66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

เครดิตสวิส คือ บทเรียนสำคัญจากวิกฤตการณ์ธนาคารในปี 2025

Home / ข่าวตลาดเงิน / เคร...

meetcinco_com | 28 7 月

เครดิตสวิส คือ บทเรียนสำคัญจากวิกฤตการณ์ธนาคารในปี 2025

เครดิตสวิส: บทเรียนจากธนาคารยักษ์ใหญ่สู่การปรับภูมิทัศน์การเงินโลก

ในโลกของการเงินที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว คุณเคยสงสัยไหมว่าเหตุการณ์ที่ดูเหมือนไกลตัวในต่างแดนจะส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินและการลงทุนของเราได้อย่างไร? วันนี้ เราจะมาเจาะลึกกรณีศึกษาที่สำคัญยิ่ง นั่นคือ วิกฤตการณ์ของธนาคารเครดิตสวิส สถาบันการเงินเก่าแก่ระดับโลกที่ต้องเผชิญกับพายุความท้าทายจนนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการโดยธนาคารยูบีเอส (UBS) เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ยังเป็นบทเรียนอันล้ำค่าสำหรับนักลงทุนอย่างเราทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเทรดเดอร์มากประสบการณ์ที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่มา มาตรการรับมือ และผลกระทบสำคัญที่เกิดขึ้นจากกรณีของเครดิตสวิส เพื่อให้คุณสามารถนำความรู้นี้ไปปรับใช้กับการตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด

  • วิกฤติการเงินที่ส่งผลกระทบทั่วโลก
  • ความสำคัญของรู้จักการบริหารความเชื่อมั่น
  • การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกและภายในที่มีผลต่อสถาบันการเงิน

รากฐานอันแข็งแกร่ง: เครดิตสวิสในฐานะธนาคารแห่งประวัติศาสตร์และความสำคัญเชิงระบบ

ลองจินตนาการถึงสถาบันที่ยืนหยัดมานานกว่าศตวรรษ เป็นเสาหลักที่ช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เครดิตสวิส หรือ Credit Suisse ก่อตั้งขึ้นในปี 1856 โดยท่านอัลเฟรด เอสเชอร์ ด้วยวัตถุประสงค์อันแน่วแน่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทางรถไฟ หรือการพัฒนาอุตสาหกรรมในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคาร แห่งนี้ได้เติบโตและขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญบนเวที ระบบการเงินโลก หรือที่รู้จักกันในนาม Global Systemically Important Bank (G-SIB) หรือ Systemically Important Financial Institution (SIFI) นั่นหมายความว่า การล่มสลายของ เครดิตสวิส เพียงแห่งเดียว อาจก่อให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ที่รุนแรงต่อเสถียรภาพการเงินของโลกทั้งหมด ด้วยชื่อเสียงในด้าน Private Banking, Investment Banking และ Asset Management ที่มีสำนักงานกว่า 150 สาขาใน 50 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ทำให้บทบาทของ เครดิตสวิส มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด แล้วอะไรกันเล่าที่ทำให้ธนาคารที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ต้องเผชิญกับ วิกฤต ที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก?

โลโก้เครดิตสวิสท่ามกลางกราฟตลาดหุ้น

เมื่อรอยร้าวเริ่มปรากฏ: ปัญหาภายในและการกัดกร่อนความเชื่อมั่น

แม้จะมีรากฐานที่แข็งแกร่งและประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เครดิตสวิส ได้เริ่มมี รอยร้าว ภายในที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนอาคารสูงที่ถูกกัดกร่อนจากภายใน คุณคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ความเชื่อมั่น” คือหัวใจสำคัญของธุรกิจธนาคารใช่ไหมครับ? ในกรณีของ เครดิตสวิส ความเชื่อมั่นนี้เริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรง สิ่งเหล่านี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้าน ธรรมาภิบาล ที่อ่อนแอ การขาดประสิทธิภาพในการ ควบคุมภายใน รวมถึงข่าวอื้อฉาวที่ตามมาเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน การถูกฟ้องร้องจากกรณีการลงทุนที่ผิดพลาด เช่น กรณีอาร์เคกอส แคปิตอล (Archegos Capital) ที่ทำให้ธนาคารต้องบันทึก ผลขาดทุน มหาศาล และที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลให้ทิศทางและกลยุทธ์ของธนาคารขาดความต่อเนื่องและมั่นคง ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ค่อยๆ กัดกร่อน ความเชื่อมั่น ของลูกค้า นักลงทุน และตลาดโดยรวม จนนำไปสู่สถานการณ์ที่ยากจะควบคุม

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ รายละเอียด
ธรรมาภิบาลที่อ่อนแอ การขาดการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ
ข่าวอื้อฉาว การฟอกเงิน, การลงทุนที่ผิดพลาด
การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ส่งผลต่อความต่อเนื่องในการบริหาร

สัญญาณเตือนภัย: ผลขาดทุนสะสมและการแห่ถอนเงินครั้งประวัติการณ์

ท่ามกลางปัญหาภายในที่ปะทุขึ้น เครดิตสวิส ต้องเผชิญกับ ผลขาดทุน ก้อนโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปี 2021-2022 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ วิกฤตซับไพรม์ ในปี 2008 ตัวเลข ผลขาดทุน ที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์และข่าวสารต่างๆ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างภายใน แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ดังชัดเจนที่สุด สิ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว คือการสูญเสีย เงินทุน จากการ แห่ถอนเงิน ของลูกค้าเป็นจำนวนมหาศาล กว่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลาเพียงสามเดือน คุณลองนึกภาพสิครับว่า หากลูกค้าจำนวนมากพร้อมใจกันถอนเงินจากธนาคาร ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ย่อมยากที่จะรับมือได้ แรงกดดันจากการ แห่ถอนเงิน เหล่านี้สะท้อนถึงการขาด ความเชื่อมั่น อย่างถึงที่สุด และทำให้สภาพคล่องของธนาคารตึงตัวอย่างรุนแรง จนต้องมองหาทางออกฉุกเฉิน

การดำเนินการฉุกเฉินของสถาบันการเงิน

จุดเปลี่ยนที่สำคัญ: การปฏิเสธเพิ่มทุนและการเทขายหุ้น

ในสถานการณ์ที่ เครดิตสวิส กำลังต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟู ความเชื่อมั่น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จุดเปลี่ยนที่สำคัญ และเร่งให้ วิกฤต ทวีความรุนแรง นั่นคือ การที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดอย่าง ธนาคารแห่งชาติซาอุดี (Saudi National Bank) ได้ออกมายืนยันว่า จะไม่เพิ่มทุนให้กับ เครดิตสวิส อีกต่อไป ด้วยเหตุผลด้านกฎระเบียบ การประกาศครั้งนี้เปรียบเสมือนการเติมเชื้อไฟให้กับการ เทขายหุ้น ของ เครดิตสวิส อย่างบ้าคลั่งในตลาด หุ้น ทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้ราคา หุ้น ดิ่งลงอย่างรุนแรงและฉุดดัชนี หุ้น หลักของตลาดการเงินต่างๆ ทั่วโลกให้ร่วงลงตามไปด้วย การที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถอนตัวออกไปแสดงถึงการขาด ความเชื่อมั่น ในอนาคตของธนาคาร และส่งสัญญาณอันตรายให้แก่นักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างๆ ทั่วโลก ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกัน ผลขาดทุน ที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตการลงทุนของตนเอง

เหตุการณ์ที่สำคัญ ผลกระทบ
การปฏิเสธเพิ่มทุน ทำให้เกิดการเทขายหุ้น
ราคาหุ้นดิ่งลง ส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาด

ปฏิบัติการกอบกู้ฉุกเฉิน: บทบาทของธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์และการเข้าซื้อกิจการโดยยูบีเอส

เมื่อสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต หน่วยงานกำกับดูแลของ สวิตเซอร์แลนด์ และ ธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Bank: SNB) ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ พวกเขาตระหนักดีว่าหากปล่อยให้ เครดิตสวิส ล้มลงเอง ผลกระทบจะรุนแรงเกินกว่าที่ ระบบการเงินโลก จะรับไหว ด้วยเหตุนี้ ธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ จึงได้เข้ายื่นมือช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยให้ เครดิตสวิส กู้ยืมเงินฉุกเฉินกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อประคับประคอง สภาพคล่อง ไว้ก่อน นี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อซื้อเวลา แต่ทางออกถาวรคือการหาผู้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งในที่สุด ธนาคารยูบีเอส (UBS) ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญและธนาคารยักษ์ใหญ่ของ สวิตเซอร์แลนด์ เช่นกัน ก็ได้เข้ามา เข้าซื้อกิจการ เครดิตสวิส ด้วยข้อตกลงฉุกเฉินที่มีรัฐบาล สวิตเซอร์แลนด์ สนับสนุนอย่างเต็มที่ มูลค่า 3.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การ เข้าซื้อกิจการ ครั้งนี้มีเป้าหมายหลักคือเพื่อรักษา เสถียรภาพทางการเงิน และป้องกันการลุกลามของ วิกฤต ที่อาจกลายเป็นโดมิโนล้มลงทั้งระบบ

แรงสะเทือนสู่ตลาดโลก: ดัชนีหุ้นดิ่งและต้นทุน CDS ที่พุ่งสูง

ไม่เพียงแต่ หุ้น ของ เครดิตสวิส ที่ได้รับผลกระทบ แต่ความกังวลจาก วิกฤต ครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่ว ตลาดการเงิน ทั่วโลก ดัชนีหลักในตลาด หุ้น ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐฯ ยุโรป หรือเอเชีย ต่างดิ่งลงอย่างรุนแรงในทันทีที่ข่าวปัญหาของ เครดิตสวิส และธนาคารอื่นๆ ในสหรัฐฯ เช่น ซิลิคอนวัลเลย์แบงก์ (Silicon Valley Bank: SVB) และ ซิกเนเจอร์แบงก์ (Signature Bank) แพร่สะพัดออกไป นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจใน ความเชื่อมั่น ของภาคธนาคารโดยรวม และเริ่มย้ายเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยง สิ่งหนึ่งที่สะท้อนถึงความกังวลอย่างชัดเจนคือ ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิต (CDS – Credit Default Swap) ของ เครดิตสวิส ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดมองว่าความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของธนาคารแห่งนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้สร้างความผันผวนอย่างรุนแรงและเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับนักลงทุนอย่างเราในการรับมือกับข่าวสารและการเคลื่อนไหวของตลาดที่รวดเร็ว

โจทย์ใหญ่ของธนาคารกลาง: สมดุลระหว่างเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางการเงิน

ท่ามกลาง วิกฤต ที่เกิดขึ้นกับ เครดิตสวิส และธนาคารอื่นๆ ธนาคารกลาง ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) หรือ ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) กำลังเผชิญกับโจทย์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง คุณคิดว่าพวกเขาควรให้ความสำคัญกับอะไรก่อนกัน ระหว่างการควบคุม เงินเฟ้อ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง หรือการรักษา เสถียรภาพทางการเงิน ของภาคธนาคาร? การปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย ที่ผ่านมาของ ธนาคารกลาง เหล่านี้ เพื่อต่อสู้กับ เงินเฟ้อ ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธบัตรอื่นๆ ที่ธนาคารถืออยู่ ทำให้เกิด ผลขาดทุน ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized losses) และส่งผลกระทบต่อ สภาพคล่อง ของธนาคารในภาพรวม วิกฤตการณ์นี้จึงตอกย้ำถึงความท้าทายในการหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อลด เงินเฟ้อ และความจำเป็นในการให้ความมั่นใจต่อ ระบบการเงิน ว่าจะไม่มีการล่มสลายเป็นลูกโซ่

บทเรียนสำหรับอนาคต: ธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น

กรณีศึกษาของ เครดิตสวิส ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของ ธนาคาร ที่ล้มลง แต่เป็น บทเรียนสำคัญสำหรับอนาคต ของ ระบบการเงินโลก เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปัญหาหลักเกิดจากการบริหารจัดการภายในที่อ่อนแอ การขาด ธรรมาภิบาล และการสูญเสีย ความเชื่อมั่น ไม่ใช่ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจมหภาคเหมือน วิกฤตซับไพรม์ นี่คือสิ่งที่เราในฐานะนักลงทุนควรให้ความสำคัญ เพราะมันสะท้อนว่าการบริหารจัดการองค์กรที่ดีมีความสำคัญไม่แพ้ปัจจัยภายนอก ธนาคารกลางและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกจะใช้กรณีนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการปรับปรุง กฎระเบียบ และกรอบการกำกับดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต อาจเห็นการ ควบรวมกิจการ ระหว่าง ธนาคาร เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้ ตลาดการเงิน มีผู้เล่นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งน้อยลง แต่ก็อาจมีเสถียรภาพมากขึ้น

ผลกระทบจำกัดต่อประเทศไทย: ความแข็งแกร่งของภาคการเงินไทย

สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย คุณอาจกำลังสงสัยว่า วิกฤต ของ เครดิตสวิส และธนาคารในสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเรามากน้อยแค่ไหน? ข่าวดีก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกมายืนยันว่า ระบบธนาคารไทย มีความมั่นคงและ สภาพคล่องสูง ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจาก ประเทศไทย มีธุรกรรมทางตรงกับ เครดิตสวิส น้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นเพียงบริการรับฝากทรัพย์สิน (Custodian Service) ซึ่งไม่ใช่การถือ หุ้น โดยตรง ทำให้ภาคการเงินไทยสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งและเป็นหลักประกัน ความเชื่อมั่น ให้กับนักลงทุนในประเทศได้ในระดับหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่เราควรภาคภูมิใจและเป็นเครื่องยืนยันถึงความรัดกุมในการกำกับดูแล ธนาคาร ของไทย

ความแข็งแกร่งของภาคการเงินไทย ลักษณะเด่น
สภาพคล่องสูง ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเครดิตสวิส
การกำกับดูแลที่เข้มงวด การควบคุมและการตลาดที่มั่นคง

สู่การลงทุนที่มั่นคง: สิ่งที่คุณเรียนรู้ได้จากวิกฤตครั้งนี้

จากกรณีของ เครดิตสวิส เราได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อมั่น เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดใน ตลาดการเงิน และ ธรรมาภิบาล คือรากฐานของ เสถียรภาพทางการเงิน ในฐานะนักลงทุน ไม่ว่าคุณจะลงทุนใน หุ้น กองทุน หรือแม้กระทั่งการ เทรดค่าเงิน คุณควรพิจารณาความแข็งแกร่งของสถาบันและปัจจัยพื้นฐานต่างๆ อย่างรอบคอบอยู่เสมอ คุณอาจสงสัยว่า ในสถานการณ์ที่ ตลาดการเงิน มีความผันผวนเช่นนี้ เราจะยังสามารถหาโอกาสในการสร้างผลกำไรได้อย่างไร? การศึกษาและทำความเข้าใจเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น กราฟแท่งเทียน รูปแบบราคา หรือตัวชี้วัดต่างๆ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

หากคุณกำลังพิจารณาเริ่มต้นทำการ เทรดค่าเงิน หรือต้องการสำรวจสินค้า CFD ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เราขอแนะนำ โมเนต้า มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ โมเนต้า มาร์เก็ตส์ มาจากประเทศออสเตรเลีย และมีสินค้าทางการเงินให้เลือกสรรกว่า 1,000 ชนิด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณก็สามารถค้นหาสิ่งที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของคุณได้อย่างแน่นอน

สรุป: อนาคตของการเงินโลกและบทบาทของผู้ลงทุน

วิกฤตการณ์ธนาคารเครดิตสวิส เป็นเครื่องเตือนใจอันทรงพลังว่า แม้แต่สถาบันที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ก็ยังคงเปราะบางหากขาด ความเชื่อมั่น และการบริหารจัดการที่ดี เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของ ธรรมาภิบาล และการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อรักษา เสถียรภาพทางการเงิน ของ ระบบการเงินโลก การเข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วของรัฐบาล สวิตเซอร์แลนด์ และ ธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับการ เข้าซื้อกิจการ โดย ยูบีเอส เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดขอบเขตของ วิกฤต ไม่ให้ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้

สำหรับนักลงทุนอย่างคุณ สิ่งที่เราเรียนรู้ได้คือการที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยมหภาคที่ส่งผลต่อ ตลาดการเงิน รวมถึงการเลือกแพลตฟอร์มการลงทุนที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแลที่ดี การเตรียมพร้อมด้วยความรู้และทักษะที่จำเป็น จะช่วยให้คุณสามารถนำทางผ่านช่วงเวลาแห่งความผันผวนได้อย่างมั่นใจและคว้าโอกาสในการเติบโตในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่งได้อย่างแน่นอน การลงทุนคือการเดินทาง และความรู้คือเข็มทิศที่จะนำพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินที่คุณวางไว้ ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเดินทางครั้งนี้ครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับcredit suisse คือ

Q:เครดิตสวิสคือใคร?

A:เครดิตสวิสเป็นธนาคารระดับโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินโลก

Q:วิกฤตของเครดิตสวิสส่งผลกระทบอย่างไรต่อการเงินโลก?

A:วิกฤตนี้สร้างความไม่มั่นใจในตลาดหุ้นและกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลก

Q:ความเชื่อมั่นมีความสำคัญอย่างไรในธุรกิจการเงิน?

A:ความเชื่อมั่นเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงินและสามารถส่งผลกระทบต่อการลงทุน

發佈留言