การลงทุนในออฟชั่นถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนแต่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่สนใจสำรวจทางเลือกใหม่ในตลาดทุน อย่างไรก็ตาม มันมาพร้อมความเสี่ยงที่ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้น การศึกษาความรู้พื้นฐานให้เข้าใจลึกซึ้งจึงเป็นก้าวแรกที่จำเป็น คู่มือนี้จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของออฟชั่น ตั้งแต่หลักการเบื้องต้นไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง รวมทั้งเคล็ดลับเฉพาะสำหรับตลาดในประเทศไทย

ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดลงทุน หรือนักลงทุนเก่าที่อยากเสริมทักษะ บทความนี้จะมอบข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในการเทรดออฟชั่นบนตลาดไทย

1. เทรดออฟชั่น คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจ?
ออฟชั่นคือสัญญาที่มอบสิทธิ์ให้ผู้ถือในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงที่ราคาแน่นอนล่วงหน้า ภายในเวลาที่กำหนด โดยไม่บังคับให้ต้องทำตาม ผู้ซื้อต้องชำระค่าธรรมเนียมที่เรียกว่าพรีเมียมให้ผู้ขายเพื่อแลกสิทธิ์นี้

สิ่งที่ทำให้การเทรดออฟชั่นน่าดึงดูดคือความยืดหยุ่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เก็งกำไร สร้างรายได้จากพรีเมียม ป้องกันพอร์ตลงทุน หรือรวมในแผนการลงทุนที่ซ่อนเร้น ออฟชั่นช่วยให้ทำกำไรได้แม้ตลาดขึ้น ลง หรือเคลื่อนไหวแบบไม่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจเพื่อควบคุมสินทรัพย์มูลค่าสูงด้วยทุนน้อย แต่ต้องระวังเพราะเลเวอเรจนี้เพิ่มโอกาสขาดทุนเช่นกัน ดังนั้น การเทรดออฟชั่นจึงต้องการความรู้ลึกและการควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัย
2. ประเภทของออฟชั่น: Call Option และ Put Option
ออฟชั่นหลักๆ แบ่งเป็นสองประเภท ซึ่งเป็นรากฐานของการเทรดทั้งหมด
Call Option (ออฟชั่นในการซื้อ หรือ สิทธิในการซื้อ)
- **ผู้ซื้อ Call Option:** ได้สิทธิ์ซื้อสินทรัพย์อ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิ ภายในหรือก่อนวันหมดอายุ
- **ผู้ขาย Call Option:** ต้องขายสินทรัพย์ให้ผู้ซื้อ หากผู้ซื้อตัดสินใจใช้สิทธิ์
**การใช้งาน:** นักลงทุนเลือกซื้อ Call เมื่อเชื่อว่าราคาสินทรัพย์จะพุ่งขึ้น กำไรเกิดเมื่อราคาตลาดสูงกว่าราคาใช้สิทธิ หักพรีเมียมที่จ่ายไปแล้ว
Put Option (ออฟชั่นในการขาย หรือ สิทธิในการขาย)
- **ผู้ซื้อ Put Option:** ได้สิทธิ์ขายสินทรัพย์อ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิ ภายในหรือก่อนวันหมดอายุ
- **ผู้ขาย Put Option:** ต้องซื้อสินทรัพย์จากผู้ซื้อ หากผู้ซื้อใช้สิทธิ์
**การใช้งาน:** ซื้อ Put เมื่อคาดว่าราคาจะร่วงลง กำไรเกิดเมื่อราคาตลาดต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ หักพรีเมียม นอกจากเก็งกำไรแล้ว Put ยังใช้ปกป้องพอร์ตหุ้นจากความผันผวน
การแยกแยะระหว่าง Call กับ Put และรู้ว่าตอนไหนใช้ตัวไหน จะช่วยให้คุณวางแผนเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ส่วนประกอบสำคัญของสัญญาออฟชั่นที่คุณต้องรู้
ก่อนลงสนามจริง คุณควรคุ้นเคยกับองค์ประกอบหลักของสัญญาออฟชั่นแต่ละฉบับ
- หลักทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset): สินทรัพย์ที่สัญญาอ้างถึง เช่น หุ้นตัวเดียว ดัชนีหุ้นอย่าง SET50 Index Options สกุลเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์
- ราคาใช้สิทธิ (Strike Price): ราคาที่กำหนดสำหรับการซื้อ (Call) หรือขาย (Put) สินทรัพย์อ้างอิง
- วันหมดอายุ (Expiration Date): วันสิ้นสุดสัญญา หลังจากนี้สิทธิ์จะหมดอายุและไร้ค่า
- ค่าพรีเมียม (Premium): ค่าธรรมเนียมที่ผู้ซื้อจ่ายให้ผู้ขาย ซึ่งเป็นราคาที่ซื้อขายในตลาด
- ขนาดสัญญา (Contract Size): ปริมาณสินทรัพย์ที่สัญญาควบคุม เช่น SET50 Index Options หนึ่งสัญญาครอบคลุมดัชนี SET50 คูณ 200 บาท (ตาม TFEX)
องค์ประกอบเหล่านี้กำหนดมูลค่าของออฟชั่นและผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ การวิเคราะห์แต่ละส่วนจะช่วยให้คุณประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนอย่างไทย
4. เทรดออฟชั่นในตลาดไทย: SET50 Index Options คืออะไร?
ในไทย ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) จัดการการซื้อขายออฟชั่น โดยสินค้าดาวเด่นคือ SET50 Index Options ที่อ้างอิงดัชนี SET50 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
SET50 Index Options เป็นแบบยุโรป ซึ่งใช้สิทธิ์ได้เฉพาะวันหมดอายุ ไม่เหมือนแบบอเมริกันที่ยืดหยุ่นกว่า
**ลักษณะสำคัญของ SET50 Index Options:**
- **หลักทรัพย์อ้างอิง:** ดัชนี SET50 ที่รวมหุ้น 50 ตัวชั้นนำที่มีสภาพคล่องสูงในตลาดไทย
- **การชำระราคา:** ชำระด้วยเงินสด ไม่มีการส่งมอบหุ้นจริง แต่คำนวณส่วนต่างเป็นเงิน
- **วันหมดอายุ:** เลือกได้หลายเดือน โดยหลักๆ คือมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม
- **เวลาทำการซื้อขาย:** ตามเวลาของ TFEX รวมช่วงพักกลางวัน
การเทรด SET50 Index Options เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทยโดยรวม โดยไม่ต้องยุ่งกับหุ้นตัวเดี่ยว ตัวอย่างเช่น ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว คุณสามารถใช้มันเพื่อจับจังหวะดัชนีโดยรวม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SET50 Index Options ได้ที่เว็บไซต์ TFEX
5. กลยุทธ์เทรดออฟชั่นสำหรับมือใหม่ (และประยุกต์ใช้ในไทย)
กลยุทธ์ออฟชั่นมีตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง สำหรับมือใหม่ เริ่มจากง่ายๆ แล้วค่อยพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นใจ
กลยุทธ์พื้นฐาน:
- การซื้อ Call Option (Long Call): เหมาะเมื่อเชื่อว่าดัชนี SET50 จะขึ้นแรง ในตลาดขาขึ้น
- การซื้อ Put Option (Long Put): สำหรับคาดการณ์ตลาดลง หรือปกป้องพอร์ตหุ้นจากความเสี่ยง
- การขาย Call Option (Short Call): ได้รับพรีเมียมทันที แต่เสี่ยงหากตลาดพุ่ง เหมาะกับตลาดนิ่งหรือลงเบาๆ (มือใหม่หลีกเลี่ยงการขายเปล่าโดยไม่มีหลักประกัน)
- การขาย Put Option (Short Put): ได้พรีเมียมเช่นกัน แต่เสี่ยงตลาดร่วง เหมาะตลาดนิ่งหรือขึ้นเบาๆ (ระวังเช่นเดียวกับ Short Call)
กลยุทธ์ขั้นต้นที่เหมาะกับการเรียนรู้:
- Covered Call: ถือหุ้นหรือพอร์ตอยู่แล้ว ขาย Call เพื่อรับพรีเมียม เพิ่มรายได้ในตลาดนิ่งหรือขึ้นช้า ลดความเสี่ยงจากการขายเปล่า
- Protective Put: ถือหุ้นแล้วซื้อ Put เพื่อคุ้มครองจากราคาตกหนัก เหมือนซื้อประกันให้พอร์ต
**ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในตลาดไทย:** สมมติเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น ดัชนี SET50 น่าจะขึ้น คุณอาจซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิเหมาะสมและวันหมดอายุใกล้เคียง หากกังวลปัจจัยลบ ซื้อ Put เพื่อเก็งกำไรหรือปกป้องพอร์ต การวิเคราะห์ตลาดและเลือกกลยุทธ์ให้ตรงจุดจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะ
6. เลือกโบรกเกอร์เทรดออฟชั่นในไทย: ข้อควรรู้และเปรียบเทียบ
การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่คือกุญแจสำคัญสำหรับเทรดออฟชั่นในไทย ต้องเลือกที่อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. หรือ SEC Thailand) และเป็นสมาชิก TFEX เพื่อความปลอดภัย
**ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์:**
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: เปรียบเทียบคอมมิชชั่นและค่าอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์
- แพลตฟอร์มการซื้อขาย: ต้องใช้งานสะดวก มีเครื่องมือวิเคราะห์ ข้อมูลเรียลไทม์ และเสถียร รองรับทั้ง PC และมือถือ
- บริการลูกค้า: ทีมสนับสนุนที่ตอบเร็วและมือโปร
- เครื่องมือและข้อมูลการวิเคราะห์: มีบทวิเคราะห์ ข่าว หรือเครื่องมือช่วยตัดสินใจ
- ความมั่นคงทางการเงิน: เลือกที่มีฐานะแข็งแกร่งเพื่อปกป้องทุน
- การศึกษาและสัมมนา: มีอบรมหรือแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับออฟชั่น
**คำแนะนำ:** ลองบัญชีเดโมของหลายๆ เจ้าก่อนเปิดจริง เพื่อทดสอบแพลตฟอร์มและบริการ สำหรับรายชื่อโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาต ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
7. ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการเทรดออฟชั่น (เน้นบริบทไทย)
ออฟชั่นมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นทั่วไป เพราะหลายปัจจัยกระทบราคา คุณต้องเรียนรู้และจัดการให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่
**ความเสี่ยงหลัก:**
- **ความเสี่ยงด้านเวลา (Time Decay):** มูลค่าออฟชั่นลดลงเมื่อใกล้หมดอายุ ผู้ซื้อต้องรับมือกับเรื่องนี้
- **ความเสี่ยงจากความผันผวน (Volatility Risk):** ราคาออฟชั่นผันตามความผันผวนของสินทรัพย์ ถ้าผันผวนน้อย มูลค่าอาจหด
- **ความเสี่ยงด้านเลเวอเรจ (Leverage Risk):** เพิ่มกำไรแต่ก็ขาดทุนหนักและเร็ว
- **ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk):** สัญญาบางตัวซื้อขายน้อย ทำให้เปิดปิดตำแหน่งยาก
- **ความเสี่ยงในการขายออฟชั่น (Selling Options Risk):** ขายเปล่าอาจขาดทุนไม่จำกัดถ้าตลาดผิดคาด
**ข้อควรระวังในบริบทไทย:**
- **การติดตามข่าวสาร:** สนใจข่าวเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยที่กระทบ SET50
- **กฎระเบียบ TFEX:** ศึกษากฎให้ละเอียดเพื่อไม่พลาด
- **การบริหารจัดการเงินทุน:** กำหนดทุนที่ยอมเสียได้ อย่าใช้เงินชีวิตประจำวัน
- **การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss):** จำกัดขาดทุนให้อยู่ในกรอบที่รับไหว
ด้วยการวางแผนเหล่านี้ คุณจะเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายในมาก
8. เทรดออฟชั่นในประเทศไทย: ภาษีและการปฏิบัติตามกฎหมาย
ภาษีคือเรื่องที่นักลงทุนออฟชั่นไทยต้องใส่ใจ เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎ
- **กำไรจากการเทรด SET50 Index Options:** โดยปกติ กำไรจาก SET50 Index Options ผ่าน TFEX ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่กฎอาจเปลี่ยน และขึ้นกับสถานะนักลงทุน
- **ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา:** สำหรับบุคคลธรรมดาในตลาดอนุพันธ์ไทย มักยกเว้นภาษี แต่ยืนยันกับผู้เชี่ยวชาญหรือกรมสรรพากร
- **การรายงาน:** แม้ยกเว้น อาจต้องรายงานข้อมูลตามกฎ
**คำแนะนำ:** ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีหรือเช็คข้อมูลล่าสุดจาก กรมสรรพากร เพื่อวางแผนการเงินให้รัดกุมและหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
ความรู้เรื่องภาษีช่วยให้คุณลงทุนอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
9. สรุป: ก้าวแรกสู่การเป็นนักเทรดออฟชั่นที่ประสบความสำเร็จ
การเทรดออฟชั่นคือการผจญภัยที่ท้าทายแต่เปิดโอกาสให้ผลตอบแทนสูงสำหรับนักลงทุนไทย การรู้จักพื้นฐาน ประเภท องค์ประกอบ และกลยุทธ์คือฐานที่มั่นคง
ความสำเร็จไม่ได้มาจากเทคนิคซับซ้อนเท่านั้น แต่ต้องเก่งเรื่องจัดการความเสี่ยง ควบคุมอารมณ์ และเรียนรู้ไม่หยุด ตลาดเปลี่ยนแปลงตลอด การปรับตัวคือกุญแจ
เริ่มด้วยการอ่านข้อมูลละเอียด ฝึกในบัญชีทดลอง เลือกโบรกเกอร์ดี และรักษาวินัยในการเทรดกับเงินทุน ด้วยความตั้งใจและความรู้ที่ถูกต้อง คุณจะก้าวสู่การเทรดออฟชั่นในไทยได้อย่างมั่นใจและประสบผล
เทรดออฟชั่นต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
ทุนเริ่มต้นสำหรับเทรดออฟชั่นในไทยต่ำกว่าการซื้อหุ้นตรงๆ มาก ด้วยเลเวอเรจ แต่จำนวนจริงขึ้นกับโบรกเกอร์และสัญญาที่เลือก
ค่าใช้จ่ายหลักคือ:
- ค่าพรีเมียม: ราคาสัญญาที่ต้องจ่าย
- ค่าคอมมิชชั่น: ค่าโบรกเกอร์จากธุรกรรม
- ค่าธรรมเนียมอื่นๆ: เช่น ค่าตลาดหรือค่าชำระ
ถามโบรกเกอร์ที่สนใจให้ชัดเจนก่อนลงทุนจริง
วิธีการเลือกโบรกเกอร์เทรดออฟชั่นที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย?
เลือกโบรกเกอร์ดีต้องดูปัจจัยสำคัญเหล่านี้:
- การกำกับดูแล: ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. (SEC Thailand)
- เป็นสมาชิก TFEX: เพื่อเทรด SET50 Index Options ได้ถูกต้อง
- ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบคอมมิชชั่นและค่าอื่น
- แพลตฟอร์ม: ใช้งานง่าย เสถียร มีเครื่องมือเต็ม
- บริการลูกค้า: สนับสนุนดีและรวดเร็ว
- ความมั่นคง: ฐานะการเงินแข็ง
ลองเดโมหลายเจ้าก่อนตัดสินใจ
กำไรจากการเทรดออฟชั่นในประเทศไทยต้องเสียภาษีอย่างไร?
กำไรจาก SET50 Index Options ผ่าน TFEX มักยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่กฎอาจปรับ และขึ้นกับสถานะนักลงทุน
เพื่อความชัวร์ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเช็คกรมสรรพากรโดยตรง
Put Option กับ Call Option คืออะไร และควรใช้เมื่อไหร่?
- Call Option: สิทธิ์ซื้อสินทรัพย์ ใช้เมื่อคาดราคาขึ้น หรือเก็งกำไรตลาดขาขึ้น
- Put Option: สิทธิ์ขายสินทรัพย์ ใช้เมื่อคาดราคาลง หรือปกป้องพอร์ตหุ้น
เลือกตามวิสัยทัศน์ตลาดและเป้าหมายลงทุน
ถ้าเทรดออฟชั่นแล้วขาดทุน ควรทำอย่างไรดี? มีวิธีป้องกันไหม?
ถ้าขาดทุน ให้ใจเย็น ประเมินตามแผนเดิม อย่าใช้อารมณ์
ป้องกันและจัดการความเสี่ยงด้วย:
- กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งราคาปิดเพื่อจำกัดขาดทุน
- บริหารเงินทุน: ลงทุนไม่เกินที่รับไหว แบ่งส่วน
- เข้าใจความเสี่ยง: รู้จักกลยุทธ์ก่อนลงเงิน
- ไม่ Overtrade: อย่าซื้อขายบ่อยหรือเลเวอเรจเกิน
- เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: พัฒนาทักษะเสมอ
เทรดออฟชั่น SET50 Index Options แตกต่างจากการเทรดหุ้นทั่วไปอย่างไร?
จุดต่างหลักๆ คือ:
- สินทรัพย์อ้างอิง: ออฟชั่น SET50 อ้างดัชนี ไม่ใช่หุ้นตัว หุ้นทั่วไปคือเจ้าของบริษัทตรง
- สิทธิและภาระผูกพัน: ผู้ซื้อออฟชั่นมีสิทธิ์แต่ไม่บังคับ หุ้นคือเป็นเจ้าของจริง
- วันหมดอายุ: ออฟชั่นมีกำหนด หุ้นไม่มี
- เลเวอเรจ: ออฟชั่นใช้ทุนน้อยควบคุมเยอะ แต่เสี่ยงสูง
- การทำกำไร: ออฟชั่นกำไรได้ทุกทิศทาง หุ้นเด่นในขาขึ้น
มีแหล่งเรียนรู้หรือคอร์สเรียนเทรดออฟชั่นฟรีในประเทศไทยแนะนำไหม?
มีแหล่งฟรีเพียบสำหรับนักลงทุนไทย:
- TFEX Academy: ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) มีบทความ วิดีโอ คอร์สออนไลน์ฟรี
- โบรกเกอร์: หลายเจ้าจัดสัมมนา บทความ หรือคอร์สเบื้องต้นฟรี
- ช่อง YouTube และเว็บไซต์การลงทุน: ช่องและเว็บของผู้เชี่ยวชาญไทยสอนออฟชั่น
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): SET มีข้อมูลลงทุนรวมอนุพันธ์
สามารถเทรดออฟชั่นผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือได้หรือไม่?
ได้แน่นอน โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในไทยมีแอปมือถือสำหรับเทรดอนุพันธ์ รวม SET50 Index Options
ดาวน์โหลดจาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android) แล้วเทรด ดูพอร์ต หรือข้อมูลเรียลไทม์ได้ทุกที่
การเทรดออฟชั่นมีความเสี่ยงสูงจริงหรือไม่ และมีวิธีบริหารความเสี่ยงอย่างไร?
จริง ออฟชั่นเสี่ยงสูงเพราะเวลาและเลเวอเรจ แต่จัดการได้ด้วย:
- ศึกษาให้เข้าใจ: รู้สินค้าและกลยุทธ์ลึกๆ ก่อนลง
- เริ่มต้นด้วยเงินน้อย: ใช้ทุนเล็กในช่วงแรก
- กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss): จำกัดขาดทุน
- บริหารเงินทุน (Money Management): จัดสรรดี ไม่ทุ่มหมด
- ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม: ตรงกับความเสี่ยงและมุมมองตลาด
- ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง: ทดลองจนชำนาญ
ตัวอย่างการซื้อขายออฟชั่นจริงในตลาดไทยเป็นอย่างไร?
สมมติดัชนี SET50 ที่ 1,000 จุด คุณคาดขึ้นในเดือนหน้า
- ตัวอย่างซื้อ Call Option:
- ซื้อ SET50 Index Call ที่ Strike 1,020 จุด หมดอายุเดือนหน้า พรีเมียม 10 จุด (10 x 200 = 2,000 บาท/สัญญา)
- ถ้าสิ้นสุดที่ 1,040 จุด กำไร 20 จุด หัก 10 = 10 จุด (2,000 บาท)
- ถ้าลง 980 จุด ขาดทุน 10 จุด (2,000 บาท)
- ตัวอย่างซื้อ Put Option: (คาดลง)
- ซื้อ SET50 Index Put ที่ Strike 980 จุด พรีเมียม 10 จุด (2,000 บาท)
- ถ้าลง 960 จุด กำไร 20 หัก 10 = 10 จุด (2,000 บาท)
- ถ้าขึ้น 1,020 จุด ขาดทุน 10 จุด (2,000 บาท)
ตัวอย่างนี้เรียบง่าย สถานจริงซับซ้อนกว่า ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น