บทนำ: อิตาลีใช้สกุลเงินอะไร? คำตอบที่คุณควรรู้ก่อนเดินทาง
หากคุณกำลังเตรียมตัวเดินทางไปยังอิตาลี ประเทศที่เต็มไปด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์ ผลงานศิลปะอันงดงาม และอาหารอร่อยระดับโลก คำถามที่หลายคนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยมักสงสัยคือเรื่องสกุลเงินที่ใช้กันที่นั่น คำตอบตรงไปตรงมาคืออิตาลีใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของหลายประเทศในสหภาพยุโรป บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับยูโรในอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นที่มาของมัน การแลกเงินสำหรับคนไทย หรือกลยุทธ์การใช้จ่ายที่ชาญฉลาดและปลอดภัย เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่นและมั่นใจยิ่งขึ้น

สกุลเงินหลักของอิตาลีคือ “ยูโร” (EUR) – ทำความเข้าใจก่อนไป
อิตาลีเริ่มใช้ยูโรอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2545 ร่วมกับชาติสมาชิกอื่นๆ ในกลุ่มยูโรโซน การเปลี่ยนมาใช้นี้ช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น ส่งเสริมการค้าขายและการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนในยุโรป ทำให้ผู้มาเยือนอย่างเราเดินทางได้สะดวกสบายกว่าเดิมมาก
ยูโรมาในรูปแบบธนบัตรและเหรียญหลากหลายมูลค่า ดังนี้
- ธนบัตร: มีตั้งแต่ 5€, 10€, 20€, 50€, 100€, 200€ และ 500€ แม้ธนบัตรมูลค่าสูงอย่าง 200€ กับ 500€ จะไม่ค่อยเห็นบ่อย และบางร้านอาจไม่รับเพราะกังวลเรื่องเงินปลอม
- เหรียญ: เริ่มจาก 1 เซนต์, 2 เซนต์, 5 เซนต์, 10 เซนต์, 20 เซนต์, 50 เซนต์, 1€ และ 2€
การรู้จักหน้าตาของธนบัตรและเหรียญเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับตัวได้เร็ว เมื่อถึงเวลาช้อปปิ้งหรือจ่ายเงินในอิตาลี

ย้อนรอยประวัติศาสตร์: สกุลเงิน “ลีรา” ของอิตาลี
ก่อนที่ยูโรจะเข้ามา อิตาลีเคยใช้สกุลเงินลีรา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ลีราไม่ใช่แค่เครื่องมือทางการเงิน แต่ยังสะท้อนวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาวอิตาลีผ่านหลายยุคสมัย การเปลี่ยนจากลีรามายูโรจึงเป็นก้าวสำคัญที่นำอิตาลีรวมตัวเข้ากับเศรษฐกิจยุโรปที่ใหญ่โตและมั่นคงยิ่งขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ในช่วงเปลี่ยนผ่านคือ 1 ยูโร เท่ากับ 1,936.27 ลีรา การปรับตัวครั้งนี้กระทบชีวิตประจำวันของคนอิตาลีอย่างมาก โดยเฉพาะราคาสินค้าที่ดูเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในช่วงแรก แม้ตอนนี้ลีราจะไม่ใช้แล้ว แต่บางครั้งคุณอาจยังได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่พูดถึงมันในเรื่องราวเก่าๆ หรือบริบททางประวัติศาสตร์ สำหรับนักเดินทางอย่างเรา ไม่ต้องกังวลเรื่องแลกหรือใช้ลีราเพราะมันหมดสมัยไปนาน

แลกเงินไปอิตาลี: ยูโรแลกเงินไทยได้เท่าไหร่? (สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ)
อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างยูโรกับเงินบาทไทยนั้นผันผวนตามสถานการณ์ตลาดโลกและนโยบายธนาคาร คุณควรเช็คอัตราปัจจุบันจากเว็บไซต์ธนาคารไทยต่างๆ หรือจาก European Central Bank เพื่อข้อมูลอ้างอิงที่แม่นยำ
เปรียบเทียบช่องทางการแลกเปลี่ยนเงินตราในไทย:
คนไทยที่อยากได้ยูโรมีทางเลือกหลายแบบ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
- ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย: แห่งใหญ่ๆ อย่างธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารไทยพาณิชย์ ให้บริการแลกเงินต่างประเทศได้ง่ายและปลอดภัย แม้บางครั้งอัตราอาจไม่หวานเท่าร้านอิสระ
- ร้านรับแลกเงินอิสระ: อย่าง SuperRich หรือ Grand Superrich มักเสนอเรทดีกว่า แต่สาขาอาจไม่เยอะ และบางทีต้องแลกจำนวนมากถึงจะคุ้ม
- แพลตฟอร์มโอนเงินระหว่างประเทศ (เช่น Wise, Remitly): ไม่ใช่การแลกเงินสดตรงๆ แต่ช่วยโอนบาทไปเป็นยูโรในบัญชีต่างประเทศ หรือใช้บัตรเดบิตที่รองรับหลายสกุล ซึ่งเรทดีและค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะสำหรับจัดการเงินข้ามชาติ Wise (formerly TransferWise)
เคล็ดลับ: ติดตามเรทแลกเปลี่ยนก่อนล่วงหน้า และแลกตอนที่ตลาดดี หลีกเลี่ยงแลกที่สนามบินเพราะเรทมักแพง
เคล็ดลับการแลกเงินให้คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทย:
- แลกเงินล่วงหน้า: ถ้ามีเวลาเตรียมตัว เปรียบเทียบเรทจากหลายที่ในไทยก่อน
- หลีกเลี่ยงการแลกที่สนามบิน: ทั้งในไทยและอิตาลี เรทไม่ค่อยน่าใจ
- ใช้บัตรเดินทางที่รองรับหลายสกุลเงิน: อย่าง Travel Card จากธนาคารไทย หรือบัตรจาก Wise และ Revolut ที่เรทดีและค่าธรรมเนียมต่ำ
- ทำความเข้าใจค่าธรรมเนียม: นอกจากเรทแลก ต้องดูค่าธรรมเนียมแลกหรือถอน ATM ด้วย
วิธีใช้จ่ายเงินในอิตาลีอย่างชาญฉลาดและปลอดภัย (สำหรับนักท่องเที่ยวไทย)
ในการท่องเที่ยวอิตาลี คุณสามารถใช้เงินได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเงินสด บัตรเครดิตเดบิต หรือถอนจากตู้ ATM การรู้จักแต่ละแบบจะช่วยให้คุณบริหารเงินได้ดี ไม่เสียเปรียบ
การใช้บัตรเครดิต/เดบิตในอิตาลี:
บัตรสากลอย่าง Visa กับ Mastercard ใช้ได้กว้างขวางในร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม โดยเฉพาะเมืองใหญ่ แต่มีจุดที่ต้องระวัง
- ร้านค้าขนาดเล็กหรือตลาด: บางแผง ตลาดสด หรือร้านริมทาง รับแต่เงินสด
- ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างประเทศ: บัตรไทยส่วนใหญ่คิด 2-2.5% ต่อธุรกรรม
- Dynamic Currency Conversion (DCC): ถ้ามีตัวเลือกชำระบาทหรือยูโร เลือกยูโรเสมอ เพราะชำระบาท (DCC) เรทแพงกว่า
- บัตรเดินทาง: ลองใช้บัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมต่างประเทศ หรือ Travel Card เติมยูโรตรงๆ
การกดเงินสดจากตู้ ATM (Bancomat):
ตู้ ATM ในอิตาลีเรียก Bancomat มีกระจายทั่วเมืองใหญ่ สามารถถอนด้วยบัตร Visa Mastercard Cirrus หรือ Plus
- ค่าธรรมเนียม: อาจเสียสองชั้น คือจากธนาคารไทย (เช่น 100 บาท/ครั้ง) และจากธนาคารอิตาลี (1-5€ หรือบางตู้ฟรี)
- ความปลอดภัย: ถอนที่ตู้ในธนาคารหรือที่คนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงกลางคืนหรือที่เปลี่ยว
- วงเงินถอน: บางตู้จำกัด 250-300€/ครั้ง ถ้าต้องการมาก อาจถอนหลายรอบ
เงินสดจำเป็นแค่ไหนและพกพาอย่างไรให้ปลอดภัย:
ถึงบัตรจะสะดวก แต่เงินสดยังขาดไม่ได้สำหรับรายจ่ายเล็กๆ อย่างค่าโดยสาร ค่าห้องน้ำ ทิป หรือร้านไม่รับบัตร
- ปริมาณเงินสด: แนะนำ 50-100€/วัน สำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐาน
- การกระจายเงิน: อย่าใส่ที่เดียว แบ่งใส่กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าคาดเอวซ่อน หรือตู้เซฟโรงแรม เพื่อป้องกันการถูกขโมย โดยเฉพาะในจุดท่องเที่ยวคึกคักที่คนไทยควรระวัง Lonely Planet Travel Tips for Italy
- การประกาศเงินสด: ถ้าพกเงินสดเกิน 10,000€ เข้าหรือออกสหภาพยุโรป ต้องแจ้งศุลกากร
ค่าครองชีพและงบประมาณสำหรับการเดินทางไปอิตาลีฉบับคนไทย
ค่าใช้จ่ายในอิตาลีขึ้นกับเมืองและสไตล์ท่องเที่ยว เมืองดังอย่างโรม มิลาน ฟลอเรนซ์ หรือเวนิส มักแพงกว่าชนบทหรือเมืองเล็ก
ตารางประมาณการรายวัน (ต่อคน) สำหรับนักท่องเที่ยวไทย
| ประเภทงบประมาณ | ค่าที่พัก (ต่อคืน) | ค่าอาหาร (ต่อวัน) | ค่าเดินทาง (ต่อวัน) | ค่าเข้าชม/กิจกรรม (ต่อวัน) | รวมโดยประมาณ (ยูโร) |
|---|---|---|---|---|---|
| ประหยัด (Hostel, อาหารง่ายๆ) | 30-60€ | 25-40€ | 10-20€ | 15-30€ | 80-150€ |
| ปานกลาง (โรงแรม 3-4 ดาว, ร้านอาหารทั่วไป) | 80-150€ | 45-70€ | 15-30€ | 30-60€ | 170-310€ |
| หรูหรา (โรงแรม 5 ดาว, ร้านอาหารดีๆ) | 180€+ | 80€+ | 25€+ | 60€+ | 345€+ |
*หมายเหตุ: ตัวเลขเหล่านี้เป็นค่าประมาณการและอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฤดูกาลและพฤติกรรมการใช้จ่ายส่วนบุคคล
เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายในเมืองหลักของอิตาลีโดยรวมสูงกว่า โดยเฉพาะที่พักและอาหารในร้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะบางอย่างอาจใกล้เคียงหรือถูกกว่า
วัฒนธรรมการให้ทิปในอิตาลีที่คุณควรรู้ (เพื่อประสบการณ์ที่ดี)
การให้ทิปในอิตาลีไม่เหมือนหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ที่ต้องให้ตามสัดส่วนชัดเจน ที่นี่มันเป็นทางเลือกเพื่อขอบคุณบริการดีๆ ไม่ใช่หน้าที่
- “Coperto” และ “Servizio”: ร้านอาหารส่วนใหญ่คิด “Coperto” (ค่าตั้งโต๊ะหรือบริการพื้นฐาน) แบบคงที่ต่อคน หรือ “Servizio” (ค่าบริการ) ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์จากบิล เช่น 10-15% ถ้าบิลมีแล้ว ไม่ต้องทิปเพิ่ม
- เมื่อไรควรให้ทิป: ถ้าบริการเยี่ยมและไม่มี “Servizio” ลองปัดเศษบิลให้กลมๆ หรือเพิ่ม 5-10%
- การให้ทิปในโรงแรม: พนักงานยกกระเป๋าให้ 1-2€/ชิ้น แม่บ้าน 1-2€/คืน (วางบนหมอน)
- การให้ทิปคนขับแท็กซี่: ไม่จำเป็น แต่ปัดเศษค่าโดยสารให้กลมได้
สรุปคือ การทิปที่นี่มาจากใจและความพอใจ ไม่ใช่กฎสังคมที่เข้มงวด
สรุป: เตรียมพร้อมเรื่องเงินก่อนเที่ยวอิตาลีอย่างมั่นใจและสนุก
ทริปอิตาลีจะน่าประทับใจถ้าคุณเตรียมเรื่องเงินให้ดี จำไว้ว่าประเทศนี้ใช้ยูโร และมีวิธีชำระหลากหลาย การผสมผสานเงินสดกับบัตร รวมถึงเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น จะทำให้ทุกอย่างลื่นไหล
วางแผนแลกเงินก่อน เช็คราคา และศึกษาค่าธรรมเนียม อย่าลืมดูแลเงินสดและของมีค่าด้วย การเตรียมพร้อมแบบนี้จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับเสน่ห์อิตาลีได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวล
Q1: อิตาลีใช้สกุลเงินอะไรเป็นหลักในปัจจุบัน?
อิตาลีใช้สกุลเงินยูโร (Euro – EUR) เป็นสกุลเงินหลักและเป็นสกุลเงินทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 (ค.ศ. 2002) เป็นต้นมา
Q2: 1 ยูโรแลกเงินไทยได้เท่าไหร่ในวันนี้ และควรแลกที่ไหนให้ได้เรทดีที่สุด?
อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรต่อเงินไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แนะนำให้ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดจากเว็บไซต์ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย หรือจากร้านรับแลกเงินอิสระ เช่น SuperRich ซึ่งมักจะให้อัตราที่ดีกว่าธนาคาร
Q3: คนไทยไปเที่ยวอิตาลี ควรพกเงินสดไปเท่าไหร่ดี และใช้บัตรเครดิต/เดบิตได้สะดวกแค่ไหน?
ควรพกเงินสดติดตัวประมาณ 50-100 ยูโรต่อวัน สำหรับค่าใช้จ่ายเล็กน้อยหรือร้านค้าที่ไม่รับบัตร บัตรเครดิต/เดบิต (Visa, Mastercard) ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในเมืองใหญ่และร้านค้าทั่วไป แต่ควรระวังค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างประเทศและเลือกชำระเป็นสกุลเงินยูโร
Q4: เงินลีราอิตาลี (Italian Lira) ที่เคยใช้ในอดีต ยังสามารถนำมาใช้หรือแลกคืนได้หรือไม่?
ไม่สามารถใช้หรือแลกคืนเงินลีราอิตาลีได้แล้ว ธนาคารกลางของอิตาลีได้สิ้นสุดการรับแลกเปลี่ยนเงินลีราเป็นยูโรไปตั้งแต่ปี 2555 (ค.ศ. 2012)
Q5: วัฒนธรรมการให้ทิปในร้านอาหารหรือโรงแรมที่อิตาลีแตกต่างจากในไทยอย่างไรบ้าง?
การให้ทิปในอิตาลีไม่เป็นข้อบังคับเหมือนในบางประเทศ และมักจะไม่คาดหวังเหมือนในไทย ร้านอาหารบางแห่งอาจมีค่า “Coperto” (ค่าบริการโต๊ะ) หรือ “Servizio” (ค่าบริการ) รวมอยู่ในบิลแล้ว หากไม่มี คุณอาจปัดเศษให้เป็นจำนวนเต็มหรือให้เพิ่ม 5-10% หากบริการดีเยี่ยม
Q6: ค่าครองชีพในเมืองท่องเที่ยวหลักของอิตาลี เช่น โรม หรือ ฟลอเรนซ์ แพงไหม เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ?
ค่าครองชีพในเมืองใหญ่อย่างโรมและฟลอเรนซ์โดยรวมจะสูงกว่ากรุงเทพฯ โดยเฉพาะค่าที่พักและค่าอาหารในร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม ค่าเดินทางสาธารณะบางครั้งอาจใกล้เคียงกันหรือถูกกว่าในบางกรณี
Q7: มีข้อควรระวังเรื่องการเงินอะไรบ้างสำหรับนักท่องเที่ยวไทยเมื่อเดินทางไปอิตาลี?
ควรระมัดระวังการถูกล้วงกระเป๋าในแหล่งท่องเที่ยวที่พลุกพล่าน พกเงินสดเท่าที่จำเป็นและกระจายเก็บไว้หลายที่ หลีกเลี่ยงการชำระเงินด้วยบัตรเป็นสกุลเงินบาท (DCC) และศึกษาค่าธรรมเนียมการถอนเงินจาก ATM ล่วงหน้า
Q8: หากเงินสดหมดฉุกเฉินที่อิตาลี หรือบัตรมีปัญหา ควรทำอย่างไรดี?
หากเงินสดหมดฉุกเฉิน คุณสามารถถอนเงินจากตู้ ATM ได้ หากบัตรมีปัญหา ควรติดต่อธนาคารผู้ออกบัตรในประเทศไทยทันทีเพื่อแจ้งอายัดบัตรและขอคำแนะนำ นอกจากนี้ ควรมีบัตรสำรองหรือบัตร Travel Card อีกใบ และอาจพิจารณาการโอนเงินผ่านบริการอย่าง Wise หรือ Western Union เป็นทางเลือกฉุกเฉิน
Q9: สกุลเงินยูโรมีสัญลักษณ์อะไร และมีธนบัตร/เหรียญแบบไหนบ้างที่ใช้บ่อย?
สัญลักษณ์ของสกุลเงินยูโรคือ “€” ธนบัตรที่ใช้บ่อยคือ 5€, 10€, 20€, 50€ และ 100€ ส่วนเหรียญที่ใช้บ่อยคือ 1 เซนต์, 2 เซนต์, 5 เซนต์, 10 เซนต์, 20 เซนต์, 50 เซนต์, 1€ และ 2€
Q10: การถอนเงินจากตู้ ATM ในอิตาลีด้วยบัตรไทย มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างที่ต้องระวัง?
คุณต้องระวังค่าธรรมเนียมจากธนาคารไทยผู้ออกบัตร (มักจะเป็นค่าธรรมเนียมคงที่ต่อครั้ง เช่น 100 บาท) และค่าธรรมเนียมจากธนาคารเจ้าของตู้ ATM ในอิตาลี ซึ่งบางตู้มีค่าธรรมเนียม และบางตู้ไม่มี ควรตรวจสอบข้อความบนหน้าจอ ATM ก่อนยืนยันการทำรายการ