66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

pips แปลว่า ความสำคัญของปิ๊ปในการเทรด Forex

Home / ข่าวตลาดเงิน / pip...

meetcinco_com | 25 7 月

pips แปลว่า ความสำคัญของปิ๊ปในการเทรด Forex

บทนำ: ทำความรู้จัก “ปิ๊ป” หัวใจสำคัญของการเทรด Forex

สวัสดีนักลงทุนทุกท่านครับ ในโลกของการเทรดฟอร์เร็กซ์ (Forex) ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย เราเชื่อว่าการติดอาวุธด้วยความรู้ที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดมือใหม่ และผู้ที่ต้องการเจาะลึกในการวิเคราะห์ทางเทคนิค หนึ่งในแนวคิดพื้นฐานแต่ทรงพลังที่คุณจะต้องทำความเข้าใจคือคำว่า “ปิ๊ป” (Pip) ซึ่งย่อมาจาก Percentage In Point หรือบางครั้งก็เรียกว่า Price Interest Point.

ทำไมปิ๊ปถึงสำคัญนัก? ลองนึกภาพว่าคุณกำลังวัดระยะทาง ปิ๊ปก็เปรียบเสมือนหน่วยวัดระยะทางที่เล็กที่สุดแต่แม่นยำที่สุดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือตลาดฟอร์เร็กซ์นั่นเอง การเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อย สามารถสร้างผลกำไรหรือขาดทุนจำนวนมหาศาลได้ หากปราศจากการทำความเข้าใจถึงหน่วยวัดพื้นฐานนี้ การตัดสินใจเทรดของคุณอาจขาดความแม่นยำและประสิทธิภาพ.

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงทุกแง่มุมของปิ๊ป ตั้งแต่คำจำกัดความ การคำนวณมูลค่า ไปจนถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการเทรดและการบริหารความเสี่ยง เราจะอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ผสมผสานศัพท์เทคนิคเข้ากับการเปรียบเทียบในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณสามารถนำความรู้นี้ไปปรับใช้กับการเทรดของคุณได้อย่างมั่นใจ พร้อมแล้วหรือยังครับ? ไปดูกันเลย!

สัญลักษณ์ปิ๊ปในตลาดฟอเร็กซ์

ปิ๊ปคืออะไร? หน่วยวัดการเคลื่อนไหวที่แม่นยำในตลาด Forex

ในตลาดฟอร์เร็กซ์ ราคาของคู่สกุลเงินมักจะถูกแสดงด้วยตัวเลขทศนิยมหลายตำแหน่ง การเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุดก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการเทรดของคุณได้ นั่นคือเหตุผลที่เราใช้ “ปิ๊ป” เป็นหน่วยมาตรฐานในการวัดการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

โดยพื้นฐานแล้ว ปิ๊ปคือหน่วยขั้นต่ำของการเปลี่ยนแปลงราคา สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ ยกเว้นคู่ที่เกี่ยวข้องกับเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) 1 ปิ๊ปจะเท่ากับทศนิยมตำแหน่งที่ 4 ของราคา สำหรับคู่เงินเยนญี่ปุ่น เช่น USD/JPY หรือ EUR/JPY เนื่องจากเงินเยนมีมูลค่าน้อยกว่าสกุลเงินหลักอื่นๆ มาก 1 ปิ๊ปจึงเท่ากับทศนิยมตำแหน่งที่ 2.

ลองนึกภาพ: ถ้าคู่ EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.1234 เป็น 1.1235 นั่นหมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวไป 1 ปิ๊ป หรือถ้าเปลี่ยนจาก 1.1234 เป็น 1.1244 นั่นคือการเคลื่อนไหว 10 ปิ๊ป การใช้ปิ๊ปทำให้เราสามารถสื่อสารและคำนวณการเปลี่ยนแปลงของราคาได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนกว่าการต้องพูดถึงตัวเลขทศนิยมยาวๆ ตลอดเวลา.

การทำความเข้าใจปิ๊ปเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นพื้นฐานในการ:

  • คำนวณกำไรและขาดทุน: คุณได้กำไรกี่ปิ๊ป? ขาดทุนกี่ปิ๊ป?
  • กำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit): คุณต้องการจำกัดความเสี่ยงที่กี่ปิ๊ป? หรือต้องการทำกำไรที่กี่ปิ๊ป?
  • วิเคราะห์ความผันผวนของตลาด: คู่สกุลเงินนี้เคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยกี่ปิ๊ปต่อวัน?

ทุกสิ่งทุกอย่างในการเทรดฟอร์เร็กซ์ล้วนผูกโยงกับหน่วยปิ๊ปอย่างแยกไม่ออก

นักเทรดที่ใช้ปิ๊ปในการวิเคราะห์

จากปิ๊ปสู่ปิเปต: ทำความเข้าใจความละเอียดของการเคลื่อนไหวราคา

นอกเหนือจาก “ปิ๊ป” แล้ว ยังมีหน่วยวัดที่ละเอียดกว่านั้นอีก นั่นคือ “ปิเปต” (Pipette) หรือบางครั้งก็เรียกว่า “เศษปิ๊ป” (Fractional Pip). ปิเปตคือ 1 ใน 10 ของ 1 ปิ๊ป.

ในปัจจุบัน โบรกเกอร์ฟอร์เร็กซ์หลายรายได้นำเสนอราคาแบบทศนิยม 5 ตำแหน่ง (สำหรับคู่สกุลเงินทั่วไป) หรือ 3 ตำแหน่ง (สำหรับคู่เงินเยนญี่ปุ่น) เพื่อให้การเทรดมีความแม่นยำและละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น นั่นคือการแสดงผลของ “ปิเปต” นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น หากคุณเห็นราคา EUR/USD ที่ 1.12345 ตัวเลข ‘5’ ในตำแหน่งที่ 5 คือปิเปต หรือถ้าเป็นคู่ USD/JPY ที่ 109.876 ตัวเลข ‘6’ ในตำแหน่งที่ 3 คือปิเปต

การแสดงราคาในรูปแบบปิเปตช่วยให้นักเทรดสามารถ

  • เห็นการเปลี่ยนแปลงราคาที่ละเอียดขึ้น: แม้การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถจับต้องได้.
  • ได้รับราคาที่ดีกว่า: ในสภาวะตลาดที่ผันผวน การได้ราคาเข้าหรือออกที่แม่นยำกว่าเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างได้.
  • คำนวณสเปรดได้ละเอียดขึ้น: สเปรดสามารถแสดงในหน่วยปิเปต ทำให้คุณทราบค่าใช้จ่ายที่แท้จริงได้แม่นยำยิ่งขึ้น.

แม้ปิเปตจะดูเป็นหน่วยที่เล็กมาก แต่ในการเทรดปริมาณมาก การเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ปิเปตก็อาจส่งผลต่อผลลัพธ์การเทรดของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การทำความเข้าใจทั้งปิ๊ปและปิเปตจะช่วยให้คุณมีความได้เปรียบในการเทรด.

การคำนวณมูลค่าปิ๊ป: กุญแจสู่การประเมินกำไรและขาดทุนของคุณ

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าปิ๊ปคืออะไร คำถามถัดมาคือ “แล้ว 1 ปิ๊ปมีมูลค่าเป็นเงินเท่าไหร่กันแน่?” นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะมันจะเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวของราคาเข้ากับผลกำไรหรือขาดทุนที่คุณจะได้รับในสกุลเงินบัญชีของคุณ

มูลค่าปิ๊ปขึ้นอยู่กับสามปัจจัยหลัก:

  1. คู่สกุลเงินที่เทรด: แต่ละคู่มีลักษณะเฉพาะ (เช่น JPY ที่มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง)
  2. ขนาดล็อต (Lot Size): ปริมาณการเทรดของคุณ
  3. อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสกุลเงินอ้างอิง (Counter Currency) ไม่ใช่สกุลเงินหลักในบัญชีของคุณ

มาทำความเข้าใจขนาดล็อตกันก่อน:

  • ล็อตมาตรฐาน (Standard Lot): เท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน (Base Currency)
  • มินิล็อต (Mini Lot): เท่ากับ 10,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน
  • ไมโครล็อต (Micro Lot): เท่ากับ 1,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน

สูตรการคำนวณมูลค่า 1 ปิ๊ป:

มูลค่า 1 ปิ๊ป = (1 ปิ๊ป / อัตราแลกเปลี่ยน) x ขนาดล็อต

ตัวอย่างการคำนวณ:

1. คู่ EUR/USD (บัญชี USD)

  • ราคาปัจจุบัน: 1.12345
  • 1 ปิ๊ป: 0.0001 (สำหรับคู่ที่ไม่ใช่ JPY)
  • ขนาดล็อต: 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย)

มูลค่า 1 ปิ๊ป = (0.0001 / 1.12345) * 100,000 หน่วย = ประมาณ 8.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) *สำหรับคู่ที่มี USD เป็นสกุลเงินอ้างอิงและบัญชีเป็น USD มูลค่าปิ๊ปจะง่ายขึ้น โดย 1 ล็อตมาตรฐาน = 10 USD ต่อปิ๊ป*

2. คู่ USD/JPY (บัญชี USD)

  • ราคาปัจจุบัน: 109.876
  • 1 ปิ๊ป: 0.01 (สำหรับคู่ JPY)
  • ขนาดล็อต: 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย)

มูลค่า 1 ปิ๊ป = (0.01 / 109.876) * 100,000 หน่วย = ประมาณ 9.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)

การเข้าใจการคำนวณเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถประเมินผลลัพธ์การเทรดได้อย่างแม่นยำก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด ไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวไปกี่ปิ๊ป คุณก็จะสามารถแปลงมันเป็นตัวเลขเงินจริงในบัญชีของคุณได้ทันที นี่คือพลังของปิ๊ปที่แท้จริง!

ความสำคัญของปิ๊ปในการวางแผนกลยุทธ์และบริหารความเสี่ยง

การเทรดฟอร์เร็กซ์ไม่ใช่แค่การคาดเดาทิศทางราคา แต่คือการจัดการความเสี่ยงและการวางแผนกลยุทธ์อย่างรอบคอบ และปิ๊ปคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. การกำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit)

นี่คือหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยง การกำหนดจุด Stop Loss (SL) ที่เป็นปิ๊ปช่วยให้คุณจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่คุณยินดีรับได้ในการเทรดแต่ละครั้ง สมมติว่าคุณต้องการจำกัดการขาดทุนไม่เกิน 2% ของเงินทุนในบัญชีของคุณ ด้วยการคำนวณมูลค่าปิ๊ป คุณสามารถกำหนดจำนวนปิ๊ปของ SL ได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่าง: หากคุณเทรด 1 ล็อตมาตรฐาน EUR/USD และต้องการจำกัดขาดทุนที่ 20 ปิ๊ป คุณรู้ทันทีว่าคุณกำลังเสี่ยงประมาณ 200 ดอลลาร์ (20 ปิ๊ป x $10/ปิ๊ป) การทำเช่นนี้ทำให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ก่อนที่การเทรดจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของนักเทรดมืออาชีพ

ในทำนองเดียวกัน การกำหนดจุด Take Profit (TP) ที่เป็นปิ๊ป ช่วยให้คุณสามารถตั้งเป้าหมายกำไรที่เป็นรูปธรรม เมื่อราคาถึงจุด TP ที่กำหนดไว้ การเทรดของคุณก็จะถูกปิดและรับรู้กำไรทันที.

2. การประเมินอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio)

นักเทรดที่ประสบความสำเร็จจะให้ความสำคัญกับอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอย่างมาก การใช้ปิ๊ปช่วยให้คุณสามารถคำนวณอัตราส่วนนี้ได้อย่างง่ายดาย: (จำนวนปิ๊ปที่คุณตั้งเป้าทำกำไร) / (จำนวนปิ๊ปที่คุณยินดีขาดทุน) หากคุณตั้ง SL ที่ 20 ปิ๊ป และ TP ที่ 60 ปิ๊ป อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณคือ 1:3 ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่ดี

3. การปรับขนาดล็อต (Position Sizing)

เมื่อคุณทราบจำนวนปิ๊ปที่คุณยินดีเสี่ยงในแต่ละการเทรด และมูลค่าของ 1 ปิ๊ปสำหรับคู่สกุลเงินนั้นๆ คุณสามารถปรับขนาดล็อตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณไม่เสี่ยงมากเกินไปในแต่ละการเทรด ไม่ว่าบัญชีของคุณจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม การเทรดอย่างมีวินัยและสอดคล้องกับแผนการบริหารความเสี่ยงคือหัวใจของการอยู่รอดในตลาดในระยะยาว.

สถานการณ์การเทรดที่คำนวณปิ๊ป

สเปรด (Spread) และปิ๊ป: ค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นในการเทรด

ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ ไม่ว่าคุณจะซื้อหรือขายคู่สกุลเงินใดก็ตาม คุณจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า “สเปรด” (Spread) ซึ่งเป็น ค่าใช้จ่ายหลัก ในการเทรดของคุณ สเปรดก็มักจะถูกวัดในหน่วยปิ๊ปเช่นกัน.

สเปรดคืออะไร?

สเปรดคือ ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid Price) และราคาเสนอขาย (Ask Price) เมื่อคุณต้องการ “ซื้อ” คู่สกุลเงิน (เปิดสถานะ Long) คุณจะใช้ราคา Ask ซึ่งเป็นราคาที่โบรกเกอร์พร้อมที่จะขายให้คุณ ในทางกลับกัน เมื่อคุณต้องการ “ขาย” คู่สกุลเงิน (เปิดสถานะ Short) หรือต้องการปิดสถานะ Long คุณจะใช้ราคา Bid ซึ่งเป็นราคาที่โบรกเกอร์พร้อมที่จะซื้อจากคุณ

ความสัมพันธ์ระหว่างสเปรดกับปิ๊ป:

สเปรดจะถูกแสดงเป็นจำนวนปิ๊ป ยกตัวอย่างเช่น ถ้า EUR/USD มีราคา Bid ที่ 1.12340 และราคา Ask ที่ 1.12350 สเปรดคือ 0.00010 หรือ 1 ปิ๊ป นั่นหมายความว่าทันทีที่คุณเปิดสถานะ คุณจะเริ่มต้นด้วยการ “ติดลบ” ทันที 1 ปิ๊ป เพราะคุณต้องจ่ายส่วนต่างนี้ให้กับโบรกเกอร์ การที่ราคาจะต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณต้องการอย่างน้อย 1 ปิ๊ป (หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสเปรด) เพื่อที่จะเท่าทุน.

ประเภทของสเปรด:

  • สเปรดคงที่ (Fixed Spread): สเปรดมีค่าคงที่ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร มักพบในโบรกเกอร์ประเภท Market Maker.
  • สเปรดลอยตัว (Variable Spread): สเปรดจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาด ความผันผวนของตลาด และสภาพคล่อง มักพบในโบรกเกอร์ประเภท ECN/STP. ในช่วงที่ข่าวสำคัญออก หรือตลาดมีความผันผวนสูง สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ.

ความสำคัญของการทำความเข้าใจสเปรดที่วัดในปิ๊ป:

  • ค่าใช้จ่ายในการเทรด: สเปรดคือค่าธรรมเนียมที่คุณต้องจ่ายให้โบรกเกอร์ ยิ่งสเปรดกว้างเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายของคุณก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น.
  • ผลกระทบต่อกลยุทธ์: นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping (เทรดสั้น) ที่เน้นทำกำไรเพียงไม่กี่ปิ๊ป จะต้องให้ความสำคัญกับสเปรดต่ำเป็นพิเศษ เพราะสเปรดที่กว้างสามารถกินกำไรส่วนใหญ่ของพวกเขาไปได้.
  • การเลือกโบรกเกอร์: โบรกเกอร์แต่ละรายมีสเปรดที่แตกต่างกัน การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ.

การเข้าใจสเปรดในหน่วยปิ๊ปจะช่วยให้คุณประเมินค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของการเทรดแต่ละครั้งได้อย่างแม่นยำ และเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ปิ๊ปในคู่สกุลเงินหลัก (Majors): ลักษณะเฉพาะที่คุณควรรู้

ตลาดฟอร์เร็กซ์มีคู่สกุลเงินให้เลือกเทรดมากมาย แต่ “คู่สกุลเงินหลัก” (Major Currency Pairs) คือคู่ที่มีสภาพคล่องสูงสุดและมีปริมาณการเทรดมากที่สุดในโลก การทำความเข้าใจลักษณะของปิ๊ปในแต่ละคู่เหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน

คู่สกุลเงินหลักมักจะเกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) และสกุลเงินหลักอื่นๆ ของโลก โดยมีคุณสมบัติและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันบ้าง แม้หลักการของปิ๊ปจะเหมือนกัน แต่ตำแหน่งทศนิยมและมูลค่าต่อปิ๊ปของพวกมันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ควรทราบ

นี่คือคู่สกุลเงินหลักที่คุณควรรู้ พร้อมลักษณะของปิ๊ป:

  • EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ): เป็นคู่สกุลเงินที่มีการเทรดมากที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูง และมักถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานของตลาด 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 4
  • USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐฯ/เยนญี่ปุ่น): คู่สกุลเงินยอดนิยมอันดับสอง มีความผันผวนสูงเมื่อมีข่าวเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 2 (แตกต่างจากคู่ส่วนใหญ่)
  • GBP/USD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์สหรัฐฯ): หรือที่เรียกว่า “สายเคเบิล” (Cable) มีความผันผวนสูงและมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงกว่าคู่ EUR/USD บ่อยครั้ง 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 4
  • USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐฯ/ฟรังก์สวิส): ฟรังก์สวิสมักถูกมองว่าเป็นสกุลเงินปลอดภัย ดังนั้นราคามักจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 4
  • USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐฯ/ดอลลาร์แคนาดา): หรือที่เรียกว่า “ลูนนี่” (Loonie) ราคามักจะได้รับอิทธิพลจากราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 4
  • AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐฯ): “ออสซี่” (Aussie) ราคามักได้รับอิทธิพลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะแร่เหล็กและถ่านหิน 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 4
  • NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐฯ): “กีวี่” (Kiwi) คล้ายกับ AUD/USD คือได้รับอิทธิพลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่เน้นไปที่ภาคเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์นม 1 ปิ๊ป = ทศนิยมตำแหน่งที่ 4

ตารางมูลค่า 1 ปิ๊ปสำหรับล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) โดยประมาณ (เมื่อเทียบกับบัญชี USD):

คู่สกุลเงิน มูลค่า 1 ปิ๊ป (โดยประมาณ)
EUR/USD 10.00 USD
USD/JPY 9.10 USD (เมื่อ USD/JPY ~ 110)
GBP/USD 10.00 USD
USD/CHF 9.90 USD (เมื่อ USD/CHF ~ 0.99)
USD/CAD 7.70 USD (เมื่อ USD/CAD ~ 1.30)
AUD/USD 10.00 USD
NZD/USD 10.00 USD

การทราบถึงลักษณะเฉพาะและมูลค่าปิ๊ปของแต่ละคู่สกุลเงิน จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว และปรับขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละคู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

การเลือกโบรกเกอร์และแพลตฟอร์ม: ผลกระทบต่อการแสดงผลปิ๊ป

การเลือกโบรกเกอร์ (Broker) และแพลตฟอร์มการเทรด (Trading Platform) ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสบการณ์การเทรดของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความแม่นยำในการแสดงราคาและค่าปิ๊ป

1. การแสดงราคาแบบ 4 หรือ 5 ตำแหน่งทศนิยม:

อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้ว โบรกเกอร์บางรายแสดงราคาแบบ 4 ตำแหน่งทศนิยม ในขณะที่บางรายแสดงแบบ 5 ตำแหน่ง (สำหรับคู่สกุลเงินทั่วไป) และ 2 หรือ 3 ตำแหน่งสำหรับคู่ JPY นี่คือความแตกต่างระหว่างการแสดงผล “ปิ๊ป” และ “ปิเปต” แม้ว่า 1 ปิ๊ปจะยังคงเป็นทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือ 2 สำหรับ JPY) เหมือนเดิม แต่การมีทศนิยมตำแหน่งที่ 5 (ปิเปต) เพิ่มเข้ามา ทำให้คุณสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่ละเอียดอ่อนที่สุดได้

ประโยชน์ของการแสดงผลแบบ 5 ตำแหน่งทศนิยม (รวมปิเปต):

  • ความแม่นยำที่สูงขึ้น: คุณสามารถเข้าและออกจากการเทรดที่ราคาที่แม่นยำกว่า.
  • สเปรดที่ละเอียดกว่า: สเปรดสามารถแสดงในหน่วยปิเปต ทำให้คุณทราบค่าใช้จ่ายที่แท้จริงได้แม่นยำยิ่งขึ้น.
  • เหมาะสำหรับ Scalping: กลยุทธ์ที่เน้นทำกำไรเล็กน้อยต้องการความแม่นยำของราคาในระดับปิเปต.

2. เครื่องมือคำนวณปิ๊ปในแพลตฟอร์ม:

โบรกเกอร์และแพลตฟอร์มการเทรดสมัยใหม่มักจะมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยให้คุณสามารถคำนวณมูลค่าปิ๊ปได้อย่างง่ายดาย เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องคำนวณเองด้วยมือ

แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4 (MetaTrader 4) และ MT5 (MetaTrader 5) รวมถึงแพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์อย่าง Pro Trader ของบางราย มักจะมีฟังก์ชันเหล่านี้ หรือไม่ก็มีอินดิเคเตอร์เสริมที่ช่วยคำนวณมูลค่าปิ๊ปและขนาดล็อตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณตั้งไว้.

เมื่อคุณกำลังพิจารณาเลือกโบรกเกอร์สำหรับการเทรดฟอร์เร็กซ์ หรือมองหาแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โมเนต้า มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ แพลตฟอร์มนี้รองรับ MT4, MT5 และ Pro Trader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่นักเทรดคุ้นเคย พร้อมนำเสนอการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็วและสเปรดต่ำ เพื่อมอบประสบการณ์การเทรดที่ดีเยี่ยมให้กับคุณ

การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่เพียงแต่เสนอการแสดงราคาที่ละเอียด แต่ยังรวมถึงเครื่องมือสนับสนุนการคำนวณปิ๊ปที่ใช้งานง่าย จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดในการคำนวณ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปิ๊ปกับการวิเคราะห์ความผันผวนของตลาดและการปรับกลยุทธ์

นอกจากจะเป็นหน่วยวัดกำไรขาดทุนและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงแล้ว “ปิ๊ป” ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักเทรด วิเคราะห์ความผันผวนของตลาด และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้

1. การวัดระยะการเคลื่อนไหวในแต่ละช่วงเวลา:

นักเทรดสามารถใช้ปิ๊ปเพื่อวัดว่าคู่สกุลเงินหนึ่งๆ เคลื่อนไหวไปกี่ปิ๊ปในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ หรือแม้แต่ในแต่ละช่วงเวลาของวัน การเฝ้าสังเกตและบันทึกข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ “ลักษณะ” ของคู่สกุลเงินนั้นๆ ได้ดียิ่งขึ้น

  • ช่วงการเคลื่อนไหวรายวัน (Daily Range): คู่ EUR/USD โดยเฉลี่ยเคลื่อนไหว 80-120 ปิ๊ปต่อวันหรือไม่? ถ้าวันนี้เคลื่อนไหวเพียง 30 ปิ๊ป อาจบ่งชี้ว่าตลาดกำลังซบเซา หรือกำลังรอข่าวสำคัญ.
  • การเคลื่อนไหวตามช่วงเวลา: ช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์กมักมีความผันผวนสูงกว่าช่วงตลาดเอเชีย นี่คือช่วงเวลาที่ปิ๊ปมีโอกาสเคลื่อนไหวมากที่สุด.

2. การระบุแนวโน้มและความแข็งแกร่ง:

การเคลื่อนไหวของราคาเป็นปิ๊ปสามารถบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแนวโน้มและความแข็งแกร่งของเทรนด์ได้ หากราคาเคลื่อนไหวขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่ (วัดเป็นปิ๊ป) นั่นอาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในทางกลับกัน หากการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเชื่องช้าด้วยแท่งเทียนขนาดเล็ก อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มที่อ่อนแรงหรือตลาดที่อยู่ในช่วงสะสมพลัง

3. การปรับกลยุทธ์ตามสภาวะตลาด:

เมื่อคุณเข้าใจว่าคู่สกุลเงินหนึ่งๆ มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวเฉลี่ยกี่ปิ๊ป คุณสามารถปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณได้

  • หากตลาดมีความผันผวนสูง (เคลื่อนไหวหลายร้อยปิ๊ป): คุณอาจพิจารณาตั้งจุด Take Profit และ Stop Loss ที่กว้างขึ้น เพื่อให้พื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหว และจับโอกาสทำกำไรที่ใหญ่ขึ้น.
  • หากตลาดมีความผันผวนต่ำ (เคลื่อนไหวไม่กี่ปิ๊ป): คุณอาจจะต้องพิจารณาใช้กลยุทธ์เทรดสั้น (Scalping) หรือหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลานั้น หรือปรับขนาดล็อตให้เหมาะสมกับสภาพตลาด เพื่อลดความเสี่ยง.

การใช้ปิ๊ปเป็นตัววัดและวิเคราะห์ความผันผวนของตลาด จะช่วยให้คุณไม่เพียงแค่ “เทรด” แต่ยัง “เข้าใจ” ตลาดที่คุณกำลังเข้าสู่ ทำให้การตัดสินใจของคุณมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้น.

เพิ่มประสิทธิภาพการเทรดด้วยความเข้าใจปิ๊ปอย่างลึกซึ้ง

เมื่อคุณได้เดินทางผ่านแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับ “ปิ๊ป” มาจนถึงจุดนี้ เราหวังว่าคุณจะเห็นแล้วว่า นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่ช่วยให้คุณ:

  • คำนวณผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ: คุณรู้ว่าแต่ละปิ๊ปที่เคลื่อนไหวมีค่าเป็นเงินเท่าไหร่.
  • จัดการความเสี่ยงได้อย่างมีวินัย: คุณสามารถกำหนดขีดจำกัดการขาดทุนและเป้าหมายกำไรได้อย่างชัดเจน.
  • วิเคราะห์ตลาดได้อย่างลึกซึ้ง: คุณเข้าใจความผันผวนและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน.

การนำความรู้นี้ไปปรับใช้ในการเทรดของคุณจะช่วยยกระดับการตัดสินใจของคุณจาก “การคาดเดา” ไปสู่ “การวางแผนเชิงกลยุทธ์” อย่างแท้จริง ไม่มีนักเทรดมืออาชีพคนใดที่จะมองข้ามความสำคัญของปิ๊ปได้เลย

สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนและทดลองใช้ความรู้นี้ในการเทรดจริง เริ่มจากการเทรดในบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อให้คุณคุ้นเคยกับการคำนวณปิ๊ป การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit และการสังเกตการเคลื่อนไหวของปิ๊ปในสภาวะตลาดจริง

หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ไว้ใจได้เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเทรดฟอร์เร็กซ์ หรือต้องการสำรวจสินค้า CFD (Contracts for Difference) ที่หลากหลาย โมเนต้า มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความไว้วางใจจากนักเทรดทั่วโลก ด้วยการกำกับดูแลจากหน่วยงานสำคัญอย่าง FSCA, ASIC, และ FSA ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยของเงินทุนของคุณ นอกจากนี้ยังมีบริการสนับสนุนครบวงจร เช่น การเก็บเงินทุนลูกค้าแยกจากบริษัท, Free VPS และบริการลูกค้าตลอด 24/7 ในภาษาไทย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดมือใหม่และมืออาชีพสามารถเทรดได้อย่างสบายใจ

จำไว้ว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ไม่สิ้นสุด การทำความเข้าใจพื้นฐานอย่างปิ๊ปอย่างถ่องแท้ จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการต่อยอดไปสู่เทคนิคการเทรดที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต

ข้อควรพิจารณาก่อนลงทุนและประโยชน์ของการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม

ก่อนที่คุณจะก้าวเข้าสู่สนามการลงทุนจริงในตลาดฟอร์เร็กซ์ มีหลายสิ่งที่คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด และการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญนั้น

1. ทำความเข้าใจความเสี่ยง:

การเทรดฟอร์เร็กซ์และ CFD มีความเสี่ยงสูง คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจ (Leverage) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มอำนาจการซื้อขายของคุณ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงไปพร้อมกัน คุณต้องมั่นใจว่าคุณเข้าใจว่าปิ๊ปมีผลต่อผลกำไรและขาดทุนของคุณอย่างไร และคุณสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้

2. กำหนดแผนการเทรดที่ชัดเจน:

ก่อนที่จะเปิดสถานะใดๆ คุณควรมีแผนการเทรดที่ชัดเจนเสมอ แผนนี้ควรรวมถึง:

  • กลยุทธ์การเข้าและออก: คุณจะเข้าเทรดเมื่อใด? และจะออกเมื่อใด? (ทั้งในกรณีที่ได้กำไรและขาดทุน).
  • การกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit: ใช้ปิ๊ปที่คุณเรียนรู้มาในการตั้งค่าเหล่านี้.
  • การบริหารเงินทุน: คุณจะเสี่ยงเงินกี่เปอร์เซ็นต์ของบัญชีในแต่ละการเทรด?.

3. ความสำคัญของการเลือกโบรกเกอร์ที่ถูกกำกับดูแล:

นี่คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด การเลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FSCA (แอฟริกาใต้), ASIC (ออสเตรเลีย), FSA (เซเชลส์) หรือ FCA (สหราชอาณาจักร) จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเงินทุนของคุณจะได้รับการคุ้มครองและโบรกเกอร์ปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวด

4. ประโยชน์ของแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพ:

แพลตฟอร์มที่ดีไม่เพียงแต่มีเครื่องมือคำนวณปิ๊ปและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบครัน แต่ยังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น:

  • ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง: ในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว ทุกมิลลิวินาทีมีความหมาย.
  • สเปรดที่แข่งขันได้: ลดต้นทุนในการเทรดของคุณ.
  • เสถียรภาพของแพลตฟอร์ม: คุณไม่ต้องการให้แพลตฟอร์มค้างในเวลาที่สำคัญ.
  • บริการลูกค้า: มีทีมสนับสนุนที่พร้อมช่วยเหลือเมื่อคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัย.

หากคุณกำลังพิจารณาแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมคุณสมบัติเหล่านี้ทั้งหมด และต้องการเริ่มต้นการเทรดอย่างมั่นใจ โมเนต้า มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) เป็นแพลตฟอร์มจากออสเตรเลียที่นำเสนอสินค้าทางการเงินกว่า 1,000 รายการ รวมถึง Forex และ CFD ที่หลากหลาย พร้อมด้วยคุณสมบัติเด่น เช่น การดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว สเปรดที่แข่งขันได้ และทีมสนับสนุนลูกค้าที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเครื่องมือที่แข็งแกร่งในการเทรดและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การลงทุนในความรู้และการเลือกคู่ค้าที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณเดินทางในตลาดฟอร์เร็กซ์ได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

สรุป: ปิ๊ป เครื่องมืออันทรงพลังสำหรับนักเทรด Forex ทุกระดับ

ในท้ายที่สุดนี้ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของ “ปิ๊ป” ซึ่งเป็น หน่วยวัดพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ในตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือนักเทรดที่มีประสบการณ์ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ การทำความเข้าใจปิ๊ปอย่างลึกซึ้งคือสิ่งจำเป็นที่ไม่สามารถมองข้ามได้

เราได้สำรวจกันมาตั้งแต่คำนิยามที่ว่าปิ๊ปคืออะไร การทำความเข้าใจความละเอียดของปิเปต การคำนวณมูลค่าของมันในสกุลเงินจริง ไปจนถึงบทบาทสำคัญของปิ๊ปในการบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์สเปรด และการปรับกลยุทธ์การเทรดให้เข้ากับสภาวะตลาด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแก่นแท้ของการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

จำไว้ว่า การเทรดฟอร์เร็กซ์ไม่ใช่การพนัน แต่เป็นการจัดการความน่าจะเป็นและการบริหารความเสี่ยง การใช้ปิ๊ปเป็นหน่วยวัดมาตรฐานจะช่วยให้คุณมีวินัยในการตัดสินใจ และทำให้คุณสามารถก้าวไปสู่การเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้

เราหวังว่าความรู้ในบทความนี้จะเป็นแสงนำทางให้คุณเดินทางในโลกของการเทรดฟอร์เร็กซ์ได้อย่างมั่นใจ ขอให้คุณสนุกกับการเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการเทรดทุกครั้งครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับpips แปลว่า

Q:ปิ๊ปคืออะไร?

A:ปิ๊ปคือหน่วยวัดขั้นต่ำของการเปลี่ยนแปลงราคาในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่ง 1 ปิ๊ปมีค่าเท่ากับมูลค่าการเคลื่อนไหวราคาของคู่สกุลเงิน.

Q:มูลค่าปิ๊ปมีผลอย่างไรต่อการลงทุน?

A:มูลค่าปิ๊ปจะช่วยในการคำนวณผลกำไรและขาดทุน ทำให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น.

Q:การเลือกโบรกเกอร์มีผลต่อการเทรดอย่างไร?

A:การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพการเทรดของคุณ.

發佈留言