บทนำ: ทำความรู้จักหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในตลาดหุ้นไทย
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนับเป็นวิธีสร้างความมั่งคั่งที่หลายคนเลือกใช้ เพราะช่วยให้มีโอกาสเติบโตทางการเงินได้ดี หากนักลงทุนเข้าใจถึงประเภทหุ้นต่างๆ โดยเฉพาะหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งเป็นสองประเภทหลักที่พบเห็นบ่อยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การรู้จักความแตกต่างในด้านสิทธิประโยชน์และลักษณะเฉพาะของแต่ละประเภท จะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนให้ตรงกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้มากขึ้น บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับหุ้นทั้งสองประเภท พร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริบทของตลาดทุนไทย เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

หุ้นสามัญ คืออะไร? สิทธิและลักษณะเด่นที่ควรรู้
หุ้นสามัญคือหลักทรัพย์ที่แสดงถึงส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัท ถือเป็นรูปแบบการลงทุนพื้นฐานที่พบได้ทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ถือหุ้นประเภทนี้จึงกลายเป็นเจ้าของบริษัทอย่างแท้จริง มีสิทธิ์แบ่งปันกำไรและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจบริหารจัดการ

ลักษณะเด่นของหุ้นสามัญ
สิทธิออกเสียง: ผู้ถือหุ้นสามัญสามารถมีส่วนร่วมในการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อลงคะแนนในประเด็นสำคัญ เช่น การเลือกตั้งหรือปลดคณะกรรมการ การรับรองงบการเงิน หรือการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบของบริษัท ซึ่งช่วยให้คุณมีบทบาทในธรรมาภิบาลขององค์กร
เงินปันผล: การได้รับเงินปันผลจากหุ้นสามัญขึ้นอยู่กับผลประกอบการและนโยบายของบริษัท ถ้าธุรกิจไปได้สวย คุณอาจได้ปันผลจำนวนมาก แต่ถ้าผลประกอบการย่ำแย่ ปันผลอาจน้อยลงหรือไม่มีเลย
โอกาสในการเติบโตของราคา: หุ้นสามัญมักมีโอกาสให้ราคาเพิ่มขึ้นสูง หากบริษัทขยายตัวต่อเนื่องและมีแนวโน้มธุรกิจที่น่าจับตา คุณจึงมีช่องทางสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาได้ดี
สิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์: ถ้าบริษัทต้องปิดกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับการชำระคืนสินทรัพย์เป็นลำดับสุดท้าย หลังจากเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับส่วนของพวกเขาก่อน ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงกว่า
สภาพคล่อง: หุ้นสามัญส่วนใหญ่ในตลาดไทยซื้อขายได้สะดวกและรวดเร็ว
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์ สามารถดูได้ที่ เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร? ทำไมบริษัทถึงเลือกออกหุ้นประเภทนี้
หุ้นบุริมสิทธิคืออีกประเภทของหลักทรัพย์ทุนที่ผสมผสานลักษณะระหว่างหุ้นสามัญกับตราสารหนี้ โดยมอบสิทธิพิเศษบางอย่างให้ผู้ถือ ซึ่งแตกต่างจากหุ้นสามัญอย่างเห็นได้ชัด

ลักษณะเด่นของหุ้นบุริมสิทธิ
เงินปันผล: ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับปันผลในอัตราคงที่หรือตามที่กำหนด ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญเสมอ ไม่ว่าจะกำไรปีนั้นมากหรือน้อย มักเป็นแบบสะสม หากบริษัทจ่ายไม่ได้ในปีนั้น จะนำไปจ่ายในปีต่อไป
สิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์: เมื่อบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับชำระคืนก่อนหุ้นสามัญ แต่ยังหลังจากเจ้าหนี้อันดับแรก จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นสามัญ
ไม่มีสิทธิออกเสียง (ส่วนใหญ่): โดยปกติผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิลงคะแนนในเรื่องบริหาร ยกเว้นกรณีที่บริษัทกำหนดไว้หรือเมื่อไม่สามารถจ่ายปันผลตามกำหนด
ความเสี่ยงและผลตอบแทน: มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญเพราะปันผลแน่นอนกว่าและสิทธิชำระคืนดีกว่า แต่โอกาสได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาจำกัด
ทำไมบริษัทถึงเลือกออกหุ้นบุริมสิทธิ?
บริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิเพื่อหลายเหตุผล เช่น เพื่อระดมทุนโดยไม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมสูญเสียอำนาจควบคุม เนื่องจากหุ้นประเภทนี้มักไม่มีสิทธิออกเสียง นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระดอกเบี้ยคงที่เมื่อเทียบกับการกู้ยืมเงิน และดึงดูดนักลงทุนที่ชอบความมั่นคง โดยการมีปันผลสม่ำเสมอช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือให้บริษัท โดยเฉพาะในสายตานักลงทุนสถาบัน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มีหน้าที่กำกับดูแลการออกและเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ เพื่อปกป้องนักลงทุนและรักษาความมั่นคงของตลาดทุนไทย
เปรียบเทียบเจาะลึก: ความแตกต่างสำคัญระหว่างหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ
การรู้จักความแตกต่างระหว่างหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น โดยเลือกสิ่งที่ตรงกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง ตารางด้านล่างสรุปจุดเด่นที่สำคัญ เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจน
| คุณสมบัติ | หุ้นสามัญ (Common Stock) | หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) |
|---|---|---|
| สิทธิออกเสียง | มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น | โดยทั่วไปไม่มีสิทธิออกเสียง (ยกเว้นที่ระบุ) |
| การจ่ายเงินปันผล | ไม่แน่นอน, ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและนโยบาย | มีสิทธิได้รับเงินปันผลก่อน, อัตราคงที่ (ส่วนใหญ่), แบบสะสม |
| สิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ | เป็นอันดับสุดท้ายเมื่อบริษัทเลิกกิจการ | มีสิทธิเรียกร้องก่อนหุ้นสามัญ (แต่หลังเจ้าหนี้) |
| โอกาสในการเพิ่มทุน | มีโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนต่างราคา (Capital Gain) สูงกว่า | โอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนต่างราคามีจำกัดกว่า |
| ความเสี่ยง | สูงกว่า (เงินปันผลไม่แน่นอน, สิทธิเรียกร้องลำดับสุดท้าย) | ต่ำกว่า (เงินปันผลคงที่กว่า, สิทธิเรียกร้องลำดับต้นกว่า) |
| สภาพคล่อง | โดยทั่วไปมีสภาพคล่องสูงกว่า | สภาพคล่องต่ำกว่าหุ้นสามัญในตลาดรอง |
| การมีส่วนร่วมบริหาร | มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและบริหารบริษัท | ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและบริหารบริษัท |
ความแตกต่างเหล่านี้มีผลกระทบต่อนักลงทุนไทยโดยตรง ผู้ที่มองหาการเติบโตและอยากมีส่วนในบริหารมักเลือกหุ้นสามัญ ส่วนผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอและเสี่ยงน้อยกว่าอาจหันไปหาหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งช่วยให้พอร์ตการลงทุนสมดุลมากขึ้น
หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ: โอกาสและความท้าทายสำหรับนักลงทุน
หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพคือรูปแบบพิเศษของหุ้นบุริมสิทธิที่ให้ผู้ถือสิทธิ์แปลงเป็นหุ้นสามัญได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด มันรวมข้อดีของทั้งสองประเภทเข้าด้วยกัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่อยากได้ทั้งความมั่นคงและโอกาสเติบโต
กลไกและการแปลงสภาพ
สิทธิแปลงสภาพ: ผู้ถือสามารถแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญตามอัตราที่กำหนด เช่น 1 หุ้นบุริมสิทธิเป็น 1.2 หุ้นสามัญ
เงื่อนไขการแปลง: อาจกำหนดช่วงเวลา ราคา หรือเหตุการณ์เฉพาะที่กระตุ้นการแปลง
ประโยชน์สำหรับนักลงทุน:
- ได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง: ก่อนแปลง คุณยังได้ปันผลคงที่เหมือนหุ้นบุริมสิทธิปกติ
- โอกาสในการเติบโต: ถ้าราคาหุ้นสามัญขึ้น คุณสามารถแปลงเพื่อรับส่วนต่างราคา
- ลดความเสี่ยงขาลง: ถ้าสถานการณ์ไม่ดี คุณเลือกไม่แปลงและยังได้ปันผลต่อไป
ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีในไทยบางแห่งออกหุ้นแบบนี้เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่อยากมีส่วนในอนาคตของธุรกิจ โดยไม่ต้องเสี่ยงเต็มตัวตั้งแต่แรก
ความท้าทายและข้อควรพิจารณา
ความซับซ้อน: รูปแบบนี้ซับซ้อนกว่ารูปแบบอื่น นักลงทุนต้องศึกษาถึงเงื่อนไขละเอียด
การศึกษาอัตราส่วนการแปลง: ต้องคำนวณผลกระทบต่อผลตอบแทนให้ชัดเจน
สภาพคล่อง: ในตลาดรองอาจซื้อขายยากกว่าหุ้นสามัญ
ผลกระทบต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้น: การแปลงอาจทำให้หุ้นสามัญเพิ่ม ส่งผลให้สัดส่วนเจ้าของเดิมเจือจาง
ก.ล.ต. ดูแลการออกหุ้นประเภทนี้เพื่อให้ข้อมูลโปร่งใสและนักลงทุนเข้าใจเงื่อนไขครบถ้วน
ขยายมิติการลงทุน: เปรียบเทียบหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นกู้
นอกจากหุ้นสามัญและบุริมสิทธิ หุ้นกู้ยังเป็นตราสารยอดนิยมในไทย ซึ่งมีลักษณะต่างกัน การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามช่วยให้กระจายความเสี่ยงและจัดพอร์ตได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวน
ตารางเปรียบเทียบหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นกู้
| คุณสมบัติ | หุ้นสามัญ | หุ้นบุริมสิทธิ | หุ้นกู้ |
|---|---|---|---|
| ประเภทตราสาร | ตราสารทุน | ตราสารทุน (กึ่งหนี้) | ตราสารหนี้ |
| สถานะนักลงทุน | เจ้าของบริษัท | เจ้าของบริษัท (สิทธิพิเศษ) | เจ้าหนี้บริษัท |
| ผลตอบแทน | เงินปันผล (ไม่แน่นอน), ส่วนต่างราคา | เงินปันผล (คงที่/สะสม), ส่วนต่างราคาจำกัด | ดอกเบี้ย (คงที่), ได้คืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด |
| สิทธิออกเสียง | มีสิทธิ | โดยทั่วไปไม่มี | ไม่มี |
| สิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ | ลำดับสุดท้าย | ก่อนหุ้นสามัญ (หลังเจ้าหนี้) | ลำดับแรก (ในฐานะเจ้าหนี้) |
| ความเสี่ยง | สูงสุด | ปานกลาง | ต่ำสุด (ขึ้นอยู่กับอันดับเครดิต) |
| สภาพคล่อง | สูง (ส่วนใหญ่) | ต่ำกว่าหุ้นสามัญ | ปานกลางถึงต่ำ (ขึ้นอยู่กับผู้ออก) |
| เป้าหมายการลงทุน | การเติบโต, การมีส่วนร่วมบริหาร | ผลตอบแทนสม่ำเสมอ, ความมั่นคง | ผลตอบแทนคงที่, รักษามูลค่าเงินต้น |
การจัดสรรในพอร์ตการลงทุน
หุ้นกู้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยของเงินต้นและรายได้คงที่ เสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องพอใช้
หุ้นบุริมสิทธิเป็นทางกลาง สำหรับผู้ที่อยากได้ปันผลสม่ำเสมอมากกว่าหุ้นสามัญ แต่เสี่ยงมากกว่าหุ้นกู้เล็กน้อย
หุ้นสามัญสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ยอมเสี่ยงเพื่อโอกาสเติบโตและมีส่วนเป็นเจ้าของ
การกระจายลงทุนในตราสารเหล่านี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง สำหรับข้อมูลหุ้นกู้เพิ่มเติม ดูได้ที่ เว็บไซต์ ThaiBMA ซึ่งรวบรวมข้อมูลตลาดตราสารหนี้ไทย
การเลือกหุ้นที่ใช่: กลยุทธ์สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย
การเลือกระหว่างหุ้นสามัญหรือบุริมสิทธิขึ้นอยู่กับเป้าหมายส่วนตัว ระดับความเสี่ยง และระยะเวลาที่คุณวางแผน โดยพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ให้รอบคอบเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปัจจัยที่ควรพิจารณา
เป้าหมายการลงทุน:
- การเติบโตของเงินลงทุน (Capital Growth): ถ้าต้องการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวและยอมเสี่ยง หุ้นสามัญให้โอกาสราคาเพิ่มสูง
- รายได้สม่ำเสมอ (Regular Income): ถ้าต้องการกระแสเงินสดแน่นอนและเสี่ยงต่ำ หุ้นบุริมสิทธิตอบโจทย์ด้วยปันผลคงที่
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้:
- รับความเสี่ยงสูง: หุ้นสามัญผันผวนแต่โอกาสกำไรสูง
- รับความเสี่ยงปานกลางถึงต่ำ: หุ้นบุริมสิทธิให้ความมั่นคงโดยไม่ผันผวนมาก
ระยะเวลาการลงทุน:
- ระยะยาว: หุ้นสามัญเหมาะเพื่อรอการเติบโตของบริษัท
- ระยะสั้นถึงปานกลาง: หุ้นบุริมสิทธิให้ผลตอบแทนแน่นอนเร็วกว่า
การวิเคราะห์บริษัท: ไม่ว่าจะเลือกอะไร ต้องดูพื้นฐานบริษัทให้ดี เช่น ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง การเติบโต และธรรมาภิบาล เพื่อลดความเสี่ยง
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนไทย
สภาพคล่องในตลาดรอง: หุ้นบุริมสิทธิบางตัวอาจซื้อขายยากกว่าหุ้นสามัญ ต้องเช็คปริมาณการซื้อขายก่อน
ภาษีเงินปันผล: ปันผลจากทั้งสองประเภทถูกหักภาษี 10% ณ ที่จ่าย คุณสามารถขอคืนหรือรวมคำนวณภาษีปลายปีได้
ศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: ใช้เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. และบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ เพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง
สรุปและข้อคิดสำคัญสำหรับนักลงทุน
หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิเป็นตัวเลือกหลักในตลาดหุ้นไทย ที่มีสิทธิ ความเสี่ยง และลักษณะต่างกันชัดเจน หุ้นสามัญเหมาะกับผู้ที่ไล่ล่าการเติบโตและอยากมีส่วนบริหาร แม้ต้องรับมือความผันผวน ในทางตรงข้าม หุ้นบุริมสิทธิเน้นความมั่นคงของปันผลและความปลอดภัย แต่อาจจำกัดโอกาสเติบโต
ไม่มีประเภทไหนดีที่สุดเสมอไป การตัดสินใจต้องมาจากเป้าหมายการเงิน ความเสี่ยงที่ยอมรับ และระยะเวลา การเข้าใจเครื่องมือเหล่านี้ลึกซึ้งจะช่วยสร้างพอร์ตที่แข็งแกร่งและบรรลุเป้าหมาย หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาที่ปรึกษาการลงทุนมืออาชีพ
หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิออกเสียงแตกต่างกันอย่างไรในประเทศไทย?
ในประเทศไทย ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อตัดสินใจเรื่องสำคัญของบริษัท เช่น การแต่งตั้งกรรมการ การอนุมัติงบการเงิน ในขณะที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิโดยทั่วไปจะไม่มีสิทธิออกเสียง ยกเว้นในบางกรณีที่ระบุไว้ในข้อบังคับบริษัท หรือเมื่อบริษัทไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามกำหนด
นักลงทุนไทยควรเลือกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเพื่ออะไร?
นักลงทุนไทยควรเลือกหุ้นสามัญหากต้องการโอกาสในการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาวและยินดีรับความเสี่ยงสูง รวมถึงต้องการมีส่วนร่วมในการบริหารบริษัท ส่วนหุ้นบุริมสิทธิเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในรูปแบบเงินปันผล มีความเสี่ยงต่ำกว่า และไม่เน้นการมีส่วนร่วมในการบริหาร
เงินปันผลจากหุ้นบุริมสิทธิในประเทศไทยมีการคิดภาษีอย่างไร?
เงินปันผลจากหุ้นบุริมสิทธิในประเทศไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เช่นเดียวกับเงินปันผลจากหุ้นสามัญ นักลงทุนสามารถเลือกที่จะให้นำภาษีที่ถูกหักไปแล้วเป็นภาษีสุดท้าย (Final Tax) หรือจะนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนสิ้นปีเพื่อขอคืนภาษีส่วนต่างได้
บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นิยมออกหุ้นบุริมสิทธิเพื่อเหตุผลใด?
บริษัทใน SET นิยมออกหุ้นบุริมสิทธิเพื่อระดมทุนโดยไม่ลดทอนอำนาจการบริหารของผู้ถือหุ้นเดิม (เนื่องจากหุ้นบุริมสิทธิส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิออกเสียง) หรือเพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนที่ยืดหยุ่นกว่าหุ้นกู้
หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพมีขั้นตอนการแปลงเป็นหุ้นสามัญอย่างไรในทางปฏิบัติ?
ในทางปฏิบัติ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพจะต้องยื่นเอกสารขอแปลงสภาพตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดไปยังนายทะเบียนหลักทรัพย์ (เช่น ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – TSD) ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยระบุจำนวนหุ้นบุริมสิทธิที่ต้องการแปลงเป็นหุ้นสามัญตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนหรือข้อกำหนดสิทธิ
หุ้นกู้แตกต่างจากหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิอย่างไรในแง่ของความเสี่ยงและผลตอบแทนในตลาดไทย?
ในตลาดไทย หุ้นกู้เป็นตราสารหนี้ ผู้ถือมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ ได้รับดอกเบี้ยคงที่และเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด มีความเสี่ยงต่ำสุดเมื่อเทียบกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งเป็นตราสารทุน
- หุ้นสามัญ: เสี่ยงสูงสุด โอกาสกำไรสูง (ส่วนต่างราคา) แต่เงินปันผลไม่แน่นอน
- หุ้นบุริมสิทธิ: เสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทนสม่ำเสมอ (เงินปันผลคงที่) แต่โอกาสกำไรส่วนต่างราคาจำกัด
- หุ้นกู้: เสี่ยงต่ำสุด ผลตอบแทนคงที่ (ดอกเบี้ย) เหมาะสำหรับรักษามูลค่าเงินต้น
การซื้อขายหุ้นบุริมสิทธิในตลาดรองของไทยมีความคล่องตัวแค่ไหน?
การซื้อขายหุ้นบุริมสิทธิในตลาดรองของไทยโดยทั่วไปมีความคล่องตัวต่ำกว่าหุ้นสามัญ เนื่องจากมีจำนวนหุ้นที่ซื้อขายและนักลงทุนที่สนใจน้อยกว่า ส่งผลให้การหาคู่ค้าในการซื้อขายอาจทำได้ยากขึ้นและราคาอาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้เท่าที่ควร
มีหุ้นบุริมสิทธิประเภทพิเศษอื่นๆ เช่น หุ้นบุริมสิทธิร่วม (Participating Preferred Stock) ในตลาดไทยหรือไม่?
ในตลาดหุ้นไทยมีหุ้นบุริมสิทธิประเภทพิเศษที่หลากหลาย แม้ว่า “หุ้นบุริมสิทธิร่วม” (Participating Preferred Stock) อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นเคยมากนักในเชิงการตลาด แต่ก็มีหุ้นบุริมสิทธิบางประเภทที่อาจมีเงื่อนไขให้ผู้ถือได้รับเงินปันผลเพิ่มเติม นอกเหนือจากอัตราคงที่ที่กำหนดไว้ หากบริษัทมีผลกำไรเกินเป้าหมาย หรือมีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ ที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิ
หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในไทยจะได้รับคืนเงินลงทุนอย่างไร?
หากบริษัทล้มละลายหรือเลิกกิจการในประเทศไทย การชำระบัญชีจะดำเนินการตามลำดับสิทธิ
- **เจ้าหนี้:** จะได้รับชำระหนี้ก่อนเป็นอันดับแรก
- **ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ:** จะได้รับชำระคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
- **ผู้ถือหุ้นสามัญ:** จะได้รับคืนเงินลงทุนเป็นอันดับสุดท้าย หลังจากเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับการชำระทั้งหมดแล้ว ซึ่งในหลายกรณี ผู้ถือหุ้นสามัญอาจไม่ได้รับสิ่งใดคืนเลยหากสินทรัพย์ของบริษัทไม่เพียงพอ
ข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทไทยสามารถหาได้จากแหล่งใดบ้าง?
นักลงทุนสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทไทยได้จากหลายแหล่ง เช่น
- **เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET):** มีข้อมูลของทุกบริษัทจดทะเบียน รวมถึงงบการเงิน ข่าวสาร และประกาศต่างๆ
- **เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.):** สำหรับข้อมูลกฎระเบียบและหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์
- **เว็บไซต์ของบริษัทจดทะเบียนโดยตรง:** มีรายงานประจำปีและข้อมูลนักลงทุนสัมพันธ์
- **บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์):** มีบทวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกจากนักวิเคราะห์
- **สื่อสิ่งพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวการเงิน:** เช่น กรุงเทพธุรกิจ, ประชาชาติธุรกิจ, eFinanceThai, Finnomena