ในยุคที่โลกเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น การแลกเปลี่ยนสกุลเงินกลายเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยว ทำธุรกิจข้ามชาติ ลงทุน หรือแม้กระทั่งช้อปปิ้งออนไลน์จากต่างแดน การรู้จักวิธีจัดการกับการแลกเงินต่างประเทศอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายและได้ประโยชน์สูงสุด บทความนี้จึงรวบรวมคำแนะนำครบครันสำหรับคนไทย เพื่อช่วยให้คุณแลกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักปัจจัยที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน และเลือกช่องทางที่ตรงใจที่สุด

การแลกเปลี่ยนสกุลเงินคืออะไรและทำไมถึงสำคัญ
การแลกเปลี่ยนสกุลเงินหมายถึงขั้นตอนที่เรานำเงินสกุลหนึ่งไปแลกเป็นอีกสกุลหนึ่ง โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวกำหนดจำนวนเงินที่ต้องใช้หรือจะได้รับ ซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้จ่ายหรือทำธุรกรรมในต่างสกุลได้อย่างราบรื่น
คุณค่าของกระบวนการนี้ปรากฏชัดในหลายด้าน เช่น
- เมื่อไปท่องเที่ยวต่างประเทศ คุณต้องแปลงเงินบาทเป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพื่อค่าใช้จ่ายต่างๆ
- สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออกหรือการลงทุนข้ามพรมแดน การแลกเงินเป็นสิ่งจำเป็นในการชำระเงินหรือโอนทุน
- การส่งเงินกลับบ้านหรือรับเงินจากต่างแดนก็ต้องพึ่งพาบริการเหล่านี้เช่นกัน
- ในระดับเศรษฐกิจใหญ่ อัตราแลกเปลี่ยนส่งผลต่อการส่งออก นำเข้า และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
ด้วยความรู้พื้นฐานเหล่านี้ คุณจะมองเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุกครั้งที่ต้องแลกเงิน

รู้จักอัตราแลกเปลี่ยนให้ลึกซึ้ง: ระหว่างซื้อ ขาย และช่องว่างกำไร
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการแลกเงินคืออัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งไม่ได้เป็นตัวเลขเดี่ยวๆ แต่ประกอบด้วยส่วนสำคัญสองส่วนที่ต้องทำความเข้าใจ
- อัตราซื้อ: คือราคาที่ผู้ให้บริการอย่างธนาคารหรือร้านแลกเงินใช้เมื่อรับเงินต่างประเทศจากคุณ หรือขายเงินบาทให้ โดยมักต่ำกว่าค่ามาตรฐานเล็กน้อย
- อัตราขาย: ตรงกันข้าม คือราคาที่พวกเขาเรียกเมื่อขายเงินต่างประเทศให้คุณ หรือรับเงินบาท โดยจะสูงกว่าอัตราซื้อ
ส่วนต่างระหว่างสองอัตราดังกล่าวเรียกว่าช่องว่างกำไร ซึ่งเป็นรายได้ของผู้ให้บริการ ยิ่งช่องว่างนี้แคบ คุณยิ่งได้อัตราที่เป็นธรรมมากขึ้น การรู้จักส่วนนี้ช่วยป้องกันการถูกเอาเปรียบ โดยเฉพาะเมื่อบางแห่งโฆษณาว่าไม่มีค่าธรรมเนียม แต่กลับชดเชยด้วยช่องว่างที่กว้าง ทำให้คุณเสียเงินโดยไม่รู้ตัว
อีกประการหนึ่งคืออัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงหรืออัตราบริหว่างธนาคาร ซึ่งเป็นค่าที่ธนาคารใหญ่ใช้แลกเปลี่ยนกันเอง ถือเป็นมาตรฐานที่โปร่งใสและดีที่สุด ผู้ให้บริการอย่าง Wise มักยึดถืออัตราดังกล่าว ทำให้ค่าธรรมเนียมและช่องว่างต่ำกว่าธนาคารทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

ช่องทางตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดในไทย
เพื่อตัดสินใจแลกเงินอย่างคุ้มค่า การเข้าถึงข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์เป็นกุญแจสำคัญ ในไทยมีแหล่งข้อมูลหลากหลายที่ช่วยให้คุณติดตามได้ง่าย
จากธนาคารใหญ่ๆ
ธนาคารหลักๆ ในไทยส่วนใหญ่มีบริการแลกเงินและอัปเดตอัตราแบบออนไลน์ คุณสามารถเปรียบเทียบได้สะดวกผ่านเว็บไซต์ของแต่ละแห่ง
- ธนาคารกรุงเทพ: ครอบคลุมสาขากว้างขวางและรองรับสกุลเงินหลากหลาย ตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารไทยพาณิชย์: ให้บริการครบครันรวมถึงแลกเงินต่างประเทศ
- ธนาคารกรุงไทย: เข้าถึงง่ายด้วยเครือข่ายสาขาและอัตราแลกเปลี่ยนที่อัปเดต
การใช้บริการธนาคารมั่นใจได้ในเรื่องความน่าเชื่อถือและความสะดวก แต่บางครั้งอัตราอาจไม่หวือหวาเท่าช่องทางเฉพาะทางอื่น
ร้านแลกเงินเฉพาะทางอย่าง SuperRich 1965
บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านแลกเงินมักให้อัตราดีกว่าธนาคาร โดยเฉพาะสกุลหลัก
- SuperRich 1965: ได้รับความนิยมจากนักเดินทางและผู้แลกเงินจำนวนมาก มีสาขาหลายแห่งในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยว ตรวจสอบอัตราและที่ตั้งได้จากเว็บไซต์ของ SuperRich 1965
การแลกที่นี่ต้องเตรียมเงินสดและบัตรประจำตัว เช่น พาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน เพื่อยืนยันตัวตน
แอปและเว็บออนไลน์ เช่น Wise
ยุคดิจิทัลทำให้การแลกและโอนเงินระหว่างประเทศง่ายและรวดเร็ว ด้วยค่าธรรมเนียมที่ชัดเจน
- Wise (เดิม TransferWise): โดดเด่นด้วยอัตรากลางที่แท้จริง โดยไม่บวกช่องว่างมากเกินไป ค่าธรรมเนียมต่ำและโปร่งใสกว่าการโอนผ่านธนาคารแบบเก่า เหมาะสำหรับโอนเงินก้อนใหญ่หรือใช้บัญชีหลายสกุลเพื่อช้อปในต่างแดน ดูรายละเอียดที่ เว็บไซต์ Wise ประเทศไทย
ช่องทางออนไลน์เหล่านี้ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการเงินต่างประเทศ
ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกรมศุลกากร
หากต้องการข้อมูลทางการและน่าเชื่อถือสุด คุณสามารถพึ่งพาแหล่งจากภาครัฐ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT): ให้อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับธุรกรรมต่างๆ ตรวจสอบอัตราเฉลี่ยและข้อมูลเศรษฐกิจได้ที่ เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย
- กรมศุลกากร: ใช้อัตราเหล่านี้คำนวณภาษีนำเข้า-ส่งออก
ข้อมูลจากที่นี่เหมาะสำหรับธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยเฉพาะในการวางแผนระยะยาว
อะไรบ้างที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
อัตราแลกเปลี่ยนเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลาย การเข้าใจสิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณคาดการณ์แนวโน้มและเลือกจังหวะแลกเงินได้ดี
ตัวอย่างเช่น ในช่วงโควิด-19 อัตราเงินบาทผันผวนเพราะการท่องเที่ยวลดลง แต่ฟื้นตัวเมื่อนักลงทุนต่างชาติกลับมาสนใจ
นโยบายจากธนาคารกลาง
ธนาคารกลางแต่ละประเทศ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ควบคุมนโยบายการเงินที่กระทบอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง ถ้าปรับดอกเบี้ยขึ้น สกุลเงินนั้นจะดึงดูดนักลงทุน ทำให้ค่าเงินแข็ง แต่ถ้าลดดอกเบี้ยหรือใช้มาตรการผ่อนคลาย เงินจะอ่อนลง กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
เศรษฐกิจโดยรวมและการเมือง
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจอย่าง GDP อัตราเงินเฟ้อ การว่างงาน และดุลบัญชีเดินสะพัด สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน ประเทศที่เติบโตดีและมั่นคงทางการเมืองมักมีเงินแข็งค่า ขณะที่เหตุการณ์อย่างการเลือกตั้งหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง สามารถก่อให้เกิดความผันผวนได้อย่างรวดเร็ว
การค้าส่งออก-นำเข้า
สมดุลการค้าของประเทศกำหนดอุปสงค์-อุปทานเงิน หากส่งออกมากกว่านำเข้า ดุลเกินดุล ความต้องการเงินท้องถิ่นจะเพิ่ม ส่งผลให้เงินแข็ง แต่ถ้าขาดดุล เงินจะอ่อน ไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก จึงได้รับผลกระทบชัดเจนจากปัจจัยนี้
เงินลงทุนจากต่างชาติและนักท่องเที่ยว
การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) และรายได้ท่องเที่ยวเป็นตัวหนุนสำคัญ เมื่อนักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวไหลเข้าไทย ความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเงินดีขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ภาคท่องเที่ยวช่วยพยุงเงินบาทมาอย่างยาวนาน
เคล็ดลับแลกเงินให้ได้ราคาดีสำหรับคนไทย
การแลกเงินอย่างมีกลยุทธ์ต้องอาศัยเทคนิคที่ช่วยให้คุณประหยัดและปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเดินทางหรือทำธุรกิจ
เช็คและเปรียบเทียบอัตราทุกครั้ง
กฎเหล็กคืออย่าแลกที่ไหนก็ได้ที่เจอ ใช้เวลาสำรวจอัตราจากหลายที่ เช่น ธนาคาร SuperRich หรือ Wise ก่อนตัดสินใจ เครื่องมือออนไลน์สำหรับเปรียบเทียบอัตราจะช่วยให้คุณหาจุดที่ดีที่สุดได้ง่าย
เลือกช่องทางให้เหมาะกับความต้องการ
- สำหรับทริปท่องเที่ยว: ถ้าต้องการเงินสดไม่มาก SuperRich ให้อัตราดีกว่าธนาคาร แต่หลีกเลี่ยงแลกที่สนามบินเพราะราคาแพง
- โอนเงินก้อนใหญ่หรือยาวนาน: Wise เป็นตัวเลือกยอดเยี่ยมด้วยอัตราที่ชัดเจนและค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะสำหรับเก็บเงินหลายสกุล
- กรณีเร่งด่วนหรือจำนวนน้อย: กด ATM ในต่างแดนสะดวก แต่ต้องระวังค่าธรรมเนียมและอัตราที่อาจไม่คุ้ม
หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมซ่อนเร้น
บางบริการอ้างว่าไม่มีค่าธรรมเนียม แต่จริงๆ แล้วซ่อนไว้ในช่องว่างอัตราที่กว้าง ศึกษารายละเอียดทั้งหมด รวมถึงค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตหรือเดบิตสำหรับธุรกรรมต่างประเทศ เพื่อไม่ให้พลาด
แลกทีเดียวหรือทยอย?
ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับคาดการณ์อัตราอนาคต แต่
- ถ้าจำนวนมาก การแลกทยอยตามช่วงเวลาช่วยกระจายความเสี่ยงจากความผันผวน
- ถ้าติดตามข่าวเศรษฐกิจ การแลกก่อนล่วงหน้าเมื่ออัตราเข้าข่ายก็เป็นทางเลือกดี
รักษาความปลอดภัยในการแลกเงิน
เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือเสมอ และตรวจธนบัตรให้แน่ใจว่าแท้จริง การพกเงินสดมากอาจเสี่ยง ผสมผสานด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต และแจ้งธนาคารก่อนเดินทางเพื่อป้องกันปัญหาใช้งาน
สรุป: จัดการการแลกเงินอย่างมีแผน
การแลกเปลี่ยนสกุลเงินไม่ใช่แค่การแปลงเงิน แต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินที่ต้องอาศัยความรู้เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ช่องทางบริการ และปัจจัยเศรษฐกิจ บทความนี้มอบข้อมูลและกลยุทธ์ครบถ้วน เพื่อให้คนไทยตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุด
ไม่ว่าคุณจะท่องเที่ยว ทำธุรกิจ หรือลงทุน การอัปเดตข้อมูล เปรียบเทียบอัตรา และเลือกบริการที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดเงินและจัดการการเงินต่างประเทศได้อย่างมืออาชีพ การเตรียมพร้อมคือกุญแจสู่ความสำเร็จในการแลกเงิน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
อัตราแลกเปลี่ยนเงินวันนี้ดูได้จากที่ไหนบ้างที่แม่นยำที่สุด?
คุณสามารถตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินวันนี้จากหลายแหล่งที่น่าเชื่อถือได้แก่:
- เว็บไซต์ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ: เช่น ธนาคารกรุงเทพ (bangkokbank.com), ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงไทย
- เว็บไซต์บริษัทแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ: เช่น SuperRich 1965 (superrich1965.com)
- แพลตฟอร์มออนไลน์: เช่น Wise (wise.com/th) ที่มักจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนกลาง
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT): สำหรับอัตราอ้างอิงอย่างเป็นทางการ (bot.or.th)
ควรแลกเงินบาทเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่ธนาคาร SuperRich หรือ Wise ดีที่สุดสำหรับคนไทย?
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของคุณ:
- SuperRich: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแลกเงินสดจำนวนปานกลางถึงมาก เพื่อใช้จ่ายในการเดินทาง มักจะให้อัตราที่ดีกว่าธนาคารพาณิชย์สำหรับเงินสด
- Wise: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอนเงินระหว่างประเทศจำนวนมาก หรือต้องการใช้บัญชีหลายสกุลเงินเพื่อการใช้จ่ายผ่านบัตรในต่างประเทศ Wise มักจะเสนออัตรากลางที่โปร่งใสและมีค่าธรรมเนียมการโอนที่ถูกกว่าธนาคาร
- ธนาคาร: สะดวกสบายและน่าเชื่อถือ แต่โดยทั่วไปอัตราแลกเปลี่ยนอาจไม่ดีเท่า SuperRich หรือ Wise
การแลกเงินต่างประเทศผ่าน ATM ในต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องระวัง?
คุณควรระวังค่าใช้จ่ายหลักๆ ดังนี้:
- ค่าธรรมเนียมการกดเงินสดข้ามประเทศ: ธนาคารเจ้าของบัตรในไทยมักจะคิดค่าธรรมเนียม (เช่น 100 บาทต่อครั้ง)
- ค่าธรรมเนียมของตู้ ATM ในต่างประเทศ: ตู้ ATM บางแห่งอาจคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- อัตราแลกเปลี่ยน: ธนาคารผู้ออกบัตรหรือเครือข่ายบัตร (Visa/Mastercard) จะใช้อัตราแลกเปลี่ยนของตน ซึ่งอาจมีส่วนต่างสูงกว่าอัตรากลาง
- Dynamic Currency Conversion (DCC): หากตู้ ATM เสนอให้แปลงเงินเป็นเงินบาททันที ให้เลือกปฏิเสธ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่ตู้เสนอจะสูงกว่ามาก
แลกเงินวอน (KRW) หรือเงินเยน (JPY) ที่ไหนได้เรทดีที่สุดในกรุงเทพฯ?
สำหรับสกุลเงินยอดนิยมอย่างวอนเกาหลี (KRW) และเยนญี่ปุ่น (JPY) บริษัทแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเช่น SuperRich 1965 และ SuperRich Thailand มักจะให้อัตราที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะสาขาหลักๆ ที่มีการแข่งขันสูง ควรตรวจสอบอัตราออนไลน์ของแต่ละเจ้าก่อนเดินทางไปแลกเสมอ
ปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่าลง?
ปัจจัยหลักๆ ได้แก่:
- นโยบายการเงิน: การปรับขึ้น-ลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย
- สภาพเศรษฐกิจ: การเติบโตของ GDP, อัตราเงินเฟ้อ, การว่างงาน
- ดุลการค้า: การส่งออกและนำเข้าของประเทศ
- การลงทุนต่างประเทศและการท่องเที่ยว: เงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- เสถียรภาพทางการเมือง: ความมั่นคงทางการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่น
มีข้อควรระวังและวิธีป้องกันการถูกหลอกลวงในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างไร?
ข้อควรระวังและวิธีป้องกัน ได้แก่:
- แลกกับผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ: เลือกธนาคารหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
- ตรวจสอบธนบัตร: ตรวจสอบหมายเลขและลักษณะธนบัตรเพื่อป้องกันธนบัตรปลอม
- ระวังอัตราที่ “ดีเกินจริง”: หากอัตราแลกเปลี่ยนดูดีเกินกว่าปกติ อาจเป็นกลโกง
- หลีกเลี่ยงการแลกเงินกับบุคคลที่ไม่รู้จัก: โดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะ
- นับเงินให้ครบถ้วน: ตรวจสอบจำนวนเงินที่ได้รับให้ถูกต้องก่อนออกจากเคาน์เตอร์
ควรแลกเงินสดหรือใช้บัตรเครดิต/เดบิตสำหรับการใช้จ่ายในต่างประเทศดีกว่ากัน?
ควรใช้ควบคู่กันไป:
- เงินสด: เหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ การเดินทาง หรือร้านค้าที่ไม่รับบัตร ควรพกไปในปริมาณที่พอเหมาะ
- บัตรเครดิต/เดบิต: สะดวกและปลอดภัยกว่าสำหรับการใช้จ่ายจำนวนมากหรือในกรณีฉุกเฉิน มักจะให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการกดเงินสดจาก ATM โดยตรง แต่ควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างประเทศจากธนาคารผู้ออกบัตร
บัตร Travel Card หรือ Multi-currency Account อย่าง Wise ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่รวมข้อดีของทั้งสองแบบ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินที่สนามบินสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport) แตกต่างจากข้างนอกมากน้อยแค่ไหน?
โดยทั่วไป อัตราแลกเปลี่ยนที่สนามบินสุวรรณภูมิ มักจะแย่กว่าอัตราในตัวเมืองอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความสะดวกสบายและตัวเลือกที่จำกัด ทำให้ผู้ให้บริการสามารถเสนอส่วนต่างที่สูงกว่าได้ หากเป็นไปได้ ควรกดเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินที่สนามบิน และแลกเงินส่วนใหญ่ในตัวเมืองก่อนเดินทาง
ทำไมอัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละธนาคารถึงไม่เท่ากัน?
อัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละธนาคารไม่เท่ากันเนื่องจากหลายปัจจัย:
- นโยบายและกลยุทธ์ของธนาคาร: แต่ละธนาคารมีนโยบายการตั้งราคาและส่วนต่างกำไรที่แตกต่างกัน
- ต้นทุนการดำเนินงาน: ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายสาขามาก อาจมีต้นทุนที่สูงกว่า
- ปริมาณการซื้อขาย: ธนาคารที่มีปริมาณการซื้อขายสกุลเงินนั้นๆ สูง อาจเสนออัตราที่ดีกว่าได้
- การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
ถ้าต้องการโอนเงินไปต่างประเทศ ควรใช้บริการของธนาคารหรือ Wise ดีกว่ากัน?
สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศ:
- Wise: มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่โปร่งใส (อัตรากลาง) และค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า เหมาะสำหรับการโอนเงินจำนวนมาก และคุณสามารถเห็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดล่วงหน้าได้
- ธนาคาร: มีความน่าเชื่อถือสูงและสะดวกสบายหากคุณเป็นลูกค้าปัจจุบันอยู่แล้ว แต่อาจมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ดีเท่า และค่าธรรมเนียมการโอนที่สูงกว่า รวมถึงค่าธรรมเนียมธนาคารตัวกลาง (Correspondent Bank Fees) ที่อาจไม่โปร่งใสเท่า
แนะนำให้เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งหมด (อัตราแลกเปลี่ยน + ค่าธรรมเนียม) ของทั้งสองบริการก่อนตัดสินใจ