บทนำ: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สำคัญอย่างไร และจะประกาศเมื่อไหร่?
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือที่รู้จักกันในชื่อ CPI ถือเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา เพราะมันช่วยสะท้อนภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในการกำหนดนโยบายการเงิน และยังก่อให้เกิดผลกระทบแบบลูกโซ่ต่อตลาดการเงินทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ทองคำ หรือแม้แต่ตลาดหุ้น การเข้าใจว่า CPI จะประกาศวันไหนจึงกลายเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนชาวไทยวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทุกมุมมองของ CPI ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน การประกาศข้อมูล ผลกระทบที่ตามมา ไปจนถึงกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนในไทย
ทำความรู้จัก CPI: ดัชนีราคาผู้บริโภคคืออะไร?
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI คือเครื่องมือที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ครัวเรือนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยคำนวณจากข้อมูลรายเดือน เพื่อประเมินระดับเงินเฟ้อและกำลังซื้อของผู้บริโภค มันช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของการปรับตัวของราคาที่เกิดขึ้นจริงในตลาด
CPI วัดอะไรและคำนวณอย่างไร?
CPI เน้นวัดการเคลื่อนไหวของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการมาตรฐานที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย การเดินทาง การรักษาพยาบาล การศึกษา และเสื้อผ้า การคำนวณจะนำราคาปัจจุบันของรายการเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับราคาในช่วงเวลาฐาน เพื่อหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่บ่งบอกถึงสถานการณ์เงินเฟ้อหรือภาวะเงินฝืด ซึ่งช่วยให้หน่วยงานรัฐและนักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน
ประเภทของ CPI: Core CPI และ Headline CPI ต่างกันอย่างไร?
CPI มีสองรูปแบบหลักที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจให้ดี คือ Headline CPI ซึ่งครอบคลุมราคาทุกหมวดในตะกร้าโดยไม่มีการกรองอะไรออก และ Core CPI ที่ตัดส่วนที่ผันผวนมากอย่างราคาพลังงานกับอาหารออกไป เพราะส่วนเหล่านี้มักได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราว เช่น สภาพอากาศหรือความขัดแย้งทางการค้า การมอง Core CPI จึงช่วยให้เห็นแนวโน้มเงินเฟ้อที่มั่นคงและแท้จริงมากกว่า โดยปราศจากความแกว่งไกวระยะสั้น นักลงทุนมักให้ความสำคัญกับ Core CPI มากกว่า เพราะมันเป็นตัวบ่งชี้ที่เฟดใช้ในการพิจารณานโยบายเงินเฟ้อระยะยาว ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนในภาพรวม
ประกาศ CPI สหรัฐฯ วันไหนและกี่โมง? แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
การรู้วันและเวลาที่แน่นอนของการประกาศ CPI ถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับนักลงทุน เพราะช่วงเวลานี้มักทำให้ตลาดเกิดความเคลื่อนไหวรุนแรง การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องตกใจกับความผันผวนที่ตามมา
ตารางเวลาประกาศ CPI สหรัฐฯ ประจำเดือน (อัปเดตล่าสุด)
โดยปกติ สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ หรือ BLS จะปล่อยตัวเลข CPI ในช่วงกลางเดือน ซึ่งมักตกประมาณสัปดาห์ที่สองหรือสามของเดือนนั้น สำหรับข้อมูลเดือนที่แล้ว เวลาประกาศคือ 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก หรือ EST หรือ 9:30 น. ตามเวลาออมแสงฤดูร้อน EDT หากมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล
ตารางเทียบเวลาประกาศ CPI สหรัฐฯ (ตัวอย่าง)
| เดือนที่ประกาศ | วันที่ (โดยประมาณ) | เวลาสหรัฐฯ (EST/EDT) | เวลาประเทศไทย (UTC+7) |
|---|---|---|---|
| มกราคม | กลางเดือน ก.พ. | 08:30 น. | 20:30 น. (หรือ 19:30 น. ในฤดูหนาว) |
| กุมภาพันธ์ | กลางเดือน มี.ค. | 08:30 น. | 20:30 น. (หรือ 19:30 น. ในฤดูหนาว) |
| … | … | … | … |
*หมายเหตุ: เวลาในไทยอาจเปลี่ยนแปลงตามการปรับเวลาออมแสงของสหรัฐ ดังนั้นควรตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจล่าสุดเสมอเพื่อความแม่นยำ*
แหล่งข้อมูลและเว็บไซต์สำหรับติดตามประกาศ CPI
นักลงทุนชาวไทยมีตัวเลือกมากมายในการติดตามข้อมูล CPI ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ไม่พลาดการอัปเดตสำคัญ ลองพิจารณาแหล่งเหล่านี้ที่ใช้งานง่ายและอัปเดตบ่อย:
- Investing.com: เว็บไซต์ยอดฮิตที่มีปฏิทินเศรษฐกิจครบถ้วน สามารถปรับเวลาให้ตรงกับโซนเวลาของคุณได้ Investing.com
- ForexFactory: เหมาะสำหรับนักลงทุนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน มีปฏิทินละเอียดและครอบคลุม ForexFactory
- Bloomberg/Reuters: ให้ข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจจากแหล่งมืออาชีพ
- Bureau of Labor Statistics (BLS): แหล่งข้อมูลตรงจากรัฐบาลสหรัฐ ที่ประกาศตัวเลข CPI อย่างเป็นทางการ BLS
เพื่อความสะดวก แนะนำให้ตั้งการแจ้งเตือนผ่านเว็บหรือแอปเหล่านี้ จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลทันเหตุการณ์โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
ทำไม CPI ถึงสำคัญ? ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน
CPI ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่กำหนดทิศทางนโยบายและการเคลื่อนไหวของตลาด การเข้าใจบทบาทของมันจะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น
CPI กับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
ระดับเงินเฟ้อที่ได้จาก CPI เป็นตัวชี้วัดหลักที่เฟดนำไปใช้กำหนดนโยบายการเงิน Federal Reserve ถ้า CPI พุ่งสูงเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 2% ต่อเนื่อง เฟดอาจเลือกขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดการใช้จ่ายและควบคุมแรงกดดันจากเงินเฟ้อ แต่ถ้า CPI ต่ำกว่าที่คาดหวังมาก เฟดอาจลดดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายผ่อนคลายอื่นๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืม การลงทุน และพฤติกรรมการบริโภคในวงกว้าง ทำให้เกิดผลกระทบที่ลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจทั้งหมด
ผลกระทบของ CPI ต่อตลาด Forex, ทองคำ และหุ้น
- ตลาด Forex: ถ้าตัวเลข CPI สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้และชี้ถึงเงินเฟ้อที่รุนแรง นักลงทุนมักคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งกดดันสกุลเงินอื่นๆ รวมถึงเงินบาทให้อ่อนค่าลง แต่ถ้า CPI ต่ำกว่าคาด ดอลลาร์อาจอ่อนตัว สร้างโอกาสให้คู่สกุลเงินอื่นฟื้นตัว
- ทองคำ: ทองคำมักถูกมองเป็นที่หลบภัยจากเงินเฟ้อ ถ้า CPI พุ่งสูงมาก ราคาทองอาจปรับตัวขึ้นเพราะนักลงทุนหันมาถือครองเพื่อป้องกันมูลค่าทรัพย์สิน แต่ถ้าเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้และเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ยอาจดูน่าดึงดูดน้อยลง ส่งผลให้ราคาลดฮวบ
- ตลาดหุ้น: CPI ที่สูงเกินไปอาจจุดประกายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อร้อนแรง ทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเพิ่มต้นทุนกู้ยืมให้บริษัทและกดดันกำไร ส่งผลให้ดัชนีหุ้นโดยรวมปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม ถ้า CPI อยู่ในเกณฑ์เหมาะสมและเศรษฐกิจยังขยายตัว ตลาดหุ้นอาจยังคงมีโมเมนตัมบวกต่อไป
การตีความตัวเลข CPI: อะไรคือนัยยะสำหรับนักลงทุน?
การอ่านตัวเลข CPI ไม่ใช่แค่ดูว่าสูงหรือต่ำเท่านั้น แต่ต้องวิเคราะห์ในบริบทกว้าง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลนี้ โดยพิจารณาการเปรียบเทียบกับคาดการณ์และแนวโน้มอื่นๆ ร่วมด้วย จะช่วยให้การตัดสินใจลงทุนมีน้ำหนักมากขึ้น
คาดการณ์ CPI vs. ตัวเลขจริง: การเคลื่อนไหวของตลาด
ตลาดมักตอบสนองต่อช่องว่างระหว่างตัวเลข CPI จริงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
- ตัวเลขจริงสูงกว่าคาด (Beat): ชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า และกดทองคำกับหุ้นให้ปรับลง
- ตัวเลขจริงต่ำกว่าคาด (Miss): บ่งบอกเงินเฟ้อที่ชะลอตัว อาจนำไปสู่การชะลอขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนลง และหนุนทองคำกับตลาดหุ้นให้ฟื้นตัว
การเข้าใจปฏิกิริยาเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์ทิศทางตลาดได้ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่ข่าวสารไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
การพิจารณาอัตราเงินเฟ้อจาก CPI: YoY และ MoM
ในการวิเคราะห์ CPI ควรดูทั้งสองมุมมองเพื่อภาพรวมที่สมบูรณ์
- YoY (ปีต่อปี): วัดการเปลี่ยนแปลงราคาในรอบ 12 เดือน เป็นตัวชี้แนวโน้มเงินเฟ้อระยะยาวที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะช่วยเห็นทิศทางใหญ่ของเศรษฐกิจ
- MoM (เดือนต่อเดือน): แสดงการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ช่วยจับจังหวะความผันผวนและแรงผลักดันเงินเฟ้อในระยะสั้น
การผสมผสานทั้งสองแบบนี้จะทำให้คุณมองเห็นทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดเล็กๆ ได้อย่างครอบคลุม
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุนไทย: รับมือการประกาศ CPI อย่างชาญฉลาด
สำหรับนักลงทุนในไทย การเตรียมพร้อมรับมือ CPI ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะมันเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก การวางแผนอย่างมีระบบจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร โดยเน้นทั้งก่อนและหลังการประกาศ
การเตรียมตัวก่อนประกาศ CPI
- ศึกษาความคาดหวังของตลาด: ดูตัวเลขคาดการณ์จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เพื่อเข้าใจว่าตลาดกำลังรออะไรอยู่ จะช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำ
- ตรวจพอร์ตการลงทุน: ประเมินสินทรัพย์ที่ถืออยู่ เช่น หุ้นไทย กองทุนต่างประเทศ ทองคำ หรือการเทรด Forex ว่าต้องการปรับอะไรเพื่อรับมือผลกระทบที่อาจเกิด
- จัดการความเสี่ยง: ตั้งจุดหยุดขาดทุนหรือลดขนาดการลงทุนในช่วงใกล้ประกาศ เพื่อป้องกันความผันผวนที่รุนแรง โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่อาจไม่ชินกับความแกว่งไกว
การตัดสินใจหลังประกาศ CPI
- อย่ารีบร้อน: ช่วงไม่กี่นาทีแรกหลังประกาศ ตลาดมักปั่นป่วน รอให้ฝุ่นควันจางและทิศทางชัดเจนก่อนค่อยเคลื่อนไหว
- สังเกตปฏิกิริยาตลาด: ติดตามการตอบสนองของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ทองคำ และหุ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ ซึ่งมักเป็นตัวนำ
- รวมปัจจัยอื่นๆ: CPI เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ควรพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม เช่น บันทึกการประชุมเฟด อัตราการว่างงาน หรือ GDP เพื่อการตัดสินใจที่สมดุล
ข้อควรระวังและกับดักที่นักลงทุนไทยมักเจอ
- ปัญหาเขตเวลา: อย่าลืมแปลงเวลาจาก EST/EDT เป็นเวลไทย มิเช่นนั้นอาจพลาดข่าวสำคัญหรือตีความผิด
- การตีความผิวเผิน: อย่าดูแค่ CPI สูงหรือต่ำ ต้องพิจารณาบริบทเศรษฐกิจโดยรวม และแยก Core จาก Headline ให้ชัด
- การซื้อขายเกินควร: ความตื่นเต้นจากความผันผวนอาจนำไปสู่การเทรดมากเกินไป ส่งผลให้ขาดทุนง่ายๆ
- ผลต่อเงินบาท: แม้เป็นข้อมูลสหรัฐ แต่ CPI ส่งผลต่อค่าเงินบาท ซึ่งกระทบการลงทุนต่างประเทศหรือธุรกิจนำเข้า-ส่งออกของไทย
สรุป: การติดตาม CPI คือกุญแจสำคัญสู่การลงทุนอย่างมีข้อมูล
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI คือตัวชี้วัดที่ทรงพลังต่อตลาดการเงินทั่วโลก การรู้ว่า CPI ประกาศวันไหน รวมถึงความหมาย ผลกระทบ และวิธีวิเคราะห์ จึงเป็นพื้นฐานที่นักลงทุนทุกคน โดยเฉพาะในไทย ต้องมี เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระดับโลกเข้ากับการตัดสินใจในประเทศ การเตรียมตัวให้ดี จัดการความเสี่ยง และวิเคราะห์อย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จาก CPI ในการลงทุนได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CPI (FAQs)
ประกาศ CPI สหรัฐฯ มีผลต่อค่าเงินบาทและเศรษฐกิจไทยอย่างไร?
การประกาศ CPI สหรัฐฯ มีผลกระทบต่อค่าเงินบาทและเศรษฐกิจไทยทางอ้อม หาก CPI สหรัฐฯ สูงกว่าคาดและ Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และอาจกระทบต่อการนำเข้าส่งออกของไทย รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมเงินสกุลดอลลาร์ของภาครัฐและเอกชนไทย
นักลงทุนไทยควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนและหลังการประกาศ CPI?
ก่อนประกาศ: ศึกษาตัวเลขคาดการณ์, ตรวจสอบสถานะพอร์ต, วางแผนจัดการความเสี่ยง (เช่น ตั้ง Stop Loss) หลังประกาศ: หลีกเลี่ยงการรีบตัดสินใจ, สังเกตปฏิกิริยาของตลาด, พิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจ
นอกจากการประกาศ CPI แล้ว มีตัวเลขเศรษฐกิจใดอีกที่นักลงทุนไทยควรรู้?
นักลงทุนไทยควรรู้ตัวเลขสำคัญอื่น ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อของไทย, อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย, GDP, อัตราการว่างงาน, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI), ยอดค้าปลีก และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC Minutes)
สามารถดูปฏิทินประกาศ CPI และตัวเลขย้อนหลังได้จากแหล่งใดที่เชื่อถือได้ (ภาษาไทย)?
คุณสามารถดูปฏิทินเศรษฐกิจภาษาไทยและตัวเลขย้อนหลังได้จากเว็บไซต์ Investing.com (เลือกภาษาไทย), หรืออาจติดตามจากบทวิเคราะห์ของสถาบันการเงินในไทยที่มักจะสรุปข้อมูลสำคัญเหล่านี้
หาก CPI ออกมาสูงกว่าคาด จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อการลงทุนในทองคำสำหรับคนไทย?
หาก CPI สูงกว่าคาดมาก ๆ และบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่รุนแรง อาจส่งผลดีต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่หาก CPI สูงกว่าคาดไม่มากนัก และตลาดคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ทองคำอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบได้
“Core CPI” กับ “Headline CPI” สำคัญต่างกันอย่างไรสำหรับนักลงทุนในประเทศไทย?
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย ทั้ง Core CPI และ Headline CPI มีความสำคัญ แต่ Core CPI มักถูกใช้เพื่อดูแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานที่แท้จริง เนื่องจากตัดราคาพลังงานและอาหารที่ผันผวนออก ทำให้เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีกว่าสำหรับทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดโลกและไทย
การประกาศ CPI มีผลต่อตลาดหุ้นไทย (SET) โดยตรงหรือไม่?
การประกาศ CPI สหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย (SET) โดยตรง แต่มีผลทางอ้อมผ่านความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของ Fed หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อาจส่งผลให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย ซึ่งจะกระทบต่อ SET ได้
ควรใช้กลยุทธ์ “ซื้อก่อนข่าวขายหลังข่าว” กับการประกาศ CPI หรือไม่?
กลยุทธ์ “ซื้อก่อนข่าวขายหลังข่าว” (Buy the rumor, sell the news) มีความเสี่ยงสูงมากกับการประกาศ CPI เนื่องจากตลาดมักจะมีความผันผวนรุนแรงและคาดเดาทิศทางได้ยากหลังข่าวออก การใช้กลยุทธ์นี้โดยไม่มีการวิเคราะห์ที่แม่นยำและการจัดการความเสี่ยงที่ดีอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็ว
หากต้องการตั้งแจ้งเตือนการประกาศ CPI ควรใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ใด?
คุณสามารถตั้งแจ้งเตือนการประกาศ CPI ได้จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของ Investing.com, ForexFactory, หรือ TradingView ซึ่งมีฟังก์ชันปฏิทินเศรษฐกิจและการแจ้งเตือนที่ใช้งานง่าย และสามารถปรับเวลาให้เข้ากับเขตเวลาประเทศไทยได้
ข้อมูล CPI สหรัฐฯ มีผลต่อการตัดสินใจกู้เงินหรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างไร?
ข้อมูล CPI สหรัฐฯ มีผลทางอ้อมต่อการตัดสินใจกู้เงินหรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย หาก CPI สูงต่อเนื่องและ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทและควบคุมเงินเฟ้อในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินในไทยสูงขึ้น และอาจกระทบต่อกำลังซื้อและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์