66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

ดัชนีความผันผวน: ทำความเข้าใจธรรมชาติของตลาดการเงินในปี 2025

Home / ข่าวตลาดเงิน / ดัช...

meetcinco_com | 25 6 月

ดัชนีความผันผวน: ทำความเข้าใจธรรมชาติของตลาดการเงินในปี 2025

แกะรอยความผันผวน: ทำความเข้าใจธรรมชาติของตลาดการเงินในยุคปัจจุบัน

ในโลกของการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คุณเคยรู้สึกไหมว่าตลาดการเงินมี “อารมณ์” ของตัวเอง? บางครั้งก็สงบนิ่ง บางครั้งก็ปั่นป่วนราวกับพายุเข้า ความผันผวน หรือ Volatility ไม่ใช่แค่คำศัพท์ทางการเงิน แต่เป็นปรากฏการณ์ที่นักลงทุนทุกคนต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน

ในช่วงเวลาที่เรากำลังเผชิญอยู่ ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังเข้าสู่ช่วงแห่งความไม่แน่นอนสูง ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนีความผันผวนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก หรือแม้แต่นโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศมหาอำนาจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เข้ามาเขย่าขวัญนักลงทุน แล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไร?

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงแก่นของความผันผวน ตั้งแต่มาตรการเชิงรุกที่หน่วยงานกำกับดูแลอย่างตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด ไปจนถึงการวิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อนความผันผวนทั้งในตลาดหุ้นดั้งเดิมและตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่กำลังมาแรง นอกจากนี้ เราจะมาเรียนรู้การใช้ดัชนีความผันผวนเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความเสี่ยงและโอกาส รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อให้นักลงทุนอย่างคุณสามารถนำทางในภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

ภาพของตลาดการเงินที่มีความผันผวน

ตามข้อมูลที่ค้นพบ ปัจจัยต่อไปนี้มีความสำคัญต่อการประเมินสถานการณ์ในตลาดการเงิน:

  • การตรวจสอบแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ
  • การติดตามข่าวสารที่มีผลกระทบจากบุคคลสำคัญทางการเมือง
  • การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นรวมถึงการลงทุนในอนาคต
ปัจจัย รายละเอียด
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลก
นโยบายเศรษฐกิจ มีผลต่อสภาวะการเงินภายในประเทศ
การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุน

มาตรการเชิงรุกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ: เมื่อกลไกตลาดต้องปรับตัว

ในฐานะนักลงทุน การรู้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลมีกลไกป้องกันความเสี่ยงอย่างไร ย่อมช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยขึ้นใช่ไหมครับ? เมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ได้สร้างความกังวลอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้มีมติอนุมัติมาตรการเร่งด่วนในการปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว มาตรการเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือบริหารจัดการความผันผวนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

นักลงทุนที่เรียนรู้การประเมินความเสี่ยง

เบื้องลึกมาตรการชั่วคราว: กรอบ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band

มาตรการที่ว่านี้คืออะไร และมันทำงานอย่างไร? พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับลดกรอบการเคลื่อนไหวของราคา Ceiling & Floor และกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band สำหรับหลักทรัพย์ในตลาด SET และ mai รวมถึงตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX ด้วย

มาตรการชั่วคราวนี้จะมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ถึง 27 มิถุนายน 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ลงทุนมีเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์อย่างรอบด้านมากขึ้น ก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ และเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพของตลาดโดยรวม

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่คุณต้องทราบคือ มาตรการปรับเกณฑ์ดังกล่าวนี้จะไม่ครอบคลุมหลักทรัพย์ที่อ้างอิงสินทรัพย์ต่างประเทศ เช่น DR (Depositary Receipts), DW (Derivative Warrants) และ ETF (Exchange Traded Funds) ดังนั้น หากคุณมีการลงทุนในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ก็ยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดโลกอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

การเคลื่อนไหวของหุ้นในช่วงตลาดผันผวน

ดัชนีความผันผวน: สัญญาณเตือนภัยและโอกาสในตลาดหุ้น

เคยได้ยินคำว่า “มาตรวัดความกลัว” ของตลาดไหมครับ? นั่นคือบทบาทสำคัญของ ดัชนีความผันผวน ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับคลื่นแห่งความผันผวนอย่างรุนแรงในปี 2025 จากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีหากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง หรือแม้แต่วาทะของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีสำคัญอย่าง Morningstar US Market ลดลงไปประมาณ 12% และหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำหลายตัว เช่น Nvidia (NVDA), Apple (AAPL) และ Broadcom (AVGO) ต่างร่วงลงไปกว่า 20%

ในสถานการณ์เช่นนี้ ดัชนีความผันผวนอย่าง CBOE Volatility Index (VIX) ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และนี่คือสิ่งที่คุณควรให้ความสนใจ

VIX: “มาตรวัดความกลัว” ในตลาด S&P 500 ที่คุณควรรู้

CBOE Volatility Index (VIX) หรือที่นักลงทุนรู้จักกันดีในชื่อ “มาตรวัดความกลัว” (Fear Gauge) เป็นดัชนีที่สะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดต่อระดับความผันผวนในอนาคตของดัชนี S&P 500 โดยวัดจากราคาออปชั่นของ S&P 500 ยิ่งค่า VIX สูงเท่าไร นั่นหมายความว่านักลงทุนยิ่งคาดการณ์ว่าตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้นเท่านั้น และมักจะบ่งชี้ถึงความกังวลหรือความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุน

เมื่อเราเห็น VIX พุ่งทะยานขึ้นสู่ระดับสูง มักจะเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด มีความกลัว และพร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ดัชนีนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนในการประเมินอารมณ์ตลาดและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม

Bitcoin Volmex Index: เมื่อความไม่แน่นอนปกคลุมตลาดคริปโทฯ

ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นดั้งเดิมเท่านั้นที่เผชิญกับความผันผวน ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเองก็เช่นกัน และมีดัชนีความผันผวนของตัวเองที่น่าสนใจ นั่นคือ Bitcoin Volmex Implied Volatility Index

ในขณะที่ VIX บอกเล่าเรื่องราวของตลาดหุ้น ดัชนี Bitcoin Volmex Implied Volatility Index ก็ทำหน้าที่คล้ายกันสำหรับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อเร็วๆ นี้ ดัชนีนี้ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าความกังวลและความไม่แน่นอนได้แผ่ขยายเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว

การเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้ชี้ให้เห็นถึงความคาดหวังของตลาดที่ว่าราคา Bitcoin จะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาดคริปโทฯ ที่มีการเทขายครั้งใหญ่ และราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว การติดตามดัชนีเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจพลวัตของตลาดและเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์

กลยุทธ์ “หุ้นความผันผวนต่ำ”: ทางเลือกสู่ความมั่นคงในยามตลาดผันผวน

ในยามที่ตลาดผันผวนรุนแรง และหุ้นดาวเด่นหลายตัวกำลังร่วงลงอย่างหนัก คุณเคยคิดถึงทางเลือกที่มั่นคงกว่าไหม? แนวคิด “หุ้นความผันผวนต่ำ” (Low Volatility Factor) กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่ตลาดไม่แน่นอน

ในขณะที่หุ้นอย่าง Nvidia, Apple, หรือ Broadcom ต้องเผชิญกับการปรับตัวลงอย่างรุนแรง หุ้นในกลุ่ม Morningstar US Low Volatility Factor กลับแสดงความแข็งแกร่งและสามารถรักษาผลตอบแทนที่เป็นบวกไว้ได้ในปี 2025 นี่คือข้อพิสูจน์ว่าหุ้นที่มีปัจจัยความผันผวนต่ำสามารถป้องกันการขาดทุนและให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อปรับความเสี่ยงแล้ว ซึ่งเป็นหลักการที่นักลงทุนระยะยาวให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

กลยุทธ์นี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่การ “เอาชนะตลาด” ด้วยผลตอบแทนที่สูงที่สุด แต่เน้นที่การ “จำกัดการขาดทุน” และสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับความผันผวนของตลาด

เรียนรู้จากปรมาจารย์: แนวคิด “ป้องกันการขาดทุน” ของวอร์เรน บัฟเฟตต์

หากเราจะพูดถึงปรมาจารย์ด้านการลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ก่อตั้ง Berkshire Hathaway คุณจะพบว่าหลักการสำคัญข้อแรกของเขาคือ “ห้ามขาดทุน” และหลักการข้อสองคือ “ห้ามลืมหลักการข้อแรก” นี่คือปรัชญาที่สอดคล้องกับแนวคิดของหุ้นความผันผวนต่ำอย่างน่าสนใจ

ในขณะที่นักลงทุนบางคนอาจมองหาหุ้นที่ “หวือหวา” และมีโอกาสทำกำไรสูงอย่างรวดเร็ว บัฟเฟตต์กลับเน้นที่การรักษาเงินทุนเป็นอันดับแรก ซึ่งหมายถึงการเลือกบริษัทที่มีรากฐานแข็งแกร่ง มีการดำเนินธุรกิจที่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดมากนัก ตัวอย่างเช่น หุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หรือหุ้นกลุ่ม Healthcare อย่าง Johnson & Johnson หรือ Abbott Laboratories ซึ่งมักจะแสดงความทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดี

การลงทุนในหุ้นความผันผวนต่ำจึงเป็นแนวทางที่เน้นการป้องกันความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การมองหาโอกาสในการทำกำไรเลยทีเดียว

คลื่นลมแรงในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี: ปัจจัยมหภาคและข่าวสารเฉพาะ

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจากภาพรวมของตลาดการเงินโลกไปแล้ว และเมื่อตลาดการเงินดั้งเดิมประสบปัญหา ตลาดคริปโทฯ ก็มักจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ปี 2025 เป็นปีที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญกับความปั่นป่วนอย่างหนัก ซึ่งสะท้อนผ่านการที่ราคา Bitcoin ร่วงต่ำกว่า $50,000 การเทขายครั้งใหญ่นี้ไม่ได้มาจากปัจจัยภายในตลาดคริปโทฯ เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความกังวลจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคในตลาดดั้งเดิมด้วย ดังที่คุณเห็นการเชื่อมโยงของดัชนี VIX และ Bitcoin Volmex Index ที่พุ่งขึ้นพร้อมๆ กัน

นอกจากนี้ ข่าวสารเฉพาะในตลาดคริปโทฯ เองก็มีผลอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ (Whale Wallet) อย่างกรณีการเคลื่อนย้าย Ether (ETH) จำนวนมากจากกระเป๋าเงิน PlusToken ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Ponzi scheme เก่าที่สร้างความกังวลให้กับตลาด หรือแม้แต่เหตุการณ์แฮ็กโปรโตคอลต่างๆ เช่น Nexera Protocol (NXRA) ที่ถูกแฮ็กไปมูลค่ากว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนสร้างแรงกดดันและเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

กรณีศึกษาความผันผวน: Bitcoin, SOL/ETH และเหตุการณ์สำคัญ

ลองพิจารณาตัวอย่างการเคลื่อนไหวของ Bitcoin ที่มีความผันผวนสูงมาก รวมถึงอัตราส่วน SOL/ETH (Solana เทียบกับ Ether) ที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ การเคลื่อนไหวที่รุนแรงเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล

นอกจากปัจจัยมหภาคแล้ว ตลาดคริปโทฯ ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มและโปรโตคอลต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น การเปิดตัวกองทุนคริปโทเคอร์เรนซีผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับสินทรัพย์อย่าง Sui และ Bittensor (TAO) โดย Grayscale อาจสร้างความคาดหวังเชิงบวก แต่ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์แฮ็กหรือการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ปริมาณมาก ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการเทขายอย่างรุนแรงได้ทันที

สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำถึงความอ่อนไหวของสินทรัพย์ดิจิทัลต่อข่าวสารและปัจจัยภายนอก รวมถึงความจำเป็นที่คุณจะต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และมีกลยุทธ์ที่รัดกุมในการบริหารจัดการความเสี่ยงหากคิดจะเข้ามาลงทุนในตลาดนี้

บทสรุป: ก้าวข้ามความผันผวนด้วยความรู้และการเตรียมพร้อม

ความผันผวนเป็นธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของตลาดการเงิน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องหวาดกลัว หากเรามีความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสม คุณได้เห็นแล้วว่าหน่วยงานกำกับดูแลอย่างตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ใช้มาตรการที่ทันท่วงทีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด และเราก็ได้เรียนรู้ถึงบทบาทสำคัญของดัชนีความผันผวนอย่าง VIX และ Bitcoin Volmex Index ในฐานะเครื่องมือเตือนภัยที่ช่วยให้คุณประเมินอารมณ์และทิศทางของตลาดได้

การประยุกต์ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการป้องกันความเสี่ยง เช่น การพิจารณาลงทุนใน หุ้นความผันผวนต่ำ ตามแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ รวมถึงการทำความเข้าใจปัจจัยเฉพาะที่ส่งผลต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี จะช่วยให้คุณสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนในภาวะที่ไม่แน่นอนได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเริ่ม การเทรดฟอเร็กซ์ หรือสำรวจผลิตภัณฑ์สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ที่หลากหลายยิ่งขึ้น โมเนต้า มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) คือแพลตฟอร์มที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง แพลตฟอร์มนี้มาจากออสเตรเลีย นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือนักเทรดมืออาชีพ ก็สามารถค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมกับตนเองได้

อย่าลืมว่าการศึกษาและเตรียมพร้อมอยู่เสมอคือหัวใจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายในตลาดการเงิน ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความผันผวนและกลยุทธ์ที่รัดกุม คุณจะสามารถสร้างโอกาสในการเติบโตและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ แม้ในสภาวะตลาดที่มีคลื่นลมแรง ขอให้คุณลงทุนอย่างชาญฉลาดและประสบความสำเร็จครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดัชนีความผันผวน

Q:ดัชนีความผันผวนคืออะไร?

A:ดัชนีความผันผวนเป็นดัชนีที่วัดระดับความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนของราคาหุ้นในอนาคต.

Q:ทำไมดัชนี VIX ถึงสำคัญ?

A:VIX เป็นเครื่องมือที่ช่วยนักลงทุนประเมินความกลัวและความไม่แน่นอนในตลาด ซึ่งสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน.

Q:การลงทุนในหุ้นความผันผวนต่ำคืออะไร?

A:การลงทุนในหุ้นความผันผวนต่ำมุ่งเน้นการเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อป้องกันการขาดทุนในภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน.

發佈留言