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะขาดดุลการค้า
ภาวะขาดดุลการค้าสามารถเกิดจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งภายในและภายนอกที่ยากต่อการควบคุม สำหรับไทย ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยการค้า สาเหตุสำคัญมักเกี่ยวข้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจและเหตุการณ์โลก
ความต้องการนำเข้าที่สูงกว่าการผลิตภายในประเทศ
ไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าบางประเภทจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ผลิตเองไม่ทันหรือผลิตไม่ได้ เช่น สินค้าที่มีมูลค่าสูงหรือจำเป็นต่อการพัฒนา
- พลังงาน: ไทยนำเข้าน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงอื่นๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรม การขนส่ง และผลิตไฟฟ้า เมื่อราคาโลกพุ่ง มูลค่านำเข้าก็เพิ่มตาม ทำให้ดุลการค้าตึงเครียด
- สินค้าทุนและเทคโนโลยี: การลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทคต้องนำเข้าเครื่องจักร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
- สินค้าอุปโภคบริโภคบางชนิด: แม้ไทยเก่งเรื่องเกษตร แต่ยังนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้าที่นิยมบางรายการ เพื่อสนับสนุนการผลิตและความต้องการในประเทศ
ความจำเป็นเหล่านี้ เมื่อรวมกับกำลังผลิตภายในที่ยังไม่ครอบคลุม ทำให้มูลค่านำเข้าพุ่งสูง และเพิ่มโอกาสเกิดขาดดุล โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตเร็ว
ความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกลดลง
การส่งออกเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย แต่ถ้าความสามารถแข่งขันลดลง ก็กระทบดุลการค้าโดยตรง สาเหตุหลัก ได้แก่
- ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น: ค่าแรง พลังงาน หรือวัตถุดิบที่แพงขึ้น ทำให้สินค้าไทยราคาสูงกว่าราคาคู่แข่งในตลาดโลก
- การขาดนวัตกรรม: สินค้าบางประเภทของไทยยังไม่พัฒนาตามความต้องการตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้เสียส่วนแบ่งตลาด
- การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน: ชาติในอาเซียนอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซียกำลังขึ้นมาแซง โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยเคยครองตลาด
- อุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอตัว: เศรษฐกิจโลกซบเซาลดความต้องการสินค้า ส่งผลให้ยอดส่งออกไทยหดตัว
ปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงลดรายได้จากส่งออก แต่ยังทำให้ไทยต้องพึ่งพานำเข้าเพื่อชดเชย ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหา
ค่าเงินบาทที่แข็งค่า
การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลสองด้านต่อดุลการค้า
- ผลกระทบต่อการส่งออก: สินค้าไทยดูแพงขึ้นในสายตานักซื้อต่างชาติ ลดความน่าสนใจและยอดขาย
- ผลกระทบต่อการนำเข้า: สินค้านำเข้าถูกลง ดึงดูดให้ธุรกิจและผู้บริโภคหันไปใช้มากขึ้น
ดังนั้น การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นหน้าที่สำคัญของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อรักษาสมดุลและป้องกันความผันผวนที่อาจกระทบเศรษฐกิจโดยรวม
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคและวิกฤตการณ์
เหตุการณ์ภายนอกที่คาดเดายากมักจุดชนวนขาดดุลในระยะสั้น
- เศรษฐกิจโลกถดถอย: ลดความต้องการสินค้าโลก ส่งผลกระทบส่งออกไทยโดยตรง
- วิกฤตการณ์ต่างๆ: เช่น การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานสะดุด การเดินทางจำกัด และกิจกรรมเศรษฐกิจหดตัว
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์: สงครามหรือข้อพิพาททำให้ราคาน้ำมันและอาหารพุ่ง ไทยที่นำเข้าเหล่านี้จำนวนมากจึงได้รับผลกระทบหนัก นอกจากนี้ยังรบกวนเส้นทางการค้า
สิ่งเหล่านี้ทำให้ส่งออกชะงัก แต่การนำเข้าจำเป็นอย่างพลังงานยังคงดำเนินต่อไป สร้างช่องว่างในดุลการค้า
ผลกระทบของการขาดดุลการค้าต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย
หากขาดดุลยืดเยื้อ จะสร้างผลกระทบซับซ้อนต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในหลายด้าน ตั้งแต่การเติบโตไปจนถึงชีวิตประจำวัน
ผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP)
ในสูตรคำนวณ GDP การส่งออกสุทธิ (ส่งออกลบนำเข้า) เป็นส่วนสำคัญ ถ้าขาดดุล การส่งออกสุทธิจะติดลบ ดึง GDP ให้ชะลอตัว หากส่งออกไม่สร้างรายได้พอ การลงทุนและบริโภคภายในก็อาจสะดุดตาม โดยเฉพาะไทยที่ส่งออกเป็นเครื่องยนต์หลัก
ผลกระทบต่อค่าเงินบาทและการเงินของประเทศ
ขาดดุลต่อเนื่องทำให้เงินตราต่างประเทศไหลออกมากกว่าเข้า กดดันให้เงินบาทอ่อนค่า เมื่อเกิดขึ้น
- ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้น: ต้องใช้เงินบาทมากกว่าเดิม กระทบต้นทุนธุรกิจและกำลังซื้อประชาชน
- เงินเฟ้อ: สินค้านำเข้าที่แพงกว่านำไปสู่ราคาโดยรวมสูงขึ้น
- เงินสำรองระหว่างประเทศลดลง: ต้องใช้สำรองชำระนำเข้า สั่นคลอนความมั่นคงทางการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องเฝ้าระวังและแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงิน
ผลกระทบต่อการจ้างงานและภาคอุตสาหกรรมไทย
ส่งออกลดหรือนำเข้าเพิ่มกระทบการผลิตและงาน
- ภาคอุตสาหกรรมส่งออก: โรงงานลดกำลังผลิตหรือชะลอลงทุน นำไปสู่การเลิกจ้างหรือไม่ขยายงาน
- การแข่งขันกับสินค้านำเข้า: สินค้านำเข้าที่ถูกและดีอาจบดบังอุตสาหกรรมในประเทศ ทำให้โรงงานปิดหรือลดกำลัง
- ภาคเกษตรกรรม: แม้ส่งออกเกษตรได้ แต่การนำเข้าที่แข่งขันอาจลดรายได้เกษตรกร
ผลกระทบเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ว่างงานเพิ่ม แต่ยังกระทบรายได้ครัวเรือนและความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ภาระหนี้สินและการพึ่งพาต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ขาดดุลยาวนานนำไปสู่หนี้สินสะสม โดยเฉพาะหนี้ต่างประเทศจากการกู้เพื่อชดเชย
- ภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น: ต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย เป็นภาระระยะยาว
- การพึ่งพาต่างประเทศ: ต้องพึ่งทุนต่างชาติมากขึ้น เสี่ยงต่อความผันผวนโลกและเงื่อนไขจากเจ้าหนี้
- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): แม้ดีแต่หากพึ่งพามากเกินไป อาจเสียการควบคุมเศรษฐกิจบางส่วน
เพื่อลดความเสี่ยง ไทยต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในควบคู่ไปด้วย
นโยบายและมาตรการของไทยในการรับมือกับการขาดดุลการค้า
รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้แนวทางหลากหลายเพื่อแก้ไขและบรรเทาผลกระทบจากขาดดุล โดยเน้นเพิ่มส่งออก ลดนำเข้า และรักษาเสถียรภาพ
บทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงพาณิชย์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.): ดูแลนโยบายการเงินเพื่อความมั่นคง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจแทรกแซงตลาดเพื่อลดความผันผวนของเงินบาท ป้องกันแข็งหรืออ่อนเกินไปที่กระทบส่งออกและนำเข้า นอกจากนี้ยังบริหารเงินสำรองเพื่อรองรับหนี้ต่างประเทศ
- กระทรวงพาณิชย์: ผลักดันส่งออกผ่าน FTA การจัดงานส่งเสริมการขาย พัฒนาผู้ประกอบการ และช่วยเข้าถึงตลาดใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยง
การประสานงานระหว่างหน่วยงานเหล่านี้ช่วยให้ไทยรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การส่งเสริมการส่งออกและการลดการพึ่งพาการนำเข้า
รัฐบาลมุ่งยกระดับส่งออกและลดนำเข้าด้วยมาตรการเชิงรุก
- ส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม: สนับสนุนสินค้าเกษตรแปรรูป อาหารอนาคต และบริการสุขภาพ เพื่อหลุดพ้นจากสินค้าโภคภัณฑ์
- ขยายตลาดส่งออกใหม่: เปิดตลาดในอาเซียน อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ลดการพึ่งพาตลาดเก่า
- ส่งเสริมการผลิตในประเทศ: ช่วยอุตสาหกรรมผลิตสินค้าทดแทนนำเข้า เพิ่มใช้วัตถุดิบในประเทศ โดยเฉพาะพลังงานและชิ้นส่วน
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ปรับปรุงโลจิสติกส์และขนส่ง ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการค้า
มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงลดขาดดุล แต่ยังเสริมความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
FDI เป็นกลยุทธ์ระยะยาวในการแก้ขาดดุล เนื่องจากนำเทคโนโลยี งาน และความรู้มา
- เพิ่มขีดความสามารถในการผลิต: ช่วยผลิตทดแทนนำเข้าหรือส่งออกมากขึ้น
- สร้างงานและรายได้: สร้างโอกาสงานให้คนไทยและเพิ่มรายได้ผ่านส่งออก
- ถ่ายทอดเทคโนโลยี: บริษัทต่างชาติถ่ายทอดนวัตกรรม ยกระดับอุตสาหกรรมไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้สิทธิประโยชน์และโปรโมทอุตสาหกรรมเป้า เช่น EEC เพื่อดึง FDI เข้าประเทศ
สรุปและอนาคตของดุลการค้าไทย
ขาดดุลการค้าเป็นเรื่องซับซ้อนที่กระทบไทยหลายด้าน ตั้งแต่ GDP ค่าเงิน การงาน ไปจนถึงหนี้และการพึ่งพาภายนอก แม้บางครั้งมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก แต่การวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบอย่างละเอียดช่วยให้ไทยวางแผนรับมือได้ดี
อนาคตดุลการค้าขึ้นกับการปรับตัวของไทย การส่งเสริมส่งออกมูลค่าสูง ลดนำเข้าที่ไม่จำเป็น พัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ และดึง FDI คุณภาพ จะเป็นกุญแจสู่ดุลที่ยั่งยืน การร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชนจะช่วยให้ไทยเผชิญความท้าทายและคว้าโอกาสในเวทีโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตแข็งแกร่ง
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. ขาดดุลการค้า คืออะไร และแตกต่างจากเกินดุลการค้าอย่างไร?
ขาดดุลการค้า (Trade Deficit) คือ ภาวะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการของประเทศสูงกว่ามูลค่าการส่งออก ส่วน เกินดุลการค้า (Trade Surplus) คือ ภาวะที่มูลค่าการส่งออกสูงกว่าการนำเข้า พูดง่ายๆ คือ ขาดดุลคือใช้จ่ายมากกว่าที่หาได้จากการค้า ส่วนเกินดุลคือหารายได้จากการค้าได้มากกว่าที่ใช้จ่ายไป
2. สาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาขาดดุลการค้าในช่วงที่ผ่านมาคืออะไร?
สาเหตุหลักมักจะมาจากหลายปัจจัยรวมกัน ได้แก่ การพึ่งพาการนำเข้าพลังงานและสินค้าทุนที่ราคาสูงขึ้น, ความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น, ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกบางประเภทที่ลดลง, ค่าเงินบาทที่แข็งค่า (ในบางช่วงเวลา) และปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลกชะลอตัว หรือวิกฤตการณ์ต่างๆ เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
3. การขาดดุลการค้าส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทและการดำเนินชีวิตของคนไทยโดยตรงอย่างไร?
การขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลลง เนื่องจากเงินตราต่างประเทศไหลออกจากประเทศมากกว่าไหลเข้า ซึ่งจะทำให้:
- ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ
- ค่าครองชีพสูงขึ้นจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น
- ภาระหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นหากมีหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศ
4. รัฐบาลไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการอะไรบ้างในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้า?
รัฐบาลไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้มาตรการหลากหลาย:
- ธปท.: ใช้เครื่องมือนโยบายการเงินดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรักษาเสถียรภาพ และบริหารจัดการเงินสำรองระหว่างประเทศ
- รัฐบาล (ผ่านกระทรวงพาณิชย์และ BOI): ส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง, ขยายตลาดส่งออกใหม่, สนับสนุนการผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้า, ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและส่งออก
5. หากประเทศไทยขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง จะเกิดผลเสียระยะยาวอะไรบ้าง?
ผลเสียระยะยาวอาจรวมถึง:
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ชะลอตัวลง
- ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อสูงขึ้น
- เงินสำรองระหว่างประเทศลดลง
- ภาระหนี้สินต่างประเทศเพิ่มขึ้น
- การพึ่งพาต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ
- การว่างงานที่เพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรมที่แข่งขันไม่ได้
6. นักลงทุนต่างชาติควรกังวลเรื่องการขาดดุลการค้าของไทยหรือไม่?
การขาดดุลการค้าในระยะสั้นอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวล หากมีสาเหตุจากปัจจัยชั่วคราวหรือเป็นการนำเข้าเพื่อการลงทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากการขาดดุลเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากอาจบ่งชี้ถึงความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ, ความเสี่ยงด้านค่าเงิน, หรือความจำเป็นในการเพิ่มหนี้ต่างประเทศ นักลงทุนมักจะติดตามดุลการค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินเสถียรภาพของเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ
7. ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีส่วนช่วยลดการขาดดุลการค้าได้อย่างไร?
ภาคการท่องเที่ยวถือเป็น “การส่งออกบริการ” ที่สำคัญของไทย เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ เงินตราต่างประเทศจะไหลเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งช่วยชดเชยการขาดดุลการค้าสินค้าได้ แม้จะไม่ใช่การส่งออกสินค้าโดยตรง แต่รายได้จากการท่องเที่ยวช่วยเพิ่มบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ซึ่งเป็นภาพรวมของกระแสเงินที่ไหลเข้าและออกจากประเทศ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดดีขึ้นและลดแรงกดดันจากการขาดดุลการค้า
8. เราในฐานะผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการ สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยลดการขาดดุลการค้าของประเทศได้อย่างไร?
ในฐานะผู้บริโภค เราสามารถช่วยได้โดยการ:
- สนับสนุนสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ เพื่อลดการนำเข้า
- พิจารณาเลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพจากผู้ผลิตในประเทศ
ในฐานะผู้ประกอบการ เราสามารถช่วยได้โดยการ:
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- พัฒนาสินค้าและบริการให้มีนวัตกรรมและคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มการส่งออก
- มองหาแหล่งวัตถุดิบในประเทศเพื่อลดการนำเข้า
- ขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ
9. การที่ไทยนำเข้าน้ำมันและสินค้าทุนจำนวนมาก มีผลต่อการขาดดุลการค้าอย่างไร?
การนำเข้าน้ำมันและสินค้าทุนจำนวนมากเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขาดดุลการค้า เนื่องจากประเทศไทยยังคงพึ่งพาสินค้าเหล่านี้เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและการผลิต เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น หรือมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน/เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ มูลค่าการนำเข้าก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้การขาดดุลการค้าขยายตัว
10. ประเทศไทยมีการคาดการณ์แนวโน้มดุลการค้าในอนาคตอย่างไร?
แนวโน้มดุลการค้าของประเทศไทยในอนาคตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก, นโยบายการค้าของประเทศคู่ค้า, และความสามารถในการปรับตัวของภาคการผลิตและส่งออกของไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานเศรษฐกิจอื่นๆ มักจะมีการคาดการณ์และปรับประมาณการเป็นระยะ โดยพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดและแนวโน้มในอนาคต โดยทั่วไปแล้ว ประเทศไทยมักจะมีความพยายามในการรักษาสมดุลทางการค้าผ่านการส่งเสริมการส่งออกและควบคุมการนำเข้าเพื่อไม่ให้เกิดการขาดดุลอย่างรุนแรงและยั่งยืน