66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

เงินมีกี่ประเภท: เจาะลึกความสำคัญและรูปแบบของเงินที่คุณต้องรู้เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

Home / เริ่มต้นเทรด / เงิ...

meetcinco_com | 16 10 月

เงินมีกี่ประเภท: เจาะลึกความสำคัญและรูปแบบของเงินที่คุณต้องรู้เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

บทนำ: เงินคืออะไร? ทำไมต้องรู้จักประเภทของมัน?

ในโลกเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน เงินไม่ได้จำกัดอยู่แค่เหรียญหรือธนบัตรที่เราถือไว้ มันคือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การซื้อขายสินค้าและบริการดำเนินไปได้อย่างลื่นไหล ขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคม และกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน การรู้จักเงินว่ามันคืออะไร และมีรูปแบบไหนบ้าง จึงกลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนควรเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือคนทั่วไป เพราะความรู้เหล่านี้ช่วยให้เราจัดการเรื่องเงินทองได้อย่างรอบคอบ และมองเห็นภาพใหญ่ของระบบการเงินที่เราอยู่ด้วยกัน

ภาพประกอบการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการด้วยเหรียญและธนบัตรในเมืองสมัยใหม่ เพื่อสื่อถึงแนวคิดการรู้จักการเงิน

บทความนี้จะพาคุณสำรวจประเภทของเงินอย่างละเอียด ตั้งแต่รูปแบบที่เราเห็นบ่อย ๆ ไปจนถึงแนวคิดใหม่ ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการเงิน พร้อมอธิบายหน้าที่หลักของเงินและความแตกต่างของคำศัพท์ที่อาจทำให้สับสน เพื่อให้คุณได้มุมมองที่ครบถ้วนและนำไปใช้ได้จริงในชีวิต

หน้าที่หลักของเงิน: เสาหลักที่ทำให้เงินเป็นเงิน

เงินจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในระบบเศรษฐกิจ เมื่อมันมีคุณสมบัติที่ทุกคนยอมรับและหน้าที่หลักที่ชัดเจน คุณสมบัติเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เงินแตกต่างจากสินค้าทั่วไป และเป็นฐานรากของเศรษฐกิจที่เราพึ่งพาอยู่ทุกวัน โดยหน้าที่หลักของเงินมีสี่อย่างสำคัญ

ภาพประกอบเสาหลักสี่ต้นที่แสดงหน้าที่ของเงิน เช่น สื่อกลางการแลกเปลี่ยน หน่วยวัดมูลค่า การชำระหนี้ในอนาคต และการเก็บรักษามูลค่า
  • สื่อกลางการแลกเปลี่ยน: นี่คือบทบาทที่ขาดไม่ได้ของเงิน เพราะช่วยแก้ปัญหาการแลกเปลี่ยนแบบตรงไปตรงมา ซึ่งยุ่งยากเพราะต้องหาคนที่ต้องการสิ่งของตรงกันพอดี เงินทำให้เราขายสินค้าหรือบริการของตัวเองได้เป็นเงิน แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อสิ่งที่อยากได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่น ได้รับเงินเดือนจากการทำงาน แล้วเอาไปจ่ายค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าเช่าที่อยู่อาศัย
  • หน่วยวัดมูลค่า: เงินช่วยกำหนดราคาของสินค้าและบริการให้อยู่ในหน่วยเดียวกัน ทำให้เปรียบเทียบมูลค่าต่าง ๆ ได้สะดวก ถ้าไม่มีเงิน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าวจานหนึ่งมีค่าเท่าเสื้อตัวไหน หรือเท่ากับการตัดผมกี่ครั้ง การมีราคาในรูปแบบเงินช่วยให้การคำนวณและตัดสินใจเรื่องเศรษฐกิจง่ายขึ้นมาก
  • มาตรฐานการชำระหนี้ในอนาคต: เงินถูกใช้เป็นเกณฑ์สำหรับการผ่อนชำระหรือสัญญาในเวลาข้างหน้า ทำให้การกู้ยืมหรือผ่อนของต่าง ๆ เป็นไปอย่างน่าเชื่อถือ เช่น เวลากู้เงินซื้อบ้านจากธนาคาร คุณจะคืนเงินตามจำนวนที่ตกลงในแต่ละงวด ซึ่งสร้างความมั่นใจให้ทั้งสองฝ่าย
  • การเก็บรักษามูลค่า: เงินช่วยให้เราสะสมมูลค่าไว้ใช้ในอนาคต แม้ว่าค่าของเงินอาจผันผวนจากเงินเฟ้อหรือภาวะเงินฝืด แต่โดยรวมแล้ว มันยังเป็นวิธีออมที่ยอมรับกันทั่วไป ช่วยให้เรามีเงินสำรองสำหรับยามฉุกเฉินหรือลงทุนต่อไป ถึงอย่างนั้น ในช่วงเงินเฟ้อสูง เงินอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับทรัพย์สินอย่างบ้านหรือทองคำ แต่ก็ยังเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ขาดไม่ได้

หน้าที่เหล่านี้ไม่เพียงทำให้ระบบเศรษฐกิจเคลื่อนไหว แต่ยังเชื่อมโยงกับการดำเนินชีวิตของเราอย่างใกล้ชิด

การจำแนกประเภทของเงินตามลักษณะและรูปแบบ

เมื่อเอ่ยถึงเงินที่เราสัมผัสได้ เรามักนึกถึงเหรียญกับธนบัตรก่อน แต่จริง ๆ แล้ว เงินมีรูปแบบอื่นที่สำคัญไม่แพ้กัน การแบ่งประเภทเงินตามลักษณะและรูปลักษณ์ที่คนทั่วไปคุ้นเคย สามารถแบ่งหลัก ๆ เป็นสองกลุ่ม คือ เงินตราและเงินฝาก ซึ่งทั้งคู่ล้วนมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ

ภาพประกอบเงินรูปแบบกายภาพ เช่น เหรียญและธนบัตร ข้าง ๆ กับเงินดิจิทัลจากบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต

เงินตรา: ที่จับต้องได้และคุ้นเคย

เงินตรา คือรูปแบบเงินที่เราถือได้จริงและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยได้รับการรับรองจากกฎหมายให้เป็นเครื่องมือชำระหนี้ สามารถแบ่งย่อยได้เป็น

  • เหรียญกษาปณ์: ผลิตจากโลหะ มีมูลค่าต่ำ ใช้สำหรับหน่วยบาทและสตางค์ ตั้งแต่ 25 สตางค์ 50 สตางค์ 1 บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท โดย กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ดูแลการผลิตและกระจาย
  • ธนบัตร: ทำจากกระดาษพิเศษ มีมูลค่าสูงกว่าเหรียญ ใช้หน่วยบาท ตั้งแต่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกและจัดการการหมุนเวียนในระบบ

เงินฝาก: อำนาจการซื้อในบัญชี

เงินฝาก คือเงินที่บุคคลหรือบริษัทนำไปฝากธนาคารพาณิชย์ และสามารถถอนมาใช้ได้หลากหลายรูปแบบ มันเป็นส่วนใหญ่ของปริมาณเงินในระบบ เพราะให้อำนาจซื้อที่มากกว่าเงินตราที่หมุนเวียนจริง เงินฝากแบ่งได้เป็น

  • เงินฝากกระแสรายวัน: ถอนได้ทันทีผ่านเช็คหรือบัตรเดบิต ไม่มีดอกเบี้ย แต่คล่องตัวสูง เหมาะกับธุรกิจหรือคนที่ต้องการใช้เงินบ่อย
  • เงินฝากออมทรัพย์: ถอนได้ตามต้องการ แต่มีข้อจำกัดบ้าง ได้รับดอกเบี้ยต่ำ เหมาะสำหรับการออมทั่วไปที่ยังต้องการความยืดหยุ่น
  • เงินฝากประจำ: ต้องฝากครบกำหนด เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ถอนก่อนอาจเสียดอกเบี้ยหรือโดนปรับ ได้ดอกเบี้ยสูงกว่า เหมาะกับแผนออมระยะยาวที่ไม่ใช้เงินเร็ว

ธนาคารพาณิชย์ช่วยสร้างเงินฝากผ่านการปล่อยกู้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจให้ขยายตัว

การจำแนกประเภทของเงินตามปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ (M1, M2, M3)

นอกเหนือจากการแบ่งตามรูปลักษณ์แล้ว นักเศรษฐศาสตร์และธนาคารกลางยังจัดประเภท “ปริมาณเงิน” ในระบบเพื่อวิเคราะห์และวางนโยบายการเงิน ช่วยรักษาเสถียรภาพและควบคุมเงินเฟ้อ การแบ่งที่นิยมคือ M1, M2 และ M3

ปริมาณเงิน คือ总量เงินที่หมุนเวียนในเศรษฐกิจ ณ เวลานั้น ๆ ช่วยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจได้แม่นยำ

  • M1 (เงินแคบ): วัดเงินที่มีสภาพคล่องสูงสุด รวม

    • เงินสดที่ประชาชนถือ (เหรียญและธนบัตร)
    • เงินฝากกระแสรายวันของเอกชนในธนาคารพาณิชย์

    M1 แสดงถึงเงินที่พร้อมใช้จ่ายทันทีสำหรับธุรกรรม

  • M2 (เงินกว้าง): รวม M1 บวกเงินฝากคล่องตัวรองลงมา เช่น

    • M1
    • เงินฝากออมทรัพย์ของเอกชน
    • เงินฝากประจำของเอกชน

    M2 ครอบคลุมเงินออมที่แปลงเป็นเงินสดได้ไม่ยาก

  • M3 (เงินกว้างมาก): รวม M2 บวกเงินฝากหรือสินทรัพย์คล่องน้อยกว่า เช่น

    • M2
    • เงินฝากของสถาบันการเงินอื่น ๆ
    • บางพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (ตามนิยามแต่ละประเทศ)

    M3 ให้ภาพรวมทั้งหมดของอำนาจซื้อในระบบ

ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้ข้อมูลเหล่านี้กำหนด นโยบายการเงิน เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ รักษาเสถียรภาพ และส่งเสริมการเติบโต

ประเภทของเงินในบริบทที่แตกต่าง: เงินเฟียตสู่เงินดิจิทัล

การเงินโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากเงินที่ผูกกับสินค้าในอดีต สู่เงินที่รัฐบาลรับรองในปัจจุบัน และกำลังมุ่งสู่เงินดิจิทัล ซึ่งแต่ละบริบทมีเอกลักษณ์เฉพาะ

เงินสินค้า และเงินเฟียต

  • เงินสินค้า: มีมูลค่าในตัวเอง สามารถใช้ประโยชน์อื่นได้ เช่น เกลือ ข้าว โลหะมีค่า หรือเปลือกหอยในสมัยโบราณ แต่มีข้อเสียเรื่องพกพา การแบ่ง และความคงทน
  • เงินเฟียต: ไม่มีมูลค่าเอง แต่ยอมรับเพราะกฎหมายและรัฐบาล เงินบาทของเราคือตัวอย่าง เพราะอาศัยความเชื่อมั่นและอำนาจของรัฐกับธนาคารกลาง ไม่ผูกกับทองคำโดยตรง ทำให้ควบคุมปริมาณและนโยบายได้ยืดหยุ่น

เงินดิจิทัล และสกุลเงินคริปโต: อนาคตของการเงิน?

เทคโนโลยีใหม่ทำให้รูปแบบเงินปรับตัวเพื่อความรวดเร็วและสะดวก

  • เงินดิจิทัลโดยธนาคารกลาง (CBDC): เงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางออก เช่น เงินบาทดิจิทัลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังพัฒนา คล้ายธนบัตรดิจิทัล มีมูลค่าเท่าเงินปกติ และชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และขยายการเข้าถึงการเงิน ภายใต้การกำกับของธนาคารกลาง
  • สกุลเงินคริปโต: อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ใช้บล็อกเชน ไม่มีรัฐหรือธนาคารกลางควบคุม เป็นแบบกระจายอำนาจ ราคาผันผวนสูง ในไทยยังไม่ใช่เงินชำระหนี้ แต่ถูกกำกับโดย ก.ล.ต. ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้สนใจควรศึกษาความเสี่ยงดี ๆ

ความแตกต่างระหว่าง “เงิน” และ “เงินตรา” สำหรับคนไทย

คนไทยหลายคนอาจใช้คำว่าเงินและเงินตราสลับกัน แต่ในเศรษฐศาสตร์ มันมีความหมายต่างกันนิดหน่อย การรู้ความต่างนี้ช่วยให้เห็นระบบการเงินชัดเจนขึ้น

  • เงิน: แนวคิดกว้าง หมายถึงสิ่งที่ยอมรับเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน หน่วยวัดมูลค่า และเก็บมูลค่า รวมเงินตราและเงินฝากต่าง ๆ ที่ประชาชนและธุรกิจถือ เน้นอำนาจซื้อและหน้าที่ในเศรษฐกิจ
  • เงินตรา: เฉพาะรูปแบบจับต้องได้ เช่น เหรียญและธนบัตรที่หมุนเวียน เป็นตัวแทนกายภาพของเงินสำหรับธุรกรรมจริง จึงเป็นส่วนย่อยของเงิน

พูดง่าย ๆ เงินตราเป็นวัตถุที่ใช้ชำระหนี้ตามกฎหมาย ส่วนเงินครอบคลุมอำนาจซื้อทุกแบบ ไม่ว่าจะจับต้องได้หรือไม่

สรุป: ทำไมการรู้จักประเภทของเงินจึงสำคัญต่อคุณ?

การสำรวจประเภทเงินตั้งแต่พื้นฐานเศรษฐศาสตร์จนถึงนวัตกรรมดิจิทัล แสดงให้เห็นว่ามันซับซ้อนและมีบทบาทหลากหลาย การรู้จักจึงไม่ใช่แค่เพิ่มความรู้ แต่เป็นทักษะที่ช่วยชีวิตและการตัดสินใจในหลายด้าน

เมื่อเข้าใจว่ามีประเภทไหนบ้าง หน้าที่อะไร และใครควบคุม คุณจะ

  • จัดการการเงินส่วนตัวดีขึ้น: รู้ต่างระหว่างเงินสด เงินฝาก และดิจิทัล ช่วยเลือกออม ลงทุน หรือใช้จ่ายที่เหมาะกับตัวเองและรับความเสี่ยงได้
  • เข้าใจนโยบายเศรษฐกิจ: การแบ่ง M1 M2 M3 ช่วยเห็นว่าธนาคารกลางใช้อะไรควบคุมเงินเฟ้อหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกระทบดอกเบี้ย ราคา และภาพรวม
  • เตรียมพร้อมอนาคตการเงิน: โลกกำลังเข้าสู่ดิจิทัล ความรู้เรื่อง CBDC และคริปโตช่วยปรับตัวและตัดสินใจฉลาดในโลกที่เปลี่ยนเร็ว

เงินคือหัวใจเศรษฐกิจ การเข้าใจมันลึกซึ้งช่วยให้คุณนำทางโลกการเงินได้มั่นใจและมีประสิทธิภาพ

เงินมีกี่ประเภทหลักๆ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้จำแนก?

ธนาคารแห่งประเทศไทยจำแนกปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเป็น M1 (เงินแคบ) M2 (เงินกว้าง) และ M3 (เงินกว้างมาก) เพื่อวิเคราะห์และวางนโยบายการเงิน

หน้าที่ของเงินมี 4 ประเภทอะไรบ้าง และสำคัญอย่างไรในชีวิตประจำวัน?

หน้าที่หลักของเงินมีสี่ประการ คือ

  • สื่อกลางการแลกเปลี่ยน: ช่วยซื้อขายสินค้าและบริการได้ง่าย
  • หน่วยวัดมูลค่า: กำหนดและเปรียบเทียบราคาสิ่งของ
  • มาตรฐานการชำระหนี้ในอนาคต: ทำให้กู้ยืมและผ่อนชำระน่าเชื่อถือ
  • การเก็บรักษามูลค่า: ออมเงินไว้ใช้ต่อไป

หน้าที่เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจไหลลื่นและชีวิตเราดำเนินสะดวก

Money (เงิน) กับ Currency (เงินตรา) ต่างกันอย่างไร และทำไมเราถึงควรเข้าใจความแตกต่างนี้?

เงิน คือแนวคิดกว้างที่รวมสิ่งยอมรับเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน หน่วยวัดมูลค่า และเก็บมูลค่า เช่น เงินสดและเงินฝาก

เงินตรา คือรูปแบบจับต้องได้ เช่น เหรียญและธนบัตร

การรู้ต่างนี้ช่วยให้เห็นระบบการเงินชัดเจน ว่าอำนาจซื้อไม่ได้อยู่แค่เงินสด

เงินเฟียต (Fiat Money) คืออะไร และเงินบาทของเราจัดเป็นเงินประเภทนี้หรือไม่?

เงินเฟียตคือเงินที่ไม่มีมูลค่าเอง แต่ยอมรับเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนเพราะกฎหมายและรัฐบาล เงินบาทคือเงินเฟียต เพราะอาศัยความเชื่อมั่นและการรับรองจากรัฐกับธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ผูกกับทองคำโดยตรง

เงินดิจิทัล (Digital Money) ที่ ธปท. กำลังศึกษา มีความแตกต่างจากสกุลเงินคริปโต (Cryptocurrency) อย่างไร?

CBDC ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยศึกษา คือเงินบาทดิจิทัลที่ธนาคารกลางออกโดยตรง ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย มูลค่าเท่าเงินปกติ

สกุลเงินคริปโต อย่าง Bitcoin ไม่ใช่ของธนาคารกลาง กระจายอำนาจ ราคาผันผวนสูง และไม่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในไทย

การจำแนกปริมาณเงินเป็น M1, M2, M3 ช่วยบอกอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยได้บ้าง?

การแบ่ง M1 M2 M3 ช่วยวิเคราะห์สภาพคล่องและการใช้จ่าย:

  • M1 แสดงเงินพร้อมใช้ทันที
  • M2 รวมเงินออมแปลงง่าย
  • M3 ภาพรวมเงินทั้งระบบ

ข้อมูลนี้สำคัญสำหรับนโยบายควบคุมเงินเฟ้อและเสถียรภาพ

เงินฝากประเภทต่างๆ เช่น เงินฝากกระแสรายวัน ออมทรัพย์ และประจำ ถือเป็น “เงิน” หรือไม่?

ใช่ เงินฝากเหล่านี้คือ “เงิน” ในความหมายกว้าง เพราะเป็นอำนาจซื้อที่ใช้ธุรกรรมหรือแปลงเงินสดได้ง่าย แม้ไม่จับต้องได้

อะไรคือลักษณะสำคัญของเงินที่ดีที่ทำให้คนยอมรับในการแลกเปลี่ยน?

ลักษณะเงินที่ดี ได้แก่

  • ยอมรับทั่วไป
  • มูลค่าคงที่
  • หายากและควบคุมได้
  • แบ่งแยกง่าย
  • พกพาสะดวก
  • ทนทาน

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เงินทำงานเป็นสื่อกลางได้ดี

ในอนาคต เงินจะมีรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกหรือไม่ และจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างไร?

มีโอกาสสูงที่จะมีรูปแบบใหม่ เช่น CBDC ที่ทำให้ชำระเงินเร็ว ปลอดภัย ลดใช้เงินสด และช่วยเข้าถึงการเงินง่ายขึ้นสำหรับคนไทย

ถ้าประเทศไม่มี “เงิน” จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบเศรษฐกิจและสังคม?

ไม่มีเงิน เศรษฐกิจจะถอยไปสู่การแลกเปลี่ยนตรง ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพ:

  • ค้าขายยุ่งยาก นาน
  • กำหนดมูลค่ายาก
  • ออมและลงทุนลำบาก
  • พัฒนาเศรษฐกิจชะงัก

เงินจึงจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสมัยใหม่

發佈留言