66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

สำรวจความหมายของสินค้าโภคภัณฑ์ใน 5 นาที

Home / ห้องเรียนฟอเร็กซ์ / สำร...

meetcinco_com | 19 9 月

สำรวจความหมายของสินค้าโภคภัณฑ์ใน 5 นาที

โภคภัณฑ์ (Commodity) คืออะไร? เข้าใจง่ายใน 5 นาที

คำว่า “โภคภัณฑ์” หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า Commodity คือสินค้าพื้นฐานที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าหรือบริการอื่น ๆ จุดเด่นสำคัญที่สุดคือความ “ทดแทนกันได้” หรือที่เรียกว่า fungibility หมายความว่า ไม่ว่าสินค้าชนิดเดียวกันจะมาจากผู้ผลิตไหน แหล่งไหน ก็มีคุณภาพและลักษณะเหมือนกันจนสามารถแลกเปลี่ยนกันได้โดยไม่มีข้อแตกต่าง

ลองนึกภาพง่าย ๆ ว่า ทองคำแท่ง 1 ออนซ์จากเหมืองในแอฟริกา กับอีกแท่งจากออสเตรเลีย แทบไม่ต่างกันทั้งน้ำหนัก ความบริสุทธิ์ หรือมูลค่า หรืออย่างน้ำมันดิบ WTI ก็ตาม ไม่ว่าจะสกัดจากอเมริกาหรือแม้แต่ชายฝั่งแอฟริกา ก็ยังสามารถซื้อขายในตลาดโลกได้ที่ราคาเดียวกัน คุณสมบัตินี้เองที่ทำให้โภคภัณฑ์กลายเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายและแลกเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วในตลาดสากล

ภาพประกอบสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

โภคภัณฑ์ ต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างไร?

หลายคนมักสับสนระหว่าง “โภคภัณฑ์” กับ “สินค้าอุปโภคบริโภค” ทั่วไป เพราะทั้งสองอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่จุดต่างสำคัญอยู่ที่ “กระบวนการสร้างมูลค่า” และ “ความเฉพาะเจาะจง” ซึ่งสามารถอธิบายได้ชัดเจนผ่านตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่าง “เมล็ดกาแฟดิบ” กับ “กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ดัง”

คุณสมบัติ สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น เมล็ดกาแฟดิบ) สินค้าอุปโภคบริโภค (เช่น กาแฟสำเร็จรูป)
ความเป็นมาตรฐาน มีมาตรฐานเดียวกัน สามารถใช้แทนกันได้โดยสมบูรณ์ มีความแตกต่างจากแบรนด์ สูตร รสชาติ หรือบรรจุภัณฑ์
การสร้างแบรนด์ ไม่มีแบรนด์เฉพาะตัวของผู้ผลิต เน้นการสร้างแบรนด์และสร้างความภักดีให้ลูกค้า
แหล่งที่มาของราคา กำหนดโดยกลไกอุปสงค์-อุปทานในตลาดโลก ผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายเป็นผู้กำหนด พร้อมบวกค่าการตลาด
กระบวนการผลิต ยังเป็นวัตถุดิบขั้นต้น ยังไม่ผ่านการแปรรูป ผ่านการแปรรูปและปรุงแต่งเพื่อเพิ่มมูลค่า

จากตารางจะเห็นว่า โภคภัณฑ์เปรียบเสมือน “รากฐาน” ของเศรษฐกิจ ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคคือ “ปลายทาง” ที่ผ่านการปรับแต่ง วางกลยุทธ์การตลาด และพร้อมส่งถึงมือผู้บริโภคโดยตรง

ภาพประกอบสินค้าเกษตร เช่น ข้าว กาแฟ น้ำตาล และข้าวโพด

5 กลุ่มโภคภัณฑ์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

โภคภัณฑ์ถูกจัดประเภทตามลักษณะการได้มาและการใช้งาน โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ซึ่งแต่ละกลุ่มล้วนมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกในระดับที่แตกต่างกันไป

1. กลุ่มพลังงาน

พลังงานคือเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจทั้งในภาคอุตสาหกรรม การเกษตร การขนส่ง และการใช้ชีวิตประจำวัน สินค้าหลักในกลุ่มนี้มีดังนี้:

  • น้ำมันดิบ (Crude Oil): ถือเป็นโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก ใช้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล และเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ราคาจึงส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพทั่วโลก
  • ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas): เป็นทางเลือกพลังงานที่สะอาดกว่า ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า และเป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือน ความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวหรือเมื่อนโยบายพลังงานเปลี่ยนไป

2. กลุ่มโลหะมีค่า

โลหะเหล่านี้ไม่เพียงมีค่าในฐานะเครื่องประดับ แต่ยังถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่นักลงทุนแห่เข้าซื้อในช่วงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการเมือง

  • ทองคำ (Gold): ถูกใช้เป็นเครื่องมือรักษามูลค่ามานานหลายศตวรรษ โดยเฉพาะในยามที่ค่าเงินอ่อนตัวหรือเกิดวิกฤตการเงิน
  • เงิน (Silver): นอกเหนือจากการเป็นสินทรัพย์แล้ว เงินยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แผงโซลาร์เซลล์ และการแพทย์
  • แพลทินัม (Platinum): ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ (ตัวกรองไอเสีย) และเครื่องประดับราคาแพง แต่มีปริมาณสำรองน้อย ทำให้ผันผวนง่าย

3. กลุ่มโลหะอุตสาหกรรม

ราคาของโลหะเหล่านี้มักสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจโลก เพราะความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นเมื่ออุตสาหกรรมขยายตัว และลดลงเมื่อเศรษฐกิจชะลอ

  • ทองแดง (Copper): เรียกได้ว่าเป็น “โลหะแห่งอนาคต” เนื่องจากใช้ในสายไฟ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอัจฉริยะ
  • อะลูมิเนียม (Aluminum): น้ำหนักเบา ทนทาน จึงเป็นวัสดุหลักในยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องบิน และบรรจุภัณฑ์
  • สังกะสี (Zinc): ใช้หลักในการชุบเหล็กเพื่อป้องกันการกัดกร่อน จึงมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

4. กลุ่มสินค้าเกษตร

หรือที่เรียกว่า Soft Commodities เป็นสินค้าที่ได้จากการเพาะปลูก เช่น ข้าว ข้าวโพด กาแฟ ซึ่งมีราคาขึ้นกับปัจจัยภายนอกอย่างสภาพอากาศ ภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายเกษตรกรรม

  • ธัญพืช: ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวเจ้า เป็นอาหารหลักของประชากรโลก ความขัดแย้งในยูเครนและรัสเซียส่งผลต่อราคาข้าวสาลีอย่างรุนแรงในปี 2022
  • สินค้าเขตร้อน: กาแฟ น้ำตาล โกโก้ และยางพารา ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก โดยอุตสาหกรรมนี้สนับสนุนรายได้ให้กับเกษตรกรนับล้าน

5. กลุ่มปศุสัตว์

เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานอาหารทั่วโลก โดยราคามีแนวโน้มผันผวนตามต้นทุนอาหารสัตว์ โรคระบาด หรือความต้องการบริโภคที่เปลี่ยนแปลง

  • สุกร (Lean Hogs): ความต้องการเนื้อหมูจากจีนส่งผลต่อราคาอย่างมาก
  • วัว (Live Cattle): ใช้ผลิตเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์นม ราคาผันผวนตามฤดูกาลและการจัดการพื้นที่เลี้ยง
ภาพประกอบกลไกตลาดอุปสงค์และอุปทานของสินค้าโภคภัณฑ์

ทำไมราคาโภคภัณฑ์ถึงผันผวน? เข้าใจกลไกตลาด

ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ขับเคลื่อนด้วยหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐานคือ “อุปสงค์” และ “อุปทาน” เมื่อเกิดความไม่สมดุลในด้านใดด้านหนึ่ง ราคาจะปรับตัวทันที

ตัวอย่างจากอุปทาน: ภัยแล้งในบราซิลทำให้ผลผลิตกาแฟลดลง หรือการนัดหยุดงานในเหมืองทองคำแอฟริกาใต้ อาจทำให้ปริมาณสินค้าในตลาดหดตัว ผลคือราคาพุ่งสูง

ตัวอย่างจากอุปสงค์: ความต้องการทองแดงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากโครงการรถไฟความเร็วสูงในจีน หรือความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่ดันราคาลิเธียมให้พุ่ง แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีผลโดยตรงต่อโภคภัณฑ์

ความผันผวนนี้เองที่ทำให้เกิด “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า” ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้ซื้อสามารถล็อกราคาล่วงหน้า ป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่เปลี่ยนแปลง ข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระบุว่าตลาดล่วงหน้าไม่ใช่แค่เครื่องมือลงทุน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการบริหารความเสี่ยงของภาคธุรกิจ

ลงทุนในโภคภัณฑ์อย่างไรดี? คู่มือสำหรับนักลงทุนไทย

นักลงทุนรายย่อยในไทยสามารถเข้าถึงโภคภัณฑ์ได้หลายวิธี โดยไม่จำเป็นต้องซื้อทองคำแท่งมาเก็บ หรือไปดูแลเหมืองน้ำมันด้วยตนเอง

1. กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์

เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะกองทุนเหล่านี้จะนำเงินไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือดัชนีโภคภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กองทุนทองคำ (Gold Fund) หรือกองทุนน้ำมัน (Oil Fund)

ข้อดี: ใช้เงินเริ่มต้นไม่มาก มีผู้จัดการกองทุนดูแล กระจายความเสี่ยงได้ดี
ข้อเสีย: มีค่าธรรมเนียม และผลตอบแทนอาจไม่ทันกับการลงทุนแบบตรง

2. ซื้อหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้อง

วิธีนี้คือการลงทุนทางอ้อม แต่ได้รับผลตอบแทนเมื่อราคาโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น:

  • พลังงาน: PTT, PTTEP, TOP
  • เกษตรและอาหาร: CPF, GFPT, STA (ยางพารา)
  • เหมืองแร่: BANPU

อย่างไรก็ตาม การลงทุนผ่านหุ้น ต้องพิจารณาทั้งพื้นฐานบริษัทและแนวโน้มราคาโภคภัณฑ์ร่วมกัน

3. ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ TFEX

สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และรับความเสี่ยงได้สูง สามารถเข้าสู่ตลาด Thailand Futures Exchange (TFEX) เพื่อซื้อขายสัญญาอ้างอิงโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำล่วงหน้า หรือยางพารา RSS3 ตามข้อมูลจาก เว็บไซต์ TFEX

ข้อดี: ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย (Leverage) และสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
ข้อเสีย: มีความเสี่ยงสูงมาก อาจขาดทุนเกินกว่าทุนเริ่มต้น จึงเหมาะกับผู้ที่ศึกษาตลาดมาอย่างดี

สำหรับนักลงทุนที่สนใจตลาดสากล Moneta Markets ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเทรดโภคภัณฑ์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในเอเชีย โดยให้บริการซื้อขายทองคำ น้ำมัน และดัชนีโภคภัณฑ์อื่น ๆ ภายใต้เงื่อนไขการซื้อขายที่โปร่งใส พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัย ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้สะดวกยิ่งขึ้น

สรุป: โภคภัณฑ์สำคัญกว่าที่คิด

โภคภัณฑ์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของนักเศรษฐศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่เป็นรากฐานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทุกอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่เราเติม ค่าไฟฟ้าที่จ่าย หรือแม้แต่ถ้วยกาแฟที่ดื่มทุกเช้า การเข้าใจโภคภัณฑ์จึงไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจเศรษฐกิจได้ลึกขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสในการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โภคภัณฑ์ คืออะไร สรุปสั้นๆ?

โภคภัณฑ์ คือ สินค้าพื้นฐานที่มีมาตรฐานเดียวกัน สามารถใช้ทดแทนกันได้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ผลิต เช่น ทองคำ น้ำมันดิบ ข้าวโพด ซึ่งราคามักถูกกำหนดโดยตลาดโลกตามอุปสงค์และอุปทาน

สินค้าโภคภัณฑ์มีกี่ประเภทหลักๆ?

โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. พลังงาน (น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ) 2. โลหะมีค่า (ทองคำ, เงิน) 3. โลหะอุตสาหกรรม (ทองแดง, อะลูมิเนียม) 4. สินค้าเกษตร (ข้าวโพด, กาแฟ, ยางพารา) และ 5. ปศุสัตว์ (สุกร, วัว)

ยกตัวอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญของประเทศไทยได้หรือไม่?

ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญหลายชนิด เช่น ยางพารา, ข้าว, น้ำตาล, และมันสำปะหลัง ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อรายได้จากการส่งออกของประเทศ ตามรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย

Hard Commodity และ Soft Commodity แตกต่างกันอย่างไร?

Hard Commodity คือสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้มาจากทรัพยากรธรรมชาติผ่านการขุดเจาะหรือทำเหมือง เช่น น้ำมันดิบ, ทองคำ, ทองแดง ส่วน Soft Commodity คือสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้มาจากการเพาะปลูกหรือเลี้ยงดู เช่น ข้าวสาลี, กาแฟ, ฝ้าย, ปศุสัตว์

เราจะเริ่มต้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ได้อย่างไรบ้าง?

สำหรับนักลงทุนรายย่อยในไทยมี 3 วิธีหลักๆ คือ 1. ซื้อกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ (ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่) 2. ซื้อหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับโภคภัณฑ์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ 3. ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX (สำหรับผู้มีประสบการณ์และรับความเสี่ยงสูงได้)

การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ถือเป็นการลงทุนในโภคภัณฑ์หรือไม่?

เป็นการลงทุนทางอ้อมครับ เราไม่ได้เป็นเจ้าของน้ำมันดิบโดยตรง แต่เราเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์เมื่อราคาน้ำมัน (โภคภัณฑ์) ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่นักลงทุนจำนวนมากใช้เพื่อเข้าถึงโอกาสการเติบโตของตลาดโภคภัณฑ์

ทำไมราคาทองคำถึงถูกจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย?

เพราะทองคำมีคุณสมบัติรักษามูลค่าในตัวเอง (Intrinsic Value) เป็นที่ยอมรับทั่วโลก มีปริมาณจำกัด และไม่ผูกติดกับนโยบายการเงินของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยตรง ทำให้นักลงทุนมักเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็บรักษามูลค่าทรัพย์สินในยามที่ตลาดหุ้นหรือค่าเงินมีความผันผวนสูง

ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (TFEX) คืออะไร?

TFEX (Thailand Futures Exchange) คือตลาดกลางสำหรับการซื้อขาย “สัญญา” ที่จะซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิง (เช่น ทองคำ, ยางพารา) ในอนาคตตามราคาที่ตกลงกันในวันนี้ เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ทั้งการป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนและการเก็งกำไร

發佈留言