CPI สหรัฐล่าสุด: ตลาดตอบสนองอย่างไร?
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือที่รู้จักกันในชื่อ CPI ของสหรัฐอเมริกา ถือเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ทุกคนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะในประเทศไทย เมื่อมีการประกาศตัวเลข CPI ล่าสุดแต่ละครั้ง มักก่อให้เกิดกระแสคลื่นไส้ในตลาดการเงินทั่วไป ล่าสุดที่เพิ่งเปิดเผยข้อมูลนี้ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเงินเฟ้อที่ยังคงน่ากังวล ไม่ว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ก็ส่งผลสะเทือนต่อทุกฝ่าย

หลังจากตัวเลข CPI ใหม่ถูกเผยแพร่ ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ มักจะมีปฏิกิริยาในทันที หากตัวเลขสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่เน้นการเติบโตอาจถูกกดดันหนัก เนื่องจากบ่งบอกถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่หุ้นประเภทคุณค่าอาจดึงดูดนักลงทุนมากกว่า สำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์สหรัฐมักแข็งค่าขึ้นเมื่อ CPI สูงเกินคาด เพราะนักลงทุนคาดว่า Fed จะใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้น สิ่งนี้กระทบโดยตรงต่อค่าเงินบาทของไทย ทำให้ต้องจับตาการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมันก็เคลื่อนไหวตามความคาดหมายเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มักได้รับความนิยมเมื่อเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนหรือเงินเฟ้อพุ่งสูง ส่วนราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์และอุปทานระดับโลก แต่ก็สะท้อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปรากฏผ่านตัวเลข CPI เช่นกัน ดังนั้น การติดตามข้อมูลเหล่านี้จึงช่วยให้เข้าใจทิศทางตลาดได้ดีขึ้น

*(ภาพประกอบ: กราฟแสดงตัวเลข CPI สหรัฐฯ ล่าสุด พร้อมการเปลี่ยนแปลงรายเดือนและรายปี)*
อะไรคือ CPI สหรัฐฯ? ทำไมจึงสำคัญอย่างยิ่ง?
CPI สหรัฐฯ คือดัชนีที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ หรือ U.S. Bureau of Labor Statistics เป็นหน่วยงานที่รวบรวมและคำนวณข้อมูลนี้ ดัชนีดังกล่าวช่วยวัดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งคือการที่ราคาสินค้าและบริการโดยรวมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลงและกำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง
เหตุผลที่ CPI สำคัญมากมาจากหลายด้าน ประการแรก มันสะท้อนภาพรวมสุขภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประการที่สอง Fed ใช้ข้อมูลนี้เป็นหลักในการกำหนดนโยบายการเงิน เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและควบคุมเงินเฟ้อ ประการที่สาม ตัวเลข CPI ยังส่งผลต่อค่าครองชีพ การปรับเงินเดือน และแผนการลงทุนของธุรกิจรวมถึงนักลงทุนทั่วโลก ทำให้ทุกคนต้องให้ความสำคัญกับมัน
การคำนวณ CPI และ Core CPI
กระบวนการคำนวณ CPI เริ่มจากการเก็บราคาสินค้าและบริการที่เป็นตัวแทนของ “ตะกร้าสินค้า” สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งครอบคลุมหมวดหมู่หลากหลาย เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า การขนส่ง สุขภาพ การบันเทิง การศึกษา และบริการอื่นๆ สำนักงานสถิติแรงงานจะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาเหล่านี้ทุกเดือน แล้วนำมาประกอบกันเป็นดัชนี เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจน
นอกจาก CPI มาตรฐาน ยังมี Core CPI ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่剔除สินค้าที่ราคาผันผวนมาก เช่น อาหารและพลังงาน ออกไป เพราะราคาเหล่านี้มักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยชั่วคราวอย่างสภาพอากาศหรือความขัดแย้งทางการเมือง การใช้ Core CPI ช่วยให้นักวิเคราะห์และ Fed มองเห็นแนวโน้มเงินเฟ้อที่แท้จริง โดยไม่ถูกรบกวนจากความผันผวนระยะสั้น ทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
CPI สหรัฐฯ มีผลต่อนโยบายการเงินของ Fed อย่างไร?
Fed มีหน้าที่หลักสองอย่าง คือ ส่งเสริมการจ้างงานให้สูงสุดและรักษาเสถียรภาพราคา ดังนั้น CPI จึงเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน หากตัวเลข CPI สูงเกินเป้าหมายที่ Fed วางไว้ ซึ่งมักอยู่ที่ 2% ต่อปี พวกเขาอาจเลือกปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดการใช้จ่าย สงบเศรษฐกิจที่ร้อนแรง และยับยั้งเงินเฟ้อ
ตรงกันข้าม ถ้า CPI ต่ำกว่าที่คาดหรือมีสัญญาณเงินฝืด Fed อาจลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค การตัดสินใจเหล่านี้ที่อิงจาก CPI ส่งผลต่อความคาดหวังของตลาดอย่างมาก และกำหนดแนวโน้มการเงินระดับโลก โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจเชื่อมโยงกันแน่นแฟ้นแบบนี้
*(ภาพประกอบ: แผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง CPI สหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed)*
ข้อมูล CPI เคลื่อนไหวตลาดการเงินโลกได้อย่างไร?
ตัวเลข CPI จากสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลแค่ภายในประเทศ แต่แผ่ขยายไปยังตลาดการเงินทั่วโลก ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจสหรัฐเป็นค่ายักษ์ใหญ่และดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก การประกาศแต่ละครั้งจึงสร้างแรงกระเพื่อมที่รู้สึกได้ทั่ว
- ตลาดหุ้น: ถ้า CPI สูงเกินคาดและ Fed เตรียมขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นทั่วโลกมักปรับตัวลงเพราะต้นทุนกู้ยืมแพงขึ้น ส่งผลกระทบกำไรบริษัท โดยหุ้นเติบโตที่พึ่งพาการกู้ยืมจะเจ็บหนักกว่าหุ้นคุณค่า
- ตลาดพันธบัตร: CPI ที่พุ่งสูงทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้น นักลงทุนต้องการค่าตอบแทนสูงกว่าเพื่อรับมือเงินเฟ้อ สิ่งนี้กระทบต้นทุนกู้ยืมของรัฐและเอกชนทั่วโลก
- ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน: ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อ CPI สูง เนื่องจากคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์น่าลงทุนกว่าเงินอื่นๆ รวมถึงบาทไทยที่อาจอ่อนลง
- ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำและน้ำมันตอบสนองต่อ CPI ทองคำป้องกันเงินเฟ้อได้ดี แต่ถ้า Fed ขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ อาจถูกกด ส่วนน้ำมันขึ้นกับมุมมองเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์
นักลงทุนไทยต้องดู: ผลกระทบจริงของ CPI สหรัฐฯ ต่อไทยและกลยุทธ์รับมือ
แม้ CPI จะมาจากสหรัฐ แต่ผลกระทบไหลมาถึงไทยแน่นอน นักลงทุนและประชาชนไทยจึงควรศึกษาข้อมูลนี้ให้ละเอียด เพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิด
ผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทย
เงินเฟ้อในสหรัฐส่งผลต่อไทยผ่านหลายช่องทาง เช่น
- การค้า: ถ้าสหรัฐเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจชะลอ อาจลดการนำเข้าสินค้าไทย ส่งผลให้ยอดส่งออกของเราตกต่ำ
- การลงทุน: นโยบาย Fed ที่ตอบ CPI ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้าย ถ้า Fed ขึ้นดอกเบี้ย ทุนอาจไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างไทย
- การท่องเที่ยว: เศรษฐกิจสหรัฐชะลออาจลดจำนวนนักท่องเที่ยวอเมริกันที่มาไทย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลัก
ผลกระทบต่อค่าเงินบาท
เงินบาทมักเคลื่อนไหวตามดอลลาร์สหรัฐ เมื่อ CPI สูงและ Fed เตรียมขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์แข็งขึ้น บาทอาจอ่อนลง ซึ่งช่วยผู้ส่งออกแต่เพิ่มภาระผู้นำเข้าและผู้ชำระหนี้ต่างประเทศ
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ไทย
การไหลของทุนโลกที่เกิดจากนโยบาย Fed ตาม CPI ส่งผลต่อดัชนี SET ของไทย ถ้าทุนไหลออก หุ้นไทยอาจร่วง นอกจากนี้ ดอกเบี้ยโลกสูงขึ้นอาจทำให้ต้นทุนกู้ในไทยแพงตาม ส่งผลกระทบภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะโครงการที่พึ่งพาเงินกู้
นักลงทุนไทยควรปรับกลยุทธ์อย่างไร?
นักลงทุนไทยควรเฝ้าดู CPI สหรัฐอย่างสม่ำเสมอ และปรับแผนดังนี้
- การกระจายความเสี่ยง: หลีกเลี่ยงการลงทุนรวมศูนย์ ควรกระจายไปยังหุ้น พันธบัตร ทองคำ และกองทุนอสังหาฯ
- สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง: เลือกลงทุนในสิ่งที่ทนเงินเฟ้อได้ดี เช่น อสังหาฯ บางประเภทหรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาสูง
- ติดตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย: สังเกตการณ์นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะพวกเขาพิจารณาข้อมูลโลกและในประเทศเพื่อปรับดอกเบี้ยไทย สามารถหาข้อมูลเพิ่มที่ เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย
- ลงทุนในต่างประเทศ: ลองกระจายไปสินทรัพย์ต่างชาติเพื่อรับโอกาสจากเศรษฐกิจอื่น แต่ต้องระวังความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- มองหาหุ้นที่มีอำนาจกำหนดราคา: ในยุคเงินเฟ้อ บริษัทที่ส่งต่อต้นทุนให้ลูกค้าได้จะทนทานกว่า
คาดการณ์และแนวโน้ม: CPI สหรัฐฯ ในอนาคตและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การพยากรณ์แนวโน้ม CPI สหรัฐในอนาคตไม่ง่าย เพราะมีปัจจัยหลากหลายที่กำหนดเงินเฟ้อ สิ่งที่ต้องจับตามอง ได้แก่
- ห่วงโซ่อุปทาน: ปัญหาติดขัดในห่วงโซ่อุปทานโลกที่ยังค้างคา อาจผลักราคาสูงต่อไป
- ภูมิรัฐศาสตร์: ความตึงเครียดอย่างสงครามหรือ貿易战 อาจกระทบราคาพลังงานและอาหาร
- ตลาดแรงงาน: ถ้าตลาดงานยังแข็งแกร่งและค่าจ้างขึ้นต่อเนื่อง เงินเฟ้ออาจค้างสูง
- นโยบายของ Fed: ทิศทางนโยบาย Fed จะตัดสินว่าเงินเฟ้อจะถูกควบคุมหรือไม่
นักวิเคราะห์มีมุมมองหลากหลาย บางคนเชื่อว่าเงินเฟ้อผ่านจุดพีคแล้วและจะลดลงช้าๆ แต่บางส่วนกังวลว่ามันอาจยืดเยื้อ ส่งผลให้ Fed ต้องเข้มงวดมากขึ้น และเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย สำหรับไทย ความอ่อนไหวต่อเงินเฟ้อสหรัฐขึ้นกับโครงสร้างส่งออก การนำเข้าพลังงาน และหนี้ต่างประเทศ การเข้าใจเหล่านี้ช่วยประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้ดี
2024-2025 ตารางประกาศ CPI สหรัฐฯ (ตามเวลาประเทศไทย)
การติดตามกำหนดการประกาศ CPI สหรัฐสำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้สนใจเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในไทย เพราะเวลาประกาศมักตรงกับช่วงเย็นหรือดึกตาม GMT+7 ซึ่งช้ากว่า Eastern Time ของสหรัฐราว 11-12 ชั่วโมง ขึ้นกับ Daylight Saving Time ตารางด้านล่างเป็นวันที่และเวลาประมาณสำหรับปี 2024-2025 อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบจากแหล่งทางการของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐเพื่อความแม่นยำ
ตารางประกาศ CPI สหรัฐฯ (เวลาประเทศไทย GMT+7)
ช่วงเวลาที่รายงาน | วันที่ประกาศ (ET) | เวลาประกาศ (ET) | วันที่ประกาศ (เวลาไทย) | เวลาประกาศ (เวลาไทย GMT+7) |
---|---|---|---|---|
ธันวาคม 2023 | 11 มกราคม 2024 | 8:30 AM | 11 มกราคม 2024 | 20:30 น. |
มกราคม 2024 | 13 กุมภาพันธ์ 2024 | 8:30 AM | 13 กุมภาพันธ์ 2024 | 20:30 น. |
กุมภาพันธ์ 2024 | 12 มีนาคม 2024 | 8:30 AM | 12 มีนาคม 2024 | 20:30 น. |
มีนาคม 2024 | 10 เมษายน 2024 | 8:30 AM | 10 เมษายน 2024 | 19:30 น. |
เมษายน 2024 | 15 พฤษภาคม 2024 | 8:30 AM | 15 พฤษภาคม 2024 | 19:30 น. |
พฤษภาคม 2024 | 12 มิถุนายน 2024 | 8:30 AM | 12 มิถุนายน 2024 | 19:30 น. |
มิถุนายน 2024 | 11 กรกฎาคม 2024 | 8:30 AM | 11 กรกฎาคม 2024 | 19:30 น. |
กรกฎาคม 2024 | 14 สิงหาคม 2024 | 8:30 AM | 14 สิงหาคม 2024 | 19:30 น. |
สิงหาคม 2024 | 11 กันยายน 2024 | 8:30 AM | 11 กันยายน 2024 | 19:30 น. |
กันยายน 2024 | 10 ตุลาคม 2024 | 8:30 AM | 10 ตุลาคม 2024 | 19:30 น. |
ตุลาคม 2024 | 13 พฤศจิกายน 2024 | 8:30 AM | 13 พฤศจิกายน 2024 | 20:30 น. |
พฤศจิกายน 2024 | 11 ธันวาคม 2024 | 8:30 AM | 11 ธันวาคม 2024 | 20:30 น. |
ธันวาคม 2024 | ประมาณ 15 มกราคม 2025 | 8:30 AM | ประมาณ 15 มกราคม 2025 | 20:30 น. |
มกราคม 2025 | ประมาณ 12 กุมภาพันธ์ 2025 | 8:30 AM | ประมาณ 12 กุมภาพันธ์ 2025 | 20:30 น. |
หมายเหตุ: เวลา ET คือ Eastern Time ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการปรับ Daylight Saving Time โดยปกติจะห่างจากเวลาไทย 11-12 ชั่วโมง กรุณาตรวจสอบเวลาที่แน่นอนจากแหล่งข่าวทางการอีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. cpi สหรัฐ ล่าสุดวันนี้ มีผลต่อ ตลาดหุ้นไทย (SET Index) อย่างไร?
โดยทั่วไป หากตัวเลข CPI สหรัฐฯ สูงกว่าคาดและส่งสัญญาณว่า Fed อาจ ขึ้นดอกเบี้ย อาจทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวลดลง ในทางกลับกัน หาก CPI ต่ำกว่าคาดและคาดว่า Fed จะผ่อนคลายนโยบาย ตลาดหุ้นไทยอาจได้รับอานิสงส์จากการไหลเข้าของเงินทุน
2. cpi สหรัฐ ขึ้นหรือลง มีผลต่อ ค่าเงิน บาท (THB) อย่างไร?
หาก CPI สหรัฐฯ สูงขึ้น ดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะ ขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ บาท มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในทางกลับกัน หาก CPI สหรัฐฯ ต่ำลง ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงและส่งผลให้ บาท แข็งค่าขึ้น
3. นักลงทุนไทยควรใช้ข้อมูล CPI สหรัฐฯ มาปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร?
นักลงทุนควรใช้ข้อมูล CPI เพื่อประเมินทิศทาง เงินเฟ้อ และ นโยบายการเงิน ของ Fed หาก เงินเฟ้อ สูงและ Fed มีแนวโน้ม ขึ้นดอกเบี้ย ควรพิจารณา:
- ลดสัดส่วนหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
- เพิ่มสัดส่วนในสินทรัพย์ป้องกัน เงินเฟ้อ เช่น ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์บางประเภท
- กระจายการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง
- ติดตามการดำเนินนโยบายของ ธนาคารแห่งประเทศไทย
4. ประกาศตัวเลข cpi สหรัฐ วันนี้กี่โมง ตามเวลาไทย?
โดยปกติ CPI สหรัฐฯ จะประกาศเวลา 8:30 AM Eastern Time (ET) ซึ่งจะตรงกับเวลาประมาณ 19:30 น. หรือ 20:30 น. ตามเวลาประเทศไทย (GMT+7) ขึ้นอยู่กับการปรับเวลา Daylight Saving Time ในสหรัฐฯ
5. เงินเฟ้อสูงในสหรัฐฯ จะทำให้สินค้าในไทยแพงขึ้นด้วยหรือไม่?
มีโอกาสที่ เงินเฟ้อ สูงในสหรัฐฯ จะส่งผลให้ราคาสินค้าในไทยสูงขึ้นได้ เนื่องจากไทยมีการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากต่างประเทศ หากต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น ผู้ประกอบการอาจส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภค นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงิน บาท เมื่อเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้นในประเทศ
6. นอกจาก CPI แล้ว นักลงทุนไทยควรติดตามตัวชี้วัดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใดอีกบ้าง?
นอกจาก CPI ควรติดตามตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น:
- ดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI)
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls)
- อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)
- ยอดค้าปลีก (Retail Sales)
- การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC Meeting) ของ Fed
7. ถ้า Fed ขึ้นดอกเบี้ยเพราะข้อมูล CPI จะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านในไทยหรือไม่?
มีผลได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยโลกมีความเชื่อมโยงกัน หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย อาจส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของสถาบันการเงินในไทยสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย นโยบายของไทย และส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านในที่สุด
8. CPI และ Core CPI ต่างกันอย่างไร? นักลงทุนไทยควรสนใจตัวไหนมากกว่ากัน?
CPI วัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการทั้งหมดในตะกร้าสินค้า ในขณะที่ Core CPI ตัดราคาสินค้าหมวดอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูงออกไป นักลงทุนไทยควรให้ความสำคัญกับทั้งสองตัว โดย Core CPI มักใช้เพื่อดูแนวโน้ม เงินเฟ้อ ที่แท้จริงและระยะยาว เนื่องจากไม่ถูกรบกวนจากปัจจัยชั่วคราว
9. ตารางประกาศ cpi สหรัฐ 2567 สามารถดูได้จากที่ไหน?
สามารถติดตาม ตารางประกาศ CPI สหรัฐฯ อย่างเป็นทางการได้จาก เว็บไซต์ของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Labor Statistics) หรือจากเว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำของไทยและต่างประเทศที่อัปเดตข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ
10. CPI สหรัฐฯ มีผลต่อการท่องเที่ยวและส่งออกของไทยอย่างไร?
หาก CPI สหรัฐฯ สูงและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว อาจลดกำลังซื้อและการเดินทางของนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ที่มาไทย ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ส่วนภาคการส่งออก หากกำลังซื้อในสหรัฐฯ ลดลงหรือต้นทุนการผลิตในไทยสูงขึ้นจากค่าเงิน บาท ที่อ่อนค่า ก็อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการส่งออกของไทย