ราคาทองคําวันนี้ 22 ธันวาคม 2566 (อัปเดตล่าสุดจากสมาคมค้าทองคํา)
ผู้ที่สนใจติดตามสถานการณ์ราคาทองคําในไทย วันนี้คือ 22 ธันวาคม 2566 ซึ่งสมาคมค้าทองคําได้ออกประกาศราคาประจำวันครั้งแรกเมื่อเวลา 09:00 น. การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนไหวของตลาดทองในช่วงใกล้ปีใหม่ ที่มักมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

โดยรวมแล้ว ราคาทองคําวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า สถานการณ์นี้บ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนในตลาดที่ยังคงมีแนวโน้มคงที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลยาวปลายปี ซึ่งส่งผลให้ผู้คนหันมาซื้อทองทั้งเพื่อเก็งกำไรและมอบเป็นของขวัญ
นี่คือสรุปราคาทองคําสำหรับวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ตามประกาศครั้งแรกของสมาคมค้าทองคํา เวลา 09:00 น.
ประเภททองคํา | รับซื้อ (บาท) | ขายออก (บาท) |
---|---|---|
ทองแท่ง | 33,650 | 33,750 |
ทองรูปพรรณ | 33,044.20 | 34,250 |
ราคาอาจมีการปรับตัวตลอดทั้งวัน แนะนำให้ตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสมอ
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคําในวันที่ 22 ธันวาคม 2566
สำหรับราคาทองคําในวันนี้ 22 ธันวาคม 2566 มีปัจจัยหลากหลายทั้งจากระดับสากลและภายในประเทศที่เข้ามากระทบ แม้จะใกล้ช่วงสิ้นปี แต่เรื่องเศรษฐกิจยังคงเป็นตัวกำหนดหลักที่ไม่ควรมองข้าม

- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ย: การเปลี่ยนแปลงของดอลลาร์ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ ถ้าดอลลาร์แข็งตัว ทองคํามักราคาตก เพราะทองค้าขายด้วยสกุลดอลลาร์ นอกจากนี้ การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ก็มีน้ำหนักมาก ถ้า Fed ชะลอขึ้นดอกเบี้ยหรือลดลง ราคาทองอาจดีดตัวขึ้น
- ภาวะเศรษฐกิจโลก: ถ้ามีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หรือการฟื้นตัวที่ล่าช้า ทองคําจะกลายเป็นที่พึ่งของนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัย ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มและราคาขึ้นตาม
- ราคาน้ำมันและตลาดหุ้น: ถ้าราคาน้ำมันพุ่งสูง อาจบ่งบอกถึงเงินเฟ้อที่กำลังมา ทองคําจึงถูกมองเป็นเครื่องมือป้องกัน ในทางเดียวกัน ถ้าตลาดหุ้นโลกสั่นคลอนหรือร่วง นักลงทุนหลายคนจะหันไปหาทองมากขึ้น
- ค่าเงินบาท: ภายในประเทศ ค่าเงินบาทมีบทบาทตรงๆ ถ้าเงินบาทแข็ง ราคาทองในไทยที่อิงจากตลาดโลกจะถูกลง แต่ถ้าเงินบาทอ่อน ราคาก็แพงขึ้นตาม
- เทศกาลวันหยุด: ช่วงปลายปีอย่างคริสต์มาสและปีใหม่ ตลาดทองโลกอาจชะลอตัวเพราะนักลงทุนหยุดพัก แต่ในไทย ความต้องการซื้อทองเป็นของขวัญหรือสะสมอาจช่วยดันราคาให้สูงขึ้นได้
ราคาทองคําย้อนหลังเดือนธันวาคม 2566 และแนวโน้มระยะสั้น
ในเดือนธันวาคม 2566 ราคาทองคําเผชิญกับความผันผวนไม่น้อย มีทั้งช่วงขึ้นและลงตามข่าวเศรษฐกิจโลกและการตัดสินใจของธนาคารกลางต่างๆ ซึ่งทำให้ตลาดน่าติดตาม

ตอนต้นเดือน ราคาทองโลกได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่า Fed อาจชะลอขึ้นดอกเบี้ย แต่กลางเดือนราคากลับปรับฐานลงบ้าง เนื่องจากดอลลาร์แข็งและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ตารางสรุปราคาทองคําย้อนหลังบางส่วนในเดือนธันวาคม 2566 (ทองแท่งขายออก)
วันที่ | ราคาทองแท่งขายออก (บาท) |
---|---|
1 ธันวาคม 2566 | 34,100 |
10 ธันวาคม 2566 | 33,900 |
15 ธันวาคม 2566 | 33,550 |
20 ธันวาคม 2566 | 33,700 |
22 ธันวาคม 2566 | 33,750 |
แนวโน้มระยะสั้น: ช่วงท้ายเดือนธันวาคมและต้นปี 2567 ตลาดทองอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพราะวันหยุดยาวที่ทำให้ปริมาณซื้อขายลดลง แต่ถ้ามีข่าวใหญ่ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อหรือนโยบายธนาคารกลาง ราคาอาจแกว่งตัวแรง นักลงทุนควรเฝ้าดูสถานการณ์ให้ดี
วิธีเช็คราคาทองคําวันนี้และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย
การตรวจสอบราคาทองคําเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่อยากซื้อหรือขาย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยที่สุดในไทย มีหลายช่องทางที่น่าเชื่อถือที่ช่วยให้คุณติดตามได้สะดวก
- สมาคมค้าทองคํา (Gold Traders Association): ถือเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่เชื่อถือได้ที่สุด สมาคมจะอัปเดตราคาหลายรอบต่อวันตามตลาด คุณสามารถดูได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ สมาคมค้าทองคํา
- เว็บไซต์ร้านทองชั้นนำ: ร้านใหญ่ๆ ในไทย เช่น Aurora (ออโรร่า), ห้างทองเยาวราช (Yaowarat Gold), หรือ แม่ทองสุก (MTS Gold) มักแสดงราคาล่าสุดบนเว็บของตัวเอง ซึ่งยึดตามประกาศสมาคม
- เว็บไซต์ข่าวสารทองคํา: เว็บเฉพาะทางอย่าง Thaigold.info จะรวบรวมราคาจากหลายที่ นำเสนอแบบเข้าใจง่าย และมีวิเคราะห์เพิ่มเติมให้
- แอปพลิเคชันมือถือ: มีแอปหลายตัวที่ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาทองโดยตรง เชื่อมต่อกับข้อมูลสมาคม ทำให้เช็คได้ทุกที่ทุกเวลา
วิธีอ่านตารางราคาทองคําเบื้องต้น:
- รับซื้อ: หมายถึงราคาที่ร้านจะซื้อทองจากคุณ (ตอนคุณขาย)
- ขายออก: หมายถึงราคาที่ร้านขายทองให้คุณ (ตอนคุณซื้อ)
- ทองแท่ง: ราคามักไม่มีหรือมีค่ากำเหน็จน้อย
- ทองรูปพรรณ: ราคาสูงกว่าทองแท่งเพราะมีค่ากำเหน็จหรือค่าแรงผลิต
ข้อควรรู้ก่อนซื้อ-ขายทองคําในประเทศไทย: เคล็ดลับสําหรับคนไทย
การทำธุรกรรมทองคําในไทยมีรายละเอียดเฉพาะที่ผู้ซื้อควรรู้ เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นและได้ประโยชน์เต็มที่
- มาตรฐานความบริสุทธิ์ทองคําไทย (96.5%): ทองที่ค้าขายในไทยส่วนใหญ่บริสุทธิ์ 96.5% ซึ่งต่างจากมาตรฐานโลกที่ 99.99% (24K) การผสมโลหะอื่น 3.5% ช่วยให้ทองแข็งแรง เหมาะทำเครื่องประดับ ถ้าต้องการขายต่างประเทศ อาจต้องหลอมใหม่และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
- หน่วยน้ำหนัก “บาท”: ในไทยใช้วัดทองด้วย “บาท” โดย 1 บาททองแท่งหนัก 15.244 กรัม และทองรูปพรรณ 15.16 กรัม ซึ่งต่างจากออนซ์สากลที่ 31.103 กรัม
- ค่ากําเหน็จ (ค่าแรง): ซื้อทองรูปพรรณต้องจ่ายค่ากำเหน็จเพิ่ม ซึ่งเป็นค่าแรงออกแบบและผลิต ค่าแตกต่างตามลายและร้าน ทองแท่งมักไม่มีหรือน้อย
- ใบรับประกัน: ซื้อทองทุกครั้งควรถามใบรับรอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และน้ำหนัก สำหรับขายคืนหรือแลก
- การเลือกซื้อทอง: ถ้าลงทุน แนะนำทองแท่งเพราะไม่มีค่ากำเหน็จ ราคาใกล้เคียงตลาดโลก แต่ถ้าจะสวมหรือให้ของขวัญ ทองรูปพรรณเหมาะกว่า
- ช่วงเวลาซื้อขาย: คนไทยชอบซื้อทองช่วงเทศกาลใหญ่ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ หรืองานแต่ง ซึ่งทำให้ตลาดคึกคัก ควรเลือกจังหวะดีๆ
- การดูแลรักษา: ทองรูปพรรณต้องดูแลเพื่อความเงางาม หลีกเลี่ยงสารเคมีและทำความสะอาดบ่อยๆ
สรุปและแนวโน้มราคาทองคําในระยะสั้น
ราคาทองคําวันที่ 22 ธันวาคม 2566 แสดงถึงความสมดุลพร้อมการเพิ่มขึ้นเบาๆ ซึ่งมาจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ เช่น การแกว่งของดอลลาร์ นโยบายดอกเบี้ยธนาคารกลาง และภาพรวมเศรษฐกิจโลก
ช่วงที่เหลือของปี 2566 และต้นปี 2567 ตลาดทองอาจยังไม่แน่นอนจากเรื่องเศรษฐกิจใหญ่ ผู้สนใจควรติดตามข่าว โดยเฉพาะจาก Fed และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
ทองคํายังคงน่าลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและป้องกันเงินเฟ้อ แต่การตัดสินใจควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและคำนึงถึงความเสี่ยงส่วนตัว
Q1: ราคาทองคําวันนี้ 22 ธันวาคม 2566 ซื้อ-ขายเท่าไหร่?
สำหรับวันที่ 22 ธันวาคม 2566 (อัปเดตครั้งแรก):
- ทองแท่ง: รับซื้อ 33,650 บาท, ขายออก 33,750 บาท
- ทองรูปพรรณ: รับซื้อ 33,044.20 บาท, ขายออก 34,250 บาท
ราคานี้อ้างอิงจากประกาศของสมาคมค้าทองคํา ณ เวลา 09:00 น. และอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน
Q2: ราคาทองคํา 1 บาท มีน้ำหนักกี่กรัม และแตกต่างจากน้ำหนักทองสากลอย่างไร?
ในประเทศไทย:
- ทองคําแท่ง 1 บาท มีน้ำหนักประมาณ 15.244 กรัม
- ทองรูปพรรณ 1 บาท มีน้ำหนักประมาณ 15.16 กรัม
แตกต่างจากหน่วยสากล ซึ่ง 1 ออนซ์ทองคําเท่ากับ 31.103 กรัม ดังนั้น ทองคําไทย 1 บาทจึงมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 ออนซ์
Q3: ทองแท่งกับทองรูปพรรณ ราคาแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกซื้อแบบไหนดีกว่ากัน?
ราคาทองแท่งและทองรูปพรรณจะแตกต่างกันที่ “ค่ากำเหน็จ” หรือค่าแรงในการผลิตและขึ้นรูป
- ทองแท่ง: มักจะไม่มีค่ากำเหน็จหรือมีน้อยมาก ราคาจึงใกล้เคียงกับราคาทองคําตลาดโลกมากกว่า เหมาะสำหรับการลงทุนหรือเก็บออม
- ทองรูปพรรณ: จะมีค่ากำเหน็จเพิ่มเข้ามา ทำให้ราคาขายออกสูงกว่าทองแท่ง เหมาะสำหรับการสวมใส่หรือเป็นของขวัญ
การเลือกซื้อขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หากเน้นลงทุนแนะนำทองแท่ง หากเน้นสวมใส่แนะนำทองรูปพรรณ
Q4: ปัจจัยหลักอะไรบ้างที่ส่งผลให้ราคาทองคําในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงขึ้นลง?
ปัจจัยหลักได้แก่:
- ราคาทองคําตลาดโลก: ซึ่งได้รับอิทธิพลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ, นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ, ภาวะเศรษฐกิจโลก, และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท: หากเงินบาทอ่อนค่า ราคาทองคําในประเทศจะสูงขึ้น หากเงินบาทแข็งค่า ราคาทองคําในประเทศจะต่ำลง
- อุปสงค์และอุปทานในประเทศ: เช่น ช่วงเทศกาลสำคัญที่ความต้องการซื้อทองคําสูงขึ้น
Q5: จะเช็คราคาทองคําล่าสุดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทยได้อย่างไร?
คุณสามารถเช็คราคาทองคําล่าสุดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ที่:
- เว็บไซต์ทางการของ สมาคมค้าทองคํา
- เว็บไซต์ของร้านทองชั้นนำ เช่น Aurora (ออโรร่า) หรือ MTS Gold
- เว็บไซต์ข่าวสารทองคําที่มีชื่อเสียง เช่น Thaigold.info
- แอปพลิเคชันมือถือสำหรับเช็คราคาทองคํา
Q6: การซื้อขายทองคําในช่วงเทศกาลสำคัญของไทย เช่น ปีใหม่ หรือตรุษจีน มีข้อควรพิจารณาอะไรบ้าง?
ในช่วงเทศกาลเหล่านี้ ความต้องการทองคําเพื่อเป็นของขวัญหรือสิริมงคลมักจะสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคํามีความคึกคักเป็นพิเศษ และร้านค้าอาจมีโปรโมชั่นหรือเงื่อนไขพิเศษ ควรตรวจสอบราคาและเปรียบเทียบจากหลายร้านค้า และระวังเรื่องค่ากำเหน็จที่อาจสูงขึ้นในบางช่วง
Q7: ทองคํา 96.5% และ 99.99% มีความหมายและราคาต่างกันอย่างไรในตลาดทองไทย?
ในตลาดทองไทย:
- ทองคํา 96.5%: คือทองคําที่บริสุทธิ์ 96.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปสำหรับทองรูปพรรณและทองแท่งในประเทศไทย มีส่วนผสมของโลหะอื่น 3.5% เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
- ทองคํา 99.99%: คือทองคําบริสุทธิ์ 99.99% หรือที่เรียกว่าทอง 24K ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล มักพบในทองคําแท่งที่นำเข้าหรือทองคําเพื่อการลงทุนที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง ราคาจะอิงกับราคาทองคําโลกโดยตรงและมักจะแพงกว่าทอง 96.5% เล็กน้อยต่อน้ำหนักที่เท่ากัน
Q8: หากต้องการลงทุนในทองคํา ควรเริ่มต้นอย่างไร และมีช่องทางไหนบ้างที่คนไทยนิยม?
หากต้องการลงทุนในทองคํา ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูลตลาดและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา ช่องทางที่คนไทยนิยมได้แก่:
- ซื้อทองแท่งจากร้านทอง: เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและจับต้องได้
- ลงทุนในกองทุนรวมทองคํา: สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนทางอ้อมและไม่ต้องเก็บทองคําเอง
- การลงทุนในทองคําออนไลน์: บางร้านทองมีบริการซื้อขายทองคําออนไลน์ โดยไม่ต้องรับทองคําจริง เหมาะสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น
ควรเริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากเกินไปและกระจายความเสี่ยง
Q9: ราคาทองคําที่ประกาศในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดแตกต่างกันหรือไม่ และเพราะเหตุใด?
โดยทั่วไป ราคาทองคําที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคําจะเป็นราคาอ้างอิงสำหรับทั่วประเทศ ซึ่งร้านทองในต่างจังหวัดมักจะยึดตามราคานี้ อย่างไรก็ตาม อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ค่ากำเหน็จสำหรับทองรูปพรรณ หรือส่วนต่างราคาซื้อขายที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละร้านค้าและภูมิภาค เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานหรือนโยบายของร้านนั้นๆ
Q10: มีค่าธรรมเนียมหรือค่ากําเหน็จอะไรบ้างที่ต้องรู้เมื่อซื้อ-ขายทองคําตามร้านค้าทั่วไป?
เมื่อซื้อ-ขายทองคํา สิ่งที่ต้องทราบคือ:
- ค่ากำเหน็จ: เป็นค่าแรงหรือค่าออกแบบสำหรับทองรูปพรรณเท่านั้น ทองแท่งส่วนใหญ่ไม่มีค่ากำเหน็จ
- ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย: ร้านทองจะมีราคาซื้อ (รับซื้อคืน) และราคาขาย (ขายออก) ที่แตกต่างกันเสมอ ซึ่งเป็นกำไรของร้านค้า
- ค่าบล็อก/ค่าหลอม (กรณีทองแท่ง): ในบางกรณี หากซื้อทองแท่งน้ำหนักน้อยมากๆ หรือต้องการหลอมทองเก่าเป็นทองใหม่ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย
ควรสอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายเหล่านี้จากร้านค้าให้ชัดเจนก่อนทำธุรกรรมเสมอ