ในการเทรดไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นหรือฟอเร็กซ์ การเข้าใจและนำคำสั่งซื้อขายประเภทต่างๆ มาใช้ให้ชำนาญคือสิ่งที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง หนึ่งในคำสั่งพื้นฐานที่ทรงพลังและทุกคนควรรู้จักคือ Buy Stop มันไม่ใช่แค่การซื้อแบบธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าตลาดในเวลาที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงจากตำแหน่งขายชอร์ต และคว้าโอกาสทำกำไรเมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ

บทความนี้จะอธิบายลึกซึ้งเกี่ยวกับ Buy Stop ทุกด้าน ตั้งแต่ความหมาย วิธีการทำงาน ไปจนถึงกลยุทธ์การนำไปใช้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของนักเทรดชาวไทย พร้อมคำเตือนและเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณนำไปปรับใช้เพื่อยกระดับการเทรดให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น

Buy Stop คืออะไร? คำจำกัดความและหลักการทำงาน
คำจำกัดความของ Buy Stop
Buy Stop คือคำสั่งซื้อที่ตั้งไว้ล่วงหน้าแบบ Pending Order ซึ่งจะกลายเป็นคำสั่งซื้อที่ราคาตลาดเมื่อราคาสินทรัพย์นั้นขึ้นไปถึงหรือเหนือระดับที่กำหนด หรือที่เรียกว่าราคาหยุด โดยปกติราคาหยุดนี้จะสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน เพื่อคาดการณ์ว่าราคาจะไปต่อในทิศทางขึ้น และต้องการยืนยันแนวโน้มก่อนเข้าซื้อ หรือใช้ปิดตำแหน่งชอร์ตเพื่อจำกัดขาดทุน
หลักๆ แล้ว Buy Stop ช่วยให้นักเทรดจับจังหวะ breakout หรือปกป้องตำแหน่งที่กำลังเสี่ยง โดยไม่ต้องเฝ้าตลาดตลอดเวลา

หลักการทำงานของ Buy Stop (พร้อมตัวอย่าง)
การทำงานของ Buy Stop นั้นเรียบง่ายแต่มีประโยชน์มาก เมื่อตั้งคำสั่ง ระบบจะรอให้ราคาตลาดปัจจุบัน เช่น ราคาปิดล่าสุดหรือ bid/ask ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม ไปถึงหรือเหนือราคาหยุด ทันทีที่เกิดขึ้น คำสั่งจะกลายเป็น market order และซื้อที่ราคาดีที่สุดในตลาดตอนนั้น
ลองดูตัวอย่างง่ายๆ สมมติคุณสนใจหุ้น ABC ที่ราคา 100 บาทตอนนี้ คุณคิดว่าถ้าราคาทะลุ 105 บาท มันจะขึ้นต่อ คุณเลยตั้ง Buy Stop ที่ 105 บาท ถ้าราคาขึ้นถึง 105 หรือมากกว่านั้น คำสั่งจะทำงานและซื้อหุ้นให้คุณที่ราคาตลาด ซึ่งอาจเป็น 105, 105.10 หรือสูงกว่านั้น ขึ้นกับสภาพตลาดและความผันผวน
- ราคาหุ้น ABC ปัจจุบัน: 100 บาท
- คาดการณ์: ทะลุแนวต้าน 105 บาท จะขึ้นต่อ
- ตั้ง Buy Stop: 105 บาท
- เมื่อราคาถึง 105+: กระตุ้นและซื้อที่ราคาตลาด
- ผล: เข้าซื้อโดยไม่พลาดโอกาส แม้ไม่เฝ้าหน้าจอ
วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดจัดการการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมั่นใจว่าจะเข้าตลาดเมื่อเงื่อนไขที่ตั้งใจเกิดขึ้นจริง
Buy Stop vs Buy Limit: ความแตกต่างที่สำคัญ
นักเทรดต้องแยกแยะ Buy Stop กับ Buy Limit ให้ชัด เพราะทั้งคู่มีจุดประสงค์และการทำงานตรงข้ามกัน การรู้ความต่างนี้ช่วยเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์และกลยุทธ์ของคุณได้ดีขึ้น
Buy Stop: ซื้อเมื่อราคาสูงขึ้น (เพื่อ Breakout หรือปกป้อง Short Position)
Buy Stop ใช้เมื่อต้องการซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน เพื่อจับโมเมนตัมขาขึ้นหรือปกป้องตำแหน่งชอร์ต โดยเฉพาะ
- เทรด breakout: เมื่อราคาทะลุแนวต้าน เข้าซื้อเพื่อตามแนวโน้มขึ้น
- ปกป้อง short position: ถ้าขายชอร์ตแล้วราคาขึ้นสวนทาง ใช้ Buy Stop เป็น stop loss เพื่อตัดขาดทุน
มันเหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ราคากำลังจะพุ่งขึ้น และคุณอยากยืนยันก่อนเข้าตลาด
Buy Limit: ซื้อเมื่อราคาต่ำลง (เพื่อ Dip หรือเข้าที่แนวรับ)
ตรงกันข้าม Buy Limit ใช้ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เพื่อรอจังหวะราคาลดลงชั่วคราวในแนวโน้มขึ้น
- ซื้อ dip: รอราคาย่อตัวเพื่อเข้าที่ราคาถูกกว่า คาดว่าจะขึ้นต่อ
- เข้าที่แนวรับ: ตั้งไว้ที่ระดับแนวรับ แนวโน้มว่าราคาจะเด้งกลับ
สรุปคือ Buy Stop ตามราคาขึ้นเพื่อ breakout หรือตัดขาดทุนชอร์ต ส่วน Buy Limit รอราคาลงเพื่อได้ดีลดีหรือจุดกลับตัว
ตารางเปรียบเทียบ Buy Stop กับ Buy Limit
เพื่อให้เห็นภาพชัด มาดูตารางเปรียบเทียบกัน
| คุณสมบัติ | Buy Stop | Buy Limit |
|---|---|---|
| วัตถุประสงค์ | ซื้อเมื่อราคาสูงขึ้น (ตามเทรนด์/ปิดชอร์ต) | ซื้อเมื่อราคาต่ำลง (ได้ราคาดีกว่า/เข้าที่แนวรับ) |
| ราคาที่ตั้ง | สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน | ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน |
| การกระตุ้น | ราคาตลาดถึง/เกินราคาที่ตั้ง | ราคาตลาดถึง/ต่ำกว่าราคาที่ตั้ง |
| ประเภทคำสั่งเมื่อกระตุ้น | Market Order (ราคาตลาด) | Market Order (ราคาตลาด) |
| ความเสี่ยงเรื่องราคา | อาจได้ราคาที่สูงกว่าที่ตั้งเล็กน้อย (Slippage) | อาจได้ราคาที่ต่ำกว่าที่ตั้งเล็กน้อย (Slippage) |
| เหมาะสำหรับ | Breakout Trading, Stop Loss สำหรับ Short Position | Buying the Dip, เข้าที่แนวรับ |
เมื่อใดควรใช้ Buy Stop: กลยุทธ์และสถานการณ์จริง
การใช้ Buy Stop ในเวลาที่เหมาะสมสามารถสร้างข้อได้เปรียบใหญ่ในการเทรด มาดูกลยุทธ์และตัวอย่างจริงที่ควรนำไปพิจารณา
กลยุทธ์การเทรดแบบ Breakout (การทะลุแนวต้าน)
การนำ Buy Stop มาใช้บ่อยที่สุดคือในกลยุทธ์ breakout โดยระบุแนวต้านที่ราคาติดหลายครั้ง ถ้าดูเหมือนจะทะลุ นักเทรดคาดว่าราคาจะพุ่งเพราะแรงซื้อเข้ามาเยอะ
ตั้ง Buy Stop เหนือแนวต้านนิดหน่อย เช่น แนวต้านที่ 50 บาท ตั้งที่ 50.50 บาท ถ้าราคาพุ่งถึง คำสั่งจะทำงานและคุณเข้าซื้อเพื่อตามการเคลื่อนไหวที่ตามมา นี่ช่วยจับโมเมนตัมได้ดี โดยเฉพาะในตลาดที่มี volume สูง
การป้องกันความเสี่ยงในการขายชอร์ต (Protecting Short Positions)
สำหรับผู้ที่ขายชอร์ต โดยยืมสินทรัพย์มาขายคาดว่าราคาลงเพื่อซื้อคืนถูกกว่า แต่ถ้าราคาขึ้นสวนทาง ตำแหน่งจะขาดทุน
Buy Stop ทำหน้าที่ stop loss สำหรับ short โดยตั้งเหนือราคาเข้า ถ้าราคาขึ้นถึง จะซื้อคืนเพื่อปิดตำแหน่งและจำกัดขาดทุนไม่ให้เกินที่ยอมรับได้ เช่น ในหุ้นหรือ forex ที่ราคาเริ่มกลับตัว
การเข้าออเดอร์เมื่อยืนยันแนวโน้ม (Trend Confirmation Entry)
บางครั้งนักเทรดไม่อยากเข้าทันทีที่เห็นสัญญาณแรก แต่รอการยืนยันที่แน่นอนกว่า Buy Stop ช่วยเข้าตลาดเมื่อแนวโน้มขึ้นชัดเจน
เช่น ใช้ moving average หลายเส้น ถ้าราคาตัดเส้นสั้นเหนือเส้นยาว และมีแท่งเทียนยืนยัน ตั้ง Buy Stop เหนือแท่งนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าแรงซื้อจริง ลดโอกาส false breakout โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวน
Buy Stop ในบริบทของตลาดไทย: ข้อควรรู้และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
แม้หลักการ Buy Stop จะใช้ได้ทั่วโลก แต่ในตลาดไทยมีรายละเอียดเฉพาะที่นักเทรดควรรู้ เพื่อให้ใช้งานได้ผลดีและหลีกเลี่ยงปัญหา
แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับนักเทรดไทยกับการตั้งค่า Buy Stop
นักเทรดไทยมักใช้แพลตฟอร์มสากลอย่าง MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ที่รองรับ Buy Stop ครบถ้วน โบรกเกอร์ยอดนิยมเช่น Mitrade, FBS หรือ ThinkMarkets ก็มีอินเทอร์เฟซใช้งานง่าย
ขั้นตอนตั้งค่าทั่วไปบน MT4/MT5:
- เปิด ‘New Order’ หรือกด F9
- เลือก ‘Pending Order’
- เลือก ‘Type’ เป็น ‘Buy Stop’
- ใส่ ‘Price’ (ราคาหยุด)
- ใส่ ‘Volume’ (ขนาด lot หรือจำนวน)
- เพิ่ม ‘Stop Loss’ และ ‘Take Profit’ ถ้าต้องการ
- กด ‘Place’
ควรศึกษาหน้าตาแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ตัวเองเพราะอาจต่างกันนิดหน่อย และลองใช้ demo account ก่อนเสมอเพื่อความชำนาญ
ข้อควรระวังและกับดักที่พบบ่อยสำหรับนักเทรดไทย
นักเทรดไทยมือใหม่มักเจอปัญหาเหล่านี้เมื่อใช้ Buy Stop:
- เข้าใจผิด slippage: Buy Stop กลายเป็น market order ดังนั้นราคาจริงอาจต่างจากที่ตั้ง โดยเฉพาะตลาดผันผวนหรือช่วงข่าวใหญ่ เช่น การประกาศดอกเบี้ยจาก ธปท. หรือตัวเลขเศรษฐกิจโลก ราคาอาจสูงกว่านิดหน่อย
- ใช้ในตลาด liquidity ต่ำ: หุ้นเล็กใน SET ที่คล่องตัวน้อย คำสั่งอาจ fill ในราคาไม่ดีเพราะไม่มี seller พอ
- ตั้ง stop price ใกล้เกิน: ใกล้ราคาปัจจุบันมาก อาจ trigger จาก noise เล็กน้อย ทำให้เข้าตลาดผิดจังหวะ
- ผลจากข่าวและเหตุการณ์: ช่วงข่าวรุนแรง เช่น เลือกตั้งหรือนโยบายเศรษฐกิจ ราคาอาจ gap ข้าม stop price ทำให้ fill ในราคาแย่
- ต้นทุนสูง: ใช้บ่อยโดยไม่มีแผน อาจ overtrade เพิ่ม commission หรือ spread โดยใช่เหตุ
ทางที่ดีคือศึกษาพฤติกรรมตลาดและสินค้าที่เทรด บริหารความเสี่ยงดีๆ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการลงทุนและ risk management
ประเภทของ Buy Stop ที่เกี่ยวข้อง: Buy Stop Limit
Buy Stop Limit คืออะไร? การผสมผสานที่ซับซ้อนขึ้น
นอกจาก Buy Stop ธรรมดา ยังมี Buy Stop Limit ที่ซับซ้อนกว่า โดยผสม Buy Stop กับ Buy Limit เพื่อควบคุมราคาเข้าที่แม่นยำ ลด slippage จาก market order
การทำงาน:
- กำหนด stop price และ limit price สองระดับ
- เมื่อราคาถึงหรือเหนือ stop price คำสั่ง trigger
- แต่กลายเป็น limit order ที่ limit price แทน market order
- ระบบซื้อที่ limit price หรือต่ำกว่าเท่านั้น
ตัวอย่าง: อยากซื้อหุ้น ABC ถ้าทะลุ 105 แต่ไม่อยากเกิน 105.50 ตั้ง stop ที่ 105 limit ที่ 105.50 ถ้าถึง 105 จะเป็น limit order ที่ 105.50 หรือต่ำกว่า ถ้าราคาพุ่งเกิน อาจไม่ fill หรือ fill บางส่วน
ประโยชน์คือควบคุมราคาได้ดีใน breakout แต่เสี่ยงพลาดถ้าราคาขึ้นเร็วเกิน limit
ตัวอย่างการใช้ Buy Stop ในสถานการณ์จริง (สำหรับนักเทรดไทย)
เพื่อให้เห็นชัดขึ้น มาดูตัวอย่างจริงในตลาดหุ้นไทยและ forex
ตัวอย่างที่ 1: การเข้าซื้อหุ้น PTT เมื่อทะลุแนวต้านสำคัญ
สมมติติดตามหุ้น PTT ซึ่งมีน้ำหนักใน SET สูง แนวต้านสำคัญที่ 38.00 บาทติดมาหลายสัปดาห์
- ราคาปัจจุบัน: 37.50 บาท
- กลยุทธ์: ถ้าทะลุ 38.00 จะมีแรงซื้อหนุนขึ้นต่อ
- ตั้ง Buy Stop: 38.25 บาท (เหนือแนวต้านเพื่อยืนยัน)
- ผลลัพธ์:
- วันถัดมา PTT เปิดแรงซื้อ ดันราคาถึง 38.25
- Buy Stop trigger เป็น market order
- เข้าซื้อที่ 38.25-38.30 แล้วราคาขึ้นถึง 39.50 ทำกำไรได้
ตัวอย่างนี้แสดงการใช้ Buy Stop จับ breakout ในหุ้นไทยได้ดี โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ที่มี volume สูง
ตัวอย่างที่ 2: การป้องกันการขาดทุนจากการขายชอร์ตคู่เงิน USD/THB
คุณเทรด forex short USD/THB คาดบาทแข็ง
- เข้าชอร์ต: 36.50 บาท
- กลยุทธ์: ยอมขาดทุนไม่เกิน 0.50 บาท/ดอลลาร์ ถ้าบาทอ่อน
- ตั้ง Buy Stop: 37.00 บาท
- ผลลัพธ์:
- มีข่าวเศรษฐกิจไม่ดี บาทอ่อน ราคาพุ่งถึง 37.00
- Buy Stop trigger ซื้อคืนที่ 37.00-37.05
- ขาดทุนจำกัดที่ 0.50-0.55 บาท/ดอลลาร์
ช่วยบริหารความเสี่ยงใน forex ที่เกี่ยวข้องกับบาท โดยจำกัดขาดทุนจากข่าวไม่คาดคิด
สรุป: Buy Stop กุญแจสำคัญสู่การเทรดอย่างมีวินัย
Buy Stop ไม่ใช่แค่คำสั่งซื้อธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือกลยุทธ์ที่ช่วยเข้าตลาดอย่างมีวินัยและจัดการความเสี่ยงได้ดี ไม่ว่าจะจับ breakout ในหุ้นไทย ปกป้อง short ใน forex หรือยืนยันแนวโน้ม การเชี่ยวชาญ Buy Stop จะยกระดับการเทรดของคุณ
สำคัญคือฝึกใช้ใน demo account เข้าใจต่างจาก Buy Limit และพิจารณาปัจจัยตลาดไทยที่ผันผวนต่างกัน การใช้อย่างรอบคอบในแผนเทรดชัดเจนจะนำไปสู่ความสำเร็จยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Buy Stop คืออะไร และมันแตกต่างจาก Buy Limit อย่างไรในบริบทของการเทรด?
Buy Stop คือคำสั่งซื้อที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อซื้อสินทรัพย์เมื่อราคาถึงหรือสูงกว่าราคาที่กำหนดไว้ (Stop Price) มักใช้เพื่อเข้าเทรดเมื่อราคาพุ่งขึ้น (Breakout) หรือเป็น Stop Loss สำหรับสถานะ Short
Buy Limit คือคำสั่งซื้อที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อซื้อสินทรัพย์เมื่อราคาถึงหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้ (Limit Price) มักใช้เพื่อซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา (Buying the Dip) หรือเข้าที่แนวรับ
ความแตกต่างหลักคือ Buy Stop ซื้อเมื่อราคาสูงขึ้น ส่วน Buy Limit ซื้อเมื่อราคาต่ำลง
นักเทรดไทยควรใช้ Buy Stop ในสถานการณ์ใดบ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร?
- การเทรดแบบ Breakout: เมื่อราคาหุ้นไทยหรือคู่เงิน Forex ทะลุแนวต้านสำคัญ คุณสามารถใช้ Buy Stop เพื่อเข้าซื้อและจับจังหวะโมเมนตัมขาขึ้น
- การป้องกันความเสี่ยงจากการขายชอร์ต: หากคุณขายชอร์ตหุ้นหรือคู่เงิน และราคาเริ่มพุ่งสูงขึ้น Buy Stop จะทำหน้าที่เป็น Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน
- การยืนยันแนวโน้ม: ใช้ Buy Stop เพื่อเข้าซื้อเมื่อแนวโน้มขาขึ้นได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน เช่น ราคาปิดเหนือแท่งเทียนก่อนหน้าหรือเหนือเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญ
ฉันจะตั้งค่าคำสั่ง Buy Stop บนแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 ได้อย่างไร มีขั้นตอนแนะนำไหม?
โดยทั่วไป:
- คลิกขวาที่กราฟหรือไปที่ ‘New Order’ (F9)
- เลือก ‘Pending Order’
- ในช่อง ‘Type’ เลือก ‘Buy Stop’
- ระบุ ‘Price’ (ราคาที่คุณต้องการให้คำสั่งทำงาน)
- ระบุ ‘Volume’ (ขนาดการเทรด)
- คุณสามารถตั้ง ‘Stop Loss’ และ ‘Take Profit’ เพิ่มเติมได้
- กด ‘Place’
แนะนำให้ฝึกฝนบนบัญชี Demo ก่อนเพื่อความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม
Buy Stop Limit คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรเมื่อเทียบกับ Buy Stop ปกติ?
Buy Stop Limit เป็นคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้น โดยคุณจะกำหนดทั้ง Stop Price และ Limit Price
เมื่อราคาตลาดถึง Stop Price คำสั่งจะถูกกระตุ้นและเปลี่ยนเป็น Limit Order ที่ราคา Limit Price ประโยชน์คือช่วยให้คุณควบคุมราคาเข้าซื้อได้แม่นยำขึ้น และลดความเสี่ยงจาก Slippage ที่อาจเกิดขึ้นกับ Buy Stop ปกติ (ซึ่งจะแปลงเป็น Market Order) อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือคุณอาจพลาดการเข้าเทรดได้หากราคาพุ่งทะลุ Limit Price อย่างรวดเร็ว
หากตลาดเกิด “Gap” ราคา Buy Stop ของฉันจะยังทำงานตามที่คาดไว้หรือไม่ และต้องระวังอะไร?
หากตลาดเกิด Gap (ราคาเปิดโดดข้ามช่วงราคา) Buy Stop ของคุณจะยังคงทำงาน แต่จะถูกดำเนินการที่ราคาตลาดแรกที่มีให้หลังจาก Gap นั้น ซึ่งอาจจะสูงกว่า Stop Price ที่คุณตั้งไว้มาก (เรียกว่า Gap Slippage)
ข้อควรระวังคือการวาง Buy Stop ใกล้กับช่วงเวลาที่คาดว่าจะเกิด Gap เช่น ก่อนการประกาศข่าวสำคัญ หรือช่วงที่ตลาดปิดทำการนาน (เช่น วันหยุดยาวของไทย) ซึ่งอาจทำให้คุณได้ราคาที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง
การใช้ Buy Stop เพื่อ “เล่นหุ้นยังไงให้ได้วันละ 1,000 บาท” เป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนหรือไม่?
การใช้ Buy Stop เป็นเครื่องมือหนึ่งในหลายๆ เครื่องมือเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการทำกำไร แต่การตั้งเป้าหมายทำกำไรคงที่ เช่น วันละ 1,000 บาท ด้วย Buy Stop เพียงอย่างเดียว อาจไม่ยั่งยืนเสมอไป
การทำกำไรจากการเทรดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดเงินทุนของคุณ กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง สภาพตลาด และความผันผวนของสินทรัพย์ การเน้นที่การทำกำไรคงที่รายวันมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง อาจนำไปสู่การเทรดที่มากเกินไปและขาดทุนได้ในระยะยาว ควรเน้นที่กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการบริหารความเสี่ยงที่ดีมากกว่าตัวเลขกำไรรายวัน
มีข้อควรระวังหรือข้อผิดพลาดทั่วไปที่นักเทรดไทยมักทำเมื่อใช้คำสั่ง Buy Stop หรือไม่?
- การตั้ง Buy Stop ใกล้ราคาปัจจุบันเกินไป: ทำให้ถูกกระตุ้นได้ง่ายด้วยความผันผวนระยะสั้น
- การละเลย Slippage: คาดหวังว่าจะได้ราคาตรงตามที่ตั้งเสมอ ซึ่งอาจไม่เป็นจริงในตลาดผันผวน
- การใช้ในตลาดสภาพคล่องต่ำ: อาจได้ราคาที่ไม่ดีอย่างมากสำหรับหุ้นขนาดเล็กใน SET
- ไม่รวมอยู่ในแผนการเทรด: ใช้ Buy Stop โดยไม่มีกลยุทธ์และ Stop Loss/Take Profit ที่ชัดเจน
- การเทรดมากเกินไป: การใช้ Buy Stop บ่อยครั้งโดยไม่จำเป็น ทำให้เกิดค่าธรรมเนียมและสเปรดสูง
Buy Stop สามารถใช้ร่วมกับคำสั่ง Take Profit (TP) เพื่อการบริหารจัดการออเดอร์ที่ดีขึ้นได้หรือไม่?
ได้แน่นอน การใช้ Buy Stop ร่วมกับ Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL) เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการการเทรดอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อ Buy Stop ของคุณถูกกระตุ้นและคุณได้เข้าซื้อสินทรัพย์แล้ว คุณสามารถตั้ง Take Profit เพื่อล็อคกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมายที่กำหนด และตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนหากราคาเคลื่อนที่สวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไว้ การรวมคำสั่งเหล่านี้เข้าด้วยกันช่วยให้คุณสามารถกำหนดแผนการเทรดที่ชัดเจนและมีวินัยมากยิ่งขึ้น
ฉันสามารถปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกคำสั่ง Buy Stop ที่ตั้งไว้แล้วได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถปรับเปลี่ยนระดับราคา Stop Price หรือยกเลิกคำสั่ง Buy Stop ที่ยังไม่ถูกกระตุ้นได้ตลอดเวลาผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ เช่น MT4/MT5 หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์
การปรับเปลี่ยนอาจทำได้โดยการลากเส้นคำสั่งบนกราฟ หรือคลิกขวาที่คำสั่งในหน้าต่าง ‘Terminal’ หรือ ‘Trade’ และเลือก ‘Modify’ หรือ ‘Delete’
โบรกเกอร์ Forex หรือหุ้นในไทยเจ้าไหนบ้างที่ได้รับความนิยมและรองรับการใช้ Buy Stop ได้ดี?
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดไทย ไม่ว่าจะเป็นในตลาด Forex หรือหุ้น ต่างก็รองรับคำสั่ง Buy Stop ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเป็นคำสั่งพื้นฐานที่สำคัญ
สำหรับ Forex โบรกเกอร์เช่น Mitrade, FBS, ThinkMarkets, Exness, XM เป็นต้น มักจะได้รับความนิยมและมีแพลตฟอร์ม MT4/MT5 ที่ใช้งานง่าย
สำหรับหุ้นไทย คุณสามารถใช้บริการจากบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์หุ้น) ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งมีอยู่มากมาย เช่น หลักทรัพย์บัวหลวง, หลักทรัพย์กสิกรไทย, หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ หรือ หลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส เป็นต้น ซึ่งจะมีแพลตฟอร์มของตนเองที่รองรับคำสั่ง Buy Stop