การจับตาดู Dead Cat Bounce ต้องอาศัยการสังเกตสัญญาณเฉพาะตัวที่โผล่ในตลาด บ่อยครั้งมันเริ่มจากราคาที่เด้งขึ้นหลังร่วงหนัก แต่ไม่ใช่ทุกการเด้งจะเป็นแบบนี้

• การเด้งขึ้นชั่วคราว: ราคาหุ้นหรือดัชนีที่เพิ่งร่วงหนักมักเด้งกลับอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ บางทีมาจากนักเก็งกำไรที่รีบเข้าซื้อ หรือนักลงทุนมองโลกในแง่ดีที่เห็นโอกาสในราคาถูก
• การร่วงลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว: นี่คือจุดที่ชัดเจนที่สุด หลังเด้งขึ้น ราคาก็ถลำลงใหม่ มักต่ำกว่าระดับเดิม และกลับสู่แนวโน้มขาลง
• ปริมาณการซื้อขายที่อ่อนแอ: ช่วงเด้งขึ้น มักเห็น volume ไม่สูงเท่าร่วงลง สะท้อนว่าแรงซื้อไม่พอจะพยุงตลาดให้ฟื้นยั่งยืน
• ขาดข่าวดีที่หนักแน่น: การฟื้นจริงมักมีข่าวพื้นฐานรองรับ แต่ Dead Cat Bounce เกิดโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจริงจัง

ทำไม Dead Cat Bounce ถึงอันตรายต่อนักลงทุน?

Dead Cat Bounce เหมือนกับดักที่ซ่อนอยู่ในตลาด โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่อาจตื่นเต้นกับการเด้งขึ้นชั่วคราว มันหลอกให้คิดว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วกำลังนำไปสู่ความสูญเสีย

• สร้างภาพลวงตาของตลาดขาขึ้น: การเด้งของราคาทำให้นักลงทุนบางคนเห็นสัญญาณ bull market รีบเข้าซื้อด้วยความหวังว่าจะขึ้นต่อ
• นำไปสู่การซื้อผิดพลาด: ผู้ที่หลงเชื่ออาจไม่ดูแนวโน้มใหญ่หรือพื้นฐานจริงๆ ทำให้ตัดสินใจเข้าซื้อในจังหวะแย่
• ขาดทุนหนักเมื่อร่วงต่อ: พอเด้งหมด ราคากลับลงสู่ขาลงเดิม คนที่ซื้อตอนเด้งจะเจอขาดทุนเพราะจ่ายแพงเกินไป
• พลาดโอกาสลงทุนอื่น: การยึดติดกับหุ้นที่ซื้อผิดอาจทำให้มองข้ามสินทรัพย์ดีๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

มีตัวอย่าง Dead Cat Bounce ในตลาดหุ้นไทยไหม?

ตลาดหุ้นไทยเคยเผชิญ Dead Cat Bounce ในช่วงตลาดร่วงหนัก โดยเฉพาะเวลาดัชนี SET Index ปรับฐานรุนแรง นักวิเคราะห์มักชี้ว่ามันเกิดขึ้นจริง

สมมติในช่วงวิกฤต ดัชนี SET หรือหุ้นบางตัวที่ร่วงมามากอาจเด้งขึ้นกะทันหันในเวลาสั้นๆ นักลงทุนบางคนตีความว่าเป็นสัญญาณฟื้น รีบซื้อคาดว่าราคาจะพุ่งต่อ แต่ไม่นานราคาก็ร่วงอีก ใครเข้าซื้อตอนนั้นมักขาดทุน

จากกรณีเหล่านี้ นักลงทุนไทยเรียนรู้ว่าอย่ารีบสรุปจากเด้งเล็กน้อย ต้องดูแนวโน้มใหญ่ พื้นฐานบริษัท และเศรษฐกิจโดยรวมให้รอบคอบ

นักลงทุนไทยรับมือ Dead Cat Bounce อย่างไร?