66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

เทรดเดอร์มืออาชีพ: ไขความลับสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในตลาดทุนไทย

Home / ห้องเรียนฟอเร็กซ์ / เทร...

meetcinco_com | 07 11 月

เทรดเดอร์มืออาชีพ: ไขความลับสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในตลาดทุนไทย

บทนำ: ทำไมใครๆ ก็อยากเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ?

ในยุคที่ทุกอย่างหมุนเร็วและเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหางานที่มอบทั้งอิสรภาพด้านการเงินและเวลาส่วนตัว อาชีพเทรดเดอร์มืออาชีพคือหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนใฝ่ฝัน ด้วยภาพของการทำงานจากทุกมุมโลกและโอกาสสร้างรายได้โดยไม่มีเพดานจำกัด ทว่าเบื้องหลังความฝันที่ดูน่าดึงดูดนี้ กลับซ่อนความซับซ้อนและอุปสรรคที่ต้องเผชิญจริงๆ บทความนี้จะพาคุณสำรวจเส้นทางสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพอย่างแท้จริง โดยเน้นบริบทของตลาดทุนในไทย เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าการเป็นมืออาชีพนี้ต่างจากนักเก็งกำไรทั่วไปอย่างไร และต้องเตรียมตัวด้านใดบ้างทั้งร่างกายและจิตใจ

ภาพประกอบบุคคลเทรดอย่างมั่นใจหลายหน้าจอ พื้นหลังวิวเมืองสื่ออิสรภาพทางการเงิน

การก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพมิใช่เรื่องง่ายดาย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หากคุณมีพื้นฐานความรู้ที่มั่นคง การเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง และวินัยที่เหนียวแน่น คุณก็สามารถสร้างเส้นทางอาชีพที่ยั่งยืนในวงการตลาดทุนได้ โดยไม่ต้องกังวลกับความไม่แน่นอนมากนัก

เทรดเดอร์มืออาชีพคืออะไร? นิยามและคุณสมบัติสำคัญ

ก่อนจะเริ่มต้นการเดินทางนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำความรู้จักกับคำว่าเทรดเดอร์มืออาชีพให้ชัดเจน นิยามที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณแยกแยะระหว่างมือโปรกับนักเก็งกำไรสมัครเล่น ซึ่งมีแนวทางและจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ภาพประกอบเทรดเดอร์มือโปรกับแผนเทรดชัดเจน กราฟและเครื่องมือบริหารความเสี่ยง จัดระเบียบและโฟกัส

นิยามของเทรดเดอร์มืออาชีพ

เทรดเดอร์มืออาชีพหมายถึงผู้ที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินในตลาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ หรือตลาดอัตราแลกเปลี่ยน โดยมุ่งหวังกำไรที่ต่อเนื่องและมั่นคงในระยะยาว พวกเขามองการเทรดเป็นอาชีพหลักที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ทักษะการจัดการความเสี่ยง และวินัยที่สูงส่ง สิ่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นจากนักเก็งกำไรทั่วไปคือการยึดติดกับระบบและแผนการเทรดที่ชัดเจน แม้ในยามที่ตลาดผันผวนหรือเผชิญทั้งกำไรและขาดทุน พวกเขาจะไม่ยอมให้อารมณ์มาบงการการตัดสินใจ

แทนที่จะพึ่งพาโชคชะตาหรือข่าวลือ พวกเขาจะอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งด้านเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน เพื่อกำหนดทิศทางการซื้อขาย การดูแลเงินทุนและควบคุมความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้พอร์ตลงทุนรอดพ้นและเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สามารถฟื้นฟูจากความสูญเสียและขยายผลกำไรได้ในที่สุด

คุณสมบัติที่เทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนต้องมี

เพื่อก้าวสู่ระดับมืออาชีพ คุณต้องครอบครองคุณสมบัติหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจ ความรู้ หรือทักษะปฏิบัติ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนและแรงกดดันจากตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • วินัย: คุณสมบัติหลักที่ขาดไม่ได้ มือโปรต้องยึดมั่นในแผนเทรด ไม่ว่าจะเป็นจุดเข้า-ออก หรือการตั้งจุดหยุดขาดทุนและจุดทำกำไร โดยไม่ยอมให้ความกลัวหรือความโลภมาทำลาย
  • ความอดทน: รอคอยจังหวะที่ใช่ แทนที่จะรีบร้อนเข้าออกตลาดทุกครั้งที่ราคาเคลื่อนไหว และให้เวลาแก่กลยุทธ์ของตัวเองในการแสดงผล
  • การบริหารความเสี่ยง: เข้าใจลึกซึ้งถึงวิธีปกป้องทุนและจำกัดความสูญเสียในแต่ละดีล เพื่อไม่ให้กระทบพอร์ตทั้งหมด
  • การเรียนรู้และปรับตัวไม่หยุดนิ่ง: ตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มือโปรจึงต้องอัปเดตความรู้ใหม่และปรับกลยุทธ์ให้ทันสถานการณ์
  • จิตวิทยาการเทรดที่มั่นคง: จัดการอารมณ์ ความเครียด และแรงกดดันได้ดี ด้วยสติและการควบคุมตนเองที่เหนือชั้น
  • ความรู้และทักษะการวิเคราะห์: เชี่ยวชาญทั้งการอ่านกราฟราคาแบบเทคนิค และประเมินมูลค่าสินทรัพย์จากปัจจัยพื้นฐาน
  • แผนการเทรดที่ชัดเจน: มีแผนครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่เลือกสินทรัพย์ การเข้า-ออก การจัดการทุน และควบคุมความเสี่ยง

เพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น ลองดูตารางเปรียบเทียบระหว่างเทรดเดอร์มืออาชีพกับนักเก็งกำไรทั่วไป:

คุณสมบัติ เทรดเดอร์มืออาชีพ นักเก็งกำไรทั่วไป
เป้าหมาย สร้างกำไรสม่ำเสมอ ยั่งยืน หวังรวยเร็ว พึ่งโชค
วิธีการ มีระบบ มีวินัย อิงการวิเคราะห์ อิงข่าวลือ อารมณ์ ความรู้สึก
การบริหารความเสี่ยง เข้มงวด จำกัดการขาดทุน ไม่สนใจ หรือไม่มีแผน
จิตวิทยา ควบคุมอารมณ์ได้ดี มีสติ ปล่อยให้อารมณ์ (กลัว/โลภ) นำ
การเรียนรู้ เรียนรู้ตลอดชีวิต ปรับตัว ไม่สนใจพัฒนาตนเอง
การเตรียมพร้อม เตรียมเงินทุนสำรอง แผนการเทรด ลงทุนตามกระแส

เส้นทางสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพในประเทศไทย: ขั้นตอนและสิ่งที่ต้องเตรียม

การเริ่มต้นเส้นทางเทรดเดอร์มืออาชีพไม่ใช่แค่เปิดบัญชีแล้วลงมือเทรด แต่เป็นกระบวนการที่ต้องเตรียมตัวรอบด้าน โดยเฉพาะในตลาดทุนไทยที่มาพร้อมลักษณะเฉพาะตัวที่ต้องปรับตัวให้เข้ากัน

ภาพประกอบบุคคลศึกษากราฟการเงิน หนังสือและคอมพิวเตอร์ พร้อมสัญลักษณ์ตลาดไทยในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้

เตรียมความพร้อมด้านความรู้และทักษะ

ก่อนลงสนามจริง การเสริมสร้างความรู้และทักษะคือก้าวแรกที่ขาดไม่ได้ คุณควรทำความเข้าใจพื้นฐานตลาดการเงิน สินทรัพย์ที่จะเทรด และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อสร้างฐานที่มั่นคง

  • ศึกษาตลาดและสินทรัพย์: เรียนรู้การทำงานของตลาดหุ้นไทย (SET) ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) หรือตลาด Forex รวมถึงลักษณะและความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละประเภท เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส ออปชั่น หรือคู่สกุลเงิน
  • เรียนรู้การวิเคราะห์: ฝึกอ่านกราฟราคาเพื่อหาแนวโน้มและจุดเข้า-ออกผ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงประเมินมูลค่าจริงจากปัจจัยพื้นฐานสำหรับหุ้น
  • ทำความเข้าใจเครื่องมือการเทรด: คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มอย่าง Streaming, MetaTrader 4/5 หรือ TradingView ที่ใช้ส่งคำสั่งและวิเคราะห์ตลาด
  • แหล่งเรียนรู้ที่แนะนำในไทย:
    • SET e-Learning: จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/th/education/set-e-learning) มีคอร์สออนไลน์ฟรีตั้งแต่พื้นฐานถึงระดับสูง
    • SkillLane และแพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์อื่นๆ: คอร์สจากผู้เชี่ยวชาญไทยที่สอนกลยุทธ์เทรดหลากหลาย
    • หนังสือ: อ่านตำราทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อขยายมุมมองและความรู้
    • สัมมนาและเวิร์คช็อป: เข้าร่วมกิจกรรมจากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงิน เพื่อรับข้อมูลล่าสุดและประสบการณ์จริง

ตัวอย่างเช่น หากคุณสนใจตลาดหุ้นไทย การเริ่มจากคอร์ส SET e-Learning จะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างตลาดและกฎเกณฑ์เบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว

การสร้างแผนการเทรดที่เป็นระบบและวินัยที่เข้มแข็ง

ทุกเทรดเดอร์มือโปรล้วนมีแผนการเทรดที่เป็นแนวทางหลักสำหรับทุกการตัดสินใจ ซึ่งช่วยให้การเทรดมีระเบียบและลดความผิดพลาดจากอารมณ์

  • กำหนดกลยุทธ์: เลือกสไตล์ที่เหมาะกับตัวเอง เช่น Day Trade, Swing Trade หรือ Trend Following แล้วทดสอบให้ละเอียดก่อนใช้งานจริง
  • วางแผนจุดเข้า-จุดออก: กำหนดเงื่อนไขชัดเจนสำหรับการเข้าซื้อและจุดทำกำไร
  • ตั้ง Stop Loss: จุดหยุดขาดทุนคือเครื่องมือสำคัญในการจำกัดความสูญเสีย ต้องตั้งทุกครั้งตามระดับที่ยอมรับได้
  • บันทึกการเทรด: จดทุกดีลพร้อมเหตุผล ผลลัพธ์ และอารมณ์ เพื่อทบทวนและปรับปรุง
  • ฝึกฝนในบัญชีทดลอง: ใช้ Demo Account ฝึกจนมั่นใจในระบบและวินัย ก่อนเสี่ยงเงินจริง

การบริหารจัดการเงินทุนและความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ

เงินทุนคือทรัพยากรหลัก การจัดการให้ดีจะช่วยให้คุณอยู่รอดและเติบโตในตลาดได้ยาวนาน โดยไม่เสี่ยงล้มละลายจากความผิดพลาดครั้งเดียว

  • กำหนดขนาดการลงทุน: คำนวณขนาดตำแหน่งไม่เกิน 1-2% ของทุนทั้งหมดต่อดีล เพื่อควบคุมความเสี่ยง
  • ใช้หลักการ R-Multiple: วัดผลตอบแทนต่อความเสี่ยง เช่น เสี่ยง 1 บาทเพื่อหวังกำไร 2 บาท คือ R-Multiple 2 เพื่อประเมินความคุ้มค่า
  • แยกเงินทุน: แยกทุนเทรดจากเงินออมส่วนตัว และเตรียมเงินสำรองค่าใช้จ่าย 6-12 เดือน เพื่อลดแรงกดดัน

ทำความเข้าใจตลาดและกฎระเบียบของไทย

การเทรดในไทยมีรายละเอียดเฉพาะที่มือโปรต้องรู้ให้ถ่อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและเทรดอย่างถูกต้อง

  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. / SEC Thailand): หน่วยงานหลักที่ดูแลตลาดทุนไทยเพื่อความโปร่งใส การรู้กฎของ ก.ล.ต. ช่วยให้เทรดปลอดภัย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ก.ล.ต.
  • โบรกเกอร์ในประเทศ: เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. โดยพิจารณาค่าธรรมเนียม แพลตฟอร์ม บริการ และความน่าเชื่อถือ
  • ภาษี: กำไรจากหุ้นใน SET และ TFEX สำหรับบุคคลธรรมดามักยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่ Forex หรือสินทรัพย์อื่นอาจต่างกัน ควรศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

เทรดเดอร์มืออาชีพกับจิตวิทยาการเทรด: การจัดการอารมณ์และแรงกดดัน

ถึงจะมีกลยุทธ์ยอดเยี่ยม แต่ถ้าขาดการควบคุมจิตใจ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จยาวนาน จิตวิทยาการเทรดจึงเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้มือโปรแตกต่าง

ความสำคัญของจิตวิทยาการเทรด

ตลาดการเงินเต็มไปด้วยความผันผวนและเหตุการณ์เซอร์ไพรส์ที่จุดประกายอารมณ์ได้ง่าย เช่น กลัวเมื่อตลาดตก โลภเมื่อขึ้น หวังเมื่อติดขาดทุน หรือเครียดจากความสูญเสียติดๆ กัน อารมณ์เหล่านี้มักนำไปสู่ความผิดพลาด เช่น ซื้อตอนราคาสูงสุด ขายตอนต่ำสุด หรือยื้อขาดทุนนานเกิน

มือโปรตระหนักดีว่าอารมณ์คือศัตรูหลักของการเทรด พวกเขาจึงทุ่มเทในการเข้าใจและจัดการจิตใจ เพื่อยึดแผนและตัดสินใจจากเหตุผล ไม่ใช่ความรู้สึกชั่วขณะ ซึ่งช่วยให้รักษาความสม่ำเสมอได้

เทคนิคจัดการอารมณ์และความเครียด

การพัฒนาจิตวิทยาต้องฝึกฝนต่อเนื่อง นี่คือวิธีที่ช่วยได้จริง:

  • ยอมรับความจริง: ตลาดไม่อยู่ในมือคุณ แต่คุณควบคุมการตอบสนองได้ การยอมรับนี้ลดแรงกดดัน
  • สมาธิและการเจริญสติ: ฝึกสติเพื่อรับรู้อารมณ์โดยไม่ให้มันครอบงำ
  • การออกกำลังกาย: ออกกำลังสม่ำเสมอเพื่อระบายเครียดและเคลียร์สมอง
  • มีชีวิตส่วนตัว: อย่าปล่อยให้เทรดครอบชีวิตทั้งหมด ใช้เวลากับงานอดิเรก ครอบครัว เพื่อมุมมองที่สมดุล
  • จดบันทึกอารมณ์: บันทึกความรู้สึกระหว่างเทรดควบคู่กับบันทึกดีล เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม
  • โฟกัสที่กระบวนการ: เทรดคือเกมความน่าจะเป็น หากยึดระบบและจัดการเสี่ยงดี ผลดีจะมาเอง
  • นำหลัก “ใจเย็นๆ” มาปรับใช้: ในวัฒนธรรมไทย คำนี้ช่วยได้มาก การไม่ตื่นตระหนกและคิดรอบคอบคือกุญแจ

ความท้าทายและข้อควรพิจารณาเมื่อเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

การเลือกเส้นทางนี้มาพร้อมอุปสรรคที่หลายคนละเลย การรู้และเตรียมรับมือจะช่วยสร้างอาชีพที่ยั่งยืน

รายได้ที่ไม่แน่นอนและความกดดันทางการเงิน

ความจริงอันโหดร้ายคือรายได้ของเทรดเดอร์มือโปรไม่คงที่ ต่างจากงานประจำที่มั่นคง ทำให้ต้องเผชิญแรงกดดันทางการเงินสูง

  • ความผันผวนของกำไร: ถึงมีระบบดี แต่ก็ไม่มีใครกำไรทุกวัน อาจมีช่วงตลาดไม่เอื้อหรือเหตุการณ์เซอร์ไพรส์นำขาดทุน
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: เตรียมเงินสำรอง 6-12 เดือน เพื่อไม่ต้องถอนจากพอร์ตในยามยาก
  • การวางแผนภาษี: แม้บางกำไรยกเว้นภาษี แต่ต้องวางแผนการเงินรวมและรู้เรื่องภาษีให้ดี

ความโดดเดี่ยวและการจัดการเวลาส่วนตัว

อาชีพนี้ต้องใช้สมาธิสูงและมักทำคนเดียว อาจนำไปสู่ความเหงาและขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

  • การแยกตัวทางสังคม: อยู่หน้าจอนานๆ อาจทำให้ความสัมพันธ์จางหาย
  • ความเข้าใจจากคนรอบข้าง: ผู้ใกล้ชิดอาจไม่เข้าใจอาชีพนี้ ทำให้ขาดกำลังใจ
  • การบริหารจัดการเวลา: กำหนดตารางชัดเจนสำหรับเทรด พักผ่อน และกิจกรรมสังคม เพื่อสมดุลชีวิต
  • เข้าร่วมชุมชน: กลุ่มเทรดเดอร์ไทยในฟอรัมอย่าง Pantip หรือ Meetup ช่วยแลกเปลี่ยนและสนับสนุน

การเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

ตลาดไม่เคยหยุดเปลี่ยน มีปัจจัยใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และเหตุการณ์เศรษฐกิจที่กระทบ มือโปรต้องพัฒนาตัวเองเสมอ

  • การเปลี่ยนแปลงของตลาด: กลยุทธ์เก่าอาจล้าสมัย ต้องปรับให้ทัน
  • เทคโนโลยีการเทรด: แพลตฟอร์มพัฒนาต่อเนื่อง เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  • การวิเคราะห์ตัวเอง: ทบทวนผลงานสม่ำเสมอ หาจุดแข็งอ่อนและโอกาสพัฒนา

ตัวอย่าง หากตลาดไทยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ การปรับกลยุทธ์จาก Trend Following ไปเป็นการถือยาวอาจช่วยลดความเสี่ยง

สรุป: กุญแจสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพที่ยั่งยืน

การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพในตลาดทุนไทยคือการผสมผสานระหว่างโอกาสและความท้าทาย ไม่ใช่แค่ทำกำไร แต่ต้องสร้างอาชีพที่อาศัยความรู้ ทักษะ วินัย และจิตใจที่แข็งแกร่ง

กุญแจสำคัญคือ:

  • การเตรียมพร้อมรอบด้าน: ศึกษาตลาดลึกซึ้ง รู้กฎ ก.ล.ต. และเลือกเครื่องมือที่ใช่
  • วินัยเข้มแข็ง: ยึดแผนและจัดการเสี่ยงเคร่งครัด
  • จิตวิทยาการเทรดที่ดี: ควบคุมอารมณ์ให้ตัดสินใจจากเหตุผล
  • การเรียนรู้และปรับตัว: พัฒนาตัวเองต่อเนื่องให้ทันตลาด
  • การบริหารชีวิต: สร้างสมดุลระหว่างเทรด ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพจิต

เทรดคือการเดินทางยาวไกล หากคุณมุ่งมั่น อดทน และเรียนรู้จากทุกประสบการณ์ เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนจะเปิดรับคุณ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเทรดเดอร์มืออาชีพ (FAQ)

การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพในไทย มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง?

ข้อดี: อิสระในการทำงาน, ศักยภาพในการสร้างรายได้สูง, ได้พัฒนาทักษะการวิเคราะห์และการตัดสินใจ, เรียนรู้ตลอดชีวิต ข้อเสีย: รายได้ไม่แน่นอน, ความกดดันสูง, อาจเกิดความโดดเดี่ยว, ต้องใช้เงินทุนสำรองสูง, ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ทั้งหมดด้วยตนเอง

เทรดเดอร์มืออาชีพต้องมีใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว หากคุณเป็นเทรดเดอร์ส่วนบุคคลที่ซื้อขายเพื่อบัญชีของตัวเอง (Proprietary Trader) คุณไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. อย่างเป็นทางการ แต่หากคุณต้องการให้บริการคำแนะนำ หรือบริหารเงินทุนให้ผู้อื่น (เช่น เป็นผู้จัดการกองทุน) คุณจำเป็นต้องมีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. และเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

เงินเดือนหรือรายได้ของเทรดเดอร์มืออาชีพในประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่?

ไม่มีตัวเลขเฉลี่ยที่ตายตัวสำหรับรายได้ของเทรดเดอร์มืออาชีพ เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดเงินทุน, ประสบการณ์, กลยุทธ์, และสภาวะตลาด เทรดเดอร์บางคนอาจทำกำไรได้หลักแสนต่อเดือน ขณะที่บางคนอาจทำได้หลักล้าน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว

หากอยากเริ่มเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ควรเริ่มต้นจากตลาดหุ้นไทย (SET) หรือ Forex ก่อนดี?

การเริ่มต้นขึ้นอยู่กับความสนใจและความเข้าใจส่วนบุคคล

  • ตลาดหุ้นไทย (SET): เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่คุ้นเคย มีข้อมูลข่าวสารเป็นภาษาไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ที่เข้มงวด
  • Forex: มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง (5 วันต่อสัปดาห์) และมีโอกาสทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง แต่มีความผันผวนสูงและต้องใช้ความเข้าใจในการวิเคราะห์คู่เงิน หากเลือกตลาด Forex ควรเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตในประเทศที่เหมาะสม

ไม่ว่าจะเป็นตลาดใด สิ่งสำคัญคือการศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนเริ่มเทรดจริง

เทรดเดอร์มืออาชีพในไทยใช้แพลตฟอร์มการเทรดอะไรเป็นหลัก?

สำหรับตลาดหุ้นไทยและอนุพันธ์ (SET, TFEX) แพลตฟอร์มหลักที่นิยมใช้คือ Streaming ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในไทยให้บริการ
สำหรับการเทรด Forex หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ตลาดในประเทศ แพลตฟอร์มยอดนิยมระดับโลก ได้แก่ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) นอกจากนี้ TradingView ยังเป็นที่นิยมสำหรับการวิเคราะห์กราฟและวางแผนการเทรด

มีแหล่งเรียนรู้หรือคอร์สเรียนสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพในไทยที่แนะนำบ้างไหม?

มีหลายแหล่งที่น่าสนใจ:

  • SET e-Learning: ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีคอร์สฟรีครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานถึงขั้นสูง (www.set.or.th/th/education/set-e-learning)
  • SkillLane และ FutureSkill: มีคอร์สจากผู้เชี่ยวชาญชาวไทยหลายท่าน
  • โบรกเกอร์ต่างๆ: มักมีการจัดสัมมนาออนไลน์และออฟไลน์ฟรี หรือมีบทความ/วิดีโอให้ความรู้
  • หนังสือ: ทั้งของไทยและต่างประเทศเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค, พื้นฐาน, และจิตวิทยาการเทรด
  • กลุ่มหรือชุมชนเทรดเดอร์: ใน Facebook หรือ Pantip ที่มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

การเป็น Full-time Trader ในไทย ต้องเตรียมเงินทุนสำรองไว้เท่าไหร่?

นอกเหนือจากเงินทุนที่ใช้ในการเทรด คุณควรมีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องถอนกำไรหรือเงินต้นออกจากพอร์ตในช่วงที่ผลตอบแทนไม่ดี การมีเงินสำรองจะช่วยลดความกดดันและทำให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมีสติมากขึ้น

เทรดเดอร์มืออาชีพต้องเสียภาษีอย่างไรในประเทศไทย?

สำหรับบุคคลธรรมดาในประเทศไทย:

  • กำไรจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET): ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • กำไรจากการขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX): ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • กำไรจากการเทรด Forex หรือสินทรัพย์อื่นๆ (เช่น คริปโตเคอร์เรนซี): อาจเข้าข่ายเป็นเงินได้พึงประเมินมาตรา 40(4)(ซ) และต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

ความแตกต่างระหว่างเทรดเดอร์มืออาชีพกับนักเก็งกำไรทั่วไปคืออะไร?

ความแตกต่างหลักอยู่ที่ “วินัย” และ “ระบบ”

  • เทรดเดอร์มืออาชีพ: มีแผนการเทรดที่ชัดเจน, มีวินัยในการปฏิบัติตาม, บริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด, ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล, และมุ่งเน้นการสร้างกำไรที่สม่ำเสมอและยั่งยืน
  • นักเก็งกำไรทั่วไป: มักจะเทรดตามอารมณ์, ข่าวลือ, หรือความรู้สึก, ไม่มีแผนที่ชัดเจน, ไม่บริหารความเสี่ยง, และหวังรวยเร็วจากการเทรดครั้งเดียว

เทรดเดอร์มืออาชีพบริหารจัดการความเครียดและความกดดันจากการเทรดอย่างไร?

เทรดเดอร์มืออาชีพมีหลายวิธีในการจัดการความเครียด:

  • การมีสติ: ฝึกสมาธิหรือการเจริญสติเพื่อรู้ทันอารมณ์
  • การพักผ่อนให้เพียงพอ: หลีกเลี่ยงการเทรดเมื่อร่างกายและจิตใจอ่อนล้า
  • การออกกำลังกาย: ช่วยระบายความเครียดและทำให้จิตใจปลอดโปร่ง
  • การมีชีวิตส่วนตัว: ไม่ให้การเทรดเป็นทั้งหมดของชีวิต
  • การยอมรับการขาดทุน: เข้าใจว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกม และจำกัดการขาดทุนตามแผน
  • การปรึกษาหารือ: แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนเทรดเดอร์ หรือผู้ให้คำปรึกษา

發佈留言