66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

หุ้นแนสแด็ก: 5 วิธีลงทุนในบริษัทเทคฯ ระดับโลกจากไทย ทำกำไรอย่างไรให้มั่นใจ

Home / วิเคราะห์หุ้นสหรัฐฯ / หุ้...

meetcinco_com | 11 10 月

หุ้นแนสแด็ก: 5 วิธีลงทุนในบริษัทเทคฯ ระดับโลกจากไทย ทำกำไรอย่างไรให้มั่นใจ

บทนำ: ทำความรู้จัก “หุ้นแนสแด็ก” ประตูสู่การลงทุนในนวัตกรรมระดับโลก

ในยุคที่การลงทุนข้ามพรมแดนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ชื่อของ “หุ้นแนสแด็ก” หรือ Nasdaq จึงกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่อยากเติบโตไปพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Nasdaq ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นธรรมดา แต่เป็นศูนย์กลางของบริษัทชั้นนำที่กำหนดอนาคตของโลกในด้านเทคโนโลยี บทความนี้จะพาคุณนักลงทุนไทยไปค้นพบว่า Nasdaq คืออะไร ดัชนี Nasdaq 100 สำคัญยังไง และที่สำคัญคือวิธีลงทุนในหุ้นแนสแด็กจากไทยแบบครบถ้วน ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

นักลงทุนทั่วโลกมองดูกราฟหุ้นแนสแด็ก ประตูสู่นวัตกรรมและเทคโนโลยี

แนสแด็ก คืออะไร? ประวัติและลักษณะเด่นของตลาดหุ้นแห่งนวัตกรรม

ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ถือเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในแง่มูลค่าตลาด รองจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และเป็นตลาดแรกในสหรัฐฯ ที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการซื้อขายหุ้นทั้งหมด ตลาดนี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับบริษัทขนาดเล็กและกลางที่มีนวัตกรรมสูง ซึ่งต่อมากลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคย

วิวัฒนาการประวัติศาสตร์ของตลาดแนสแด็ก ระบบซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์และผู้ดูแลสภาพคล่อง

กำเนิดและพัฒนาการของตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก

Nasdaq เริ่มต้นในปี 1971 จากสมาคมผู้ค้าหลักทรัพย์แห่งชาติ (National Association of Securities Dealers – NASD) ด้วยแนวคิดสร้างตลาดที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แทนการซื้อขายแบบเก่าที่ต้องพึ่งพาคนกลางคอยจับคู่ออร์เดอร์ ระบบนี้ทำให้ Nasdaq นำหน้าทุกคนและกลายเป็นต้นแบบให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ในช่วงแรก มันเป็นตลาดสำหรับบริษัทที่เติบโตเร็วและเน้นนวัตกรรม ประวัติศาสตร์ของแนสแด็ก แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวผ่านวิกฤติต่างๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในปัจจุบัน

ความแตกต่างจากตลาดหุ้นอื่น (เช่น NYSE)

จุดต่างหลักระหว่าง Nasdaq กับตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) คือรูปแบบการทำงานและประเภทบริษัทที่ดึงดูด NYSE ยังยึดระบบ “Floor Trading” หรือซื้อขายในห้องค้าที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือ ขณะที่ Nasdaq เป็นตลาดแบบ “Dealer-driven” ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ โดยมีผู้ดูแลสภาพคล่องหลายรายเสนอราคาซื้อขาย นอกจากนี้ Nasdaq ยังดึงดูดบริษัทด้านเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ ชีวเทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก ต่างจาก NYSE ที่รวมบริษัทอุตสาหกรรมดั้งเดิมขนาดใหญ่จากหลายภาคส่วน

เจาะลึกดัชนี Nasdaq 100: หัวใจสำคัญของหุ้นเทคฯ ระดับโลก

เมื่อเอ่ยถึงการลงทุนใน Nasdaq นักลงทุนมักนึกถึง “Nasdaq 100” ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนผลงานของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและนวัตกรรมอื่นๆ ที่จดทะเบียนในตลาดนี้

ดัชนี Nasdaq 100 แสดงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple Microsoft Amazon

Nasdaq 100 คืออะไร? ทำไมจึงเป็นที่จับตาของนักลงทุน

ดัชนี Nasdaq 100 ประกอบด้วยหุ้นของบริษัท 100 แห่งที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงสุดใน Nasdaq โดยไม่รวมบริษัทในภาคการเงิน มันเป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด ทำให้บริษัทใหญ่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวมากกว่า ดัชนี Nasdaq 100 จึงเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั่วโลก ด้วยองค์ประกอบที่เน้นบริษัทเติบโตสูง ดัชนีนี้ดึงดูดนักลงทุนที่หวังผลตอบแทนดี แม้จะผันผวนกว่าตลาดโดยรวม

รายชื่อหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำใน Nasdaq 100 ที่ควรรู้

Nasdaq 100 มีชื่อเสียงจากบริษัทเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลสูง ตัวอย่างบริษัทหลัก ได้แก่:

  • Apple (AAPL): ผู้ผลิต iPhone, Mac และบริการต่างๆ ที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
  • Microsoft (MSFT): ผู้นำซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ คลาวด์อย่าง Azure และฮาร์ดแวร์
  • Amazon (AMZN): เจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซและคลาวด์คอมพิวติ้งผ่าน AWS
  • Alphabet (GOOGL): บริษัทแม่ของ Google ชำนาญการค้นหาออนไลน์ โฆษณา และ AI
  • Tesla (TSLA): ผู้บุกเบิก차ยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือก
  • Meta Platforms (META): บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ชำนาญโซเชียลมีเดียและเมตาเวิร์ส

รายชื่อเหล่านี้แสดงถึงความหลากหลายและศักยภาพของบริษัทในดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งขับเคลื่อนโลกด้วยนวัตกรรม

เปรียบเทียบ Nasdaq 100 กับดัชนีอื่น (S&P 500, Dow Jones)

การเทียบ Nasdaq 100 กับดัชนีหลักอื่นๆ ในสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average ช่วยให้เห็นลักษณะเฉพาะและระดับความเสี่ยง:

  • Nasdaq 100: เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ไม่รวมการเงิน) ผันผวนสูงแต่เติบโตได้ดี
  • S&P 500: รวม 500 บริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ ครอบคลุมหลายภาคส่วน สมดุลและหลากหลายกว่า Nasdaq 100
  • Dow Jones Industrial Average (DJIA): รวม 30 บริษัทใหญ่จากอุตสาหกรรมต่างๆ เก่าแก่และสะท้อนเศรษฐกิจกว้าง แต่มีบริษัทน้อยและถ่วงน้ำหนักด้วยราคาหุ้น

สรุปแล้ว Nasdaq 100 เหมาะกับคนที่เชื่อในเทคโนโลยีและรับผันผวนได้ ขณะที่ S&P 500 ให้สมดุลดีกว่า และ Dow Jones สำหรับบริษัทมั่นคงแบบเก่าแก่

วิธีการลงทุนในหุ้นแนสแด็กสำหรับนักลงทุนไทย: เลือกเส้นทางที่ใช่

นักลงทุนไทยที่สนใจหุ้นแนสแด็กมีทางเลือกหลายแบบ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียและความซับซ้อนต่างกัน การเลือกขึ้นอยู่กับความรู้ ประสบการณ์ และเป้าหมายของคุณ

การลงทุนผ่านกองทุนรวมและ ETF (Exchange Traded Funds)

วิธีนี้เหมาะกับมือใหม่หรือคนที่อยากกระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องเลือกหุ้นทีละตัว โดยเฉพาะลงทุนใน Nasdaq 100 ผ่านกองทุนรวมดัชนีหรือ ETF ข้อดีคือ:

  • กระจายความเสี่ยง: ลงทุนหลายหุ้นพร้อมกัน ลดความเสี่ยงจากหุ้นตัวเดียว
  • สะดวก: ไม่ต้องวิเคราะห์เอง มีผู้จัดการหรือระบบติดตามดัชนี
  • เข้าถึงง่าย: ซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ไทยได้เลย

ในไทยมีกองทุนและ ETF หลายตัวที่ลงทุนใน Nasdaq 100 โดยตรงหรือทางอ้อม เช่น กองทุน KKP NDQ100 จาก บลจ. เกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็น ETF จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงทุนในหุ้นชั้นนำ 100 อันดับผ่านหน่วยลงทุนต่างประเทศ KKP NDQ100 ETF เป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย

การซื้อหุ้นแนสแด็กโดยตรงผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ

สำหรับคนมีประสบการณ์ที่อยากควบคุมการลงทุนเต็มที่ การซื้อหุ้นตรงผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศเป็นทางเลือกดี โบรกเกอร์ยอดฮิตสำหรับคนไทย เช่น Interactive Brokers (IBKR), Mitrade, FBS หรือ Saxo Bank ขั้นตอนหลักมีดังนี้:

  • เปิดบัญชีซื้อขาย: เลือกโบรกเกอร์น่าเชื่อถือและเปิดบัญชีสำหรับหุ้นต่างประเทศ
  • ยืนยันตัวตน: ส่งเอกสารอย่างบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และยืนยันที่อยู่
  • ฝากเงิน: โอนจากธนาคารไทยไปบัญชีโบรกเกอร์ มักต้องแลกเป็น USD ก่อน
  • เริ่มซื้อขาย: เมื่อเงินเข้าบัญชี ก็เลือกซื้อหุ้นแนสแด็กตามต้องการ

ข้อดีคือยืดหยุ่น สามารถเลือกหุ้นตามวิเคราะห์ตัวเอง แต่ต้องจัดการบัญชี แลกเงิน และกฎต่างประเทศให้ดี

การลงทุนใน CFD (Contract for Difference) ที่เชื่อมโยงกับแนสแด็ก

CDF เป็นอนุพันธ์ที่ช่วยเก็งกำไรจากราคาสินทรัพย์อ้างอิง เช่น Nasdaq 100 หรือหุ้นตัวในแนสแด็ก โดยไม่ต้องถือสินจริง ข้อดีคือใช้เลเวอเรจเพิ่มผลตอบแทน และทำกำไรได้ทั้งขึ้นลง แต่เสี่ยงสูงเพราะเลเวอเรจขยายขาดทุนได้เช่นกัน เหมาะกับคนเข้าใจอนุพันธ์และรับเสี่ยงสูง

ข้อควรพิจารณาและขั้นตอนสำหรับนักลงทุนไทย

การลงทุนหุ้นแนสแด็กจากไทยต้องคิดถึงเรื่องเหล่านี้:

  • อัตราแลกเปลี่ยน: ลงทุนใน USD เผชิญความเสี่ยงบาท/ดอลลาร์ ซึ่งกระทบผลตอบแทน
  • ภาษี: มีภาษีเงินปันผลหักที่สหรัฐฯ และกำไรขายหุ้นต้องรวมคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาในไทยตาม ประกาศกรมสรรพากร (ถ้านำเงินกลับปีเดียวกัน) ต้องวางแผนภาษีดีๆ
  • ค่าธรรมเนียม: คิดค่าคอม ค่าโอน และค่าดูแลบัญชี
  • การเลือกแพลตฟอร์ม: เลือกโบรกเกอร์น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาต และเครื่องมือเหมาะกับสไตล์คุณ
  • กฎระเบียบ: เข้าใจกฎ Nasdaq และกฎลงทุนต่างประเทศของไทย

วิเคราะห์หุ้นแนสแด็ก: กลยุทธ์และปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด

การวิเคราะห์หุ้นแนสแด็กต้องดูทั้งพื้นฐาน เทคนิค ข่าวสาร และเหตุการณ์สำคัญที่กระทบตลาดเทคโนโลยี

ปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนตลาดแนสแด็ก

ตลาด Nasdaq ได้รับผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและเศรษฐกิจใหญ่:

  • นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ: การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สามารถเปลี่ยนเกมและผลักดันบริษัทในตลาด
  • ผลประกอบการของบริษัท: รายได้กำไรของยักษ์เทคโนโลยีบอกสุขภาพตลาด
  • อัตราดอกเบี้ย: การเปลี่ยนของ Fed กระทบหุ้นเติบโตเพราะต้นทุนกู้และมูลค่ากระแสเงินสดอนาคต
  • เศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อ: สภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อกระทบความต้องการสินค้าเทคโนโลยี
  • นโยบายภาครัฐและกฎระเบียบ: กฎใหม่ๆ เช่น ควบคุมยักษ์เทคหรือส่งเสริมอุตสาหกรรม สามารถสั่นคลอนตลาด

เครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์สำหรับหุ้นแนสแด็ก

นักลงทุนใช้เครื่องมือหลากหลายในการวิเคราะห์หุ้นแนสแด็ก:

  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis): ดูงบการเงินอย่างกำไรขาดทุน ดุล และกระแสเงินสด รวมถึงธุรกิจ ความได้เปรียบ และแนวโน้มอุตสาหกรรม เพื่อหามูลค่าจริง
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): ศึกษาราคาและปริมาณซื้อขายจากกราฟ ใช้ตัวชี้อย่างแนวรับต้าน Moving Averages RSI MACD เพื่อหาจุดเข้า-ออก

ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตาม

การติดตามข่าวสำคัญจำเป็นสำหรับลงทุนในแนสแด็ก:

  • การประกาศผลประกอบการ: บริษัทเทคประกาศรายไตรมาส ราคาผันผวนสูง
  • ข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่และนวัตกรรม: การเปิดตัวใหม่หรือก้าวหน้าทางเทคช่วยหนุนราคา
  • ข่าวเศรษฐกิจมหภาค: ตัวเลขอย่างเงินเฟ้อ GDP ว่างงาน และนโยบาย Fed
  • ข่าวการควบรวมกิจการ (M&A): การซื้อขายกิจการเพิ่มมูลค่าให้บริษัทเกี่ยวข้อง

การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้และใช้เครื่องมือเหมาะสมช่วยวิเคราะห์ได้มีประสิทธิภาพ

ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการลงทุนหุ้นแนสแด็ก

แม้หุ้นแนสแด็กจะให้ผลตอบแทนสูง แต่มีความเสี่ยงที่ต้องระวังและจัดการ:

  • ความผันผวนสูง: หุ้นเทคผันผวนเพราะข่าว เทคโนโลยี และดอกเบี้ย
  • ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: คนไทยเจอความเสี่ยงบาท/ดอลลาร์ที่กัดผลตอบแทน
  • ความเสี่ยงเฉพาะตัวของบริษัท: ดัชนี Nasdaq 100 พึ่งพาบริษัทเทคไม่กี่แห่งมากเกินไป
  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: รัฐบาลอาจออกกฎควบคุมยักษ์เทค กระทบธุรกิจและกำไร
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: สงครามการค้าหรือความตึงเครียดกระทบตลาดโลกและ Nasdaq

บริหารเสี่ยงด้วยการกระจายสินทรัพย์หรือตั้ง Stop-Loss เพื่อจำกัดขาดทุน

สรุป: วางแผนลงทุนในอนาคตกับหุ้นแนสแด็ก

หุ้นแนสแด็กและ Nasdaq 100 นำเสนอโอกาสน่าตื่นเต้นในการลงทุนกับบริษัทที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมโลก ด้วยการเข้าใจพื้นฐาน วิธีลงทุนหลากหลาย และปัจจัยสำคัญทั้งโอกาสเสี่ยง นักลงทุนไทยวางแผนได้ดี ไม่ว่าจะผ่านกองทุน ETF เพื่อความสะดวก ซื้อตรงผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศเพื่อควบคุม หรือ CFD สำหรับเสี่ยงสูง สิ่งสำคัญคือศึกษาลึก ประเมินเสี่ยงที่รับได้ และเลือกทางที่ตรงเป้าหมายการเงิน การลงทุนใน Nasdaq คือการลงทุนอนาคต แต่ต้องทำด้วยความรอบคอบ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้นแนสแด็กโดยตรงได้หรือไม่?

ได้ นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้นแนสแด็กได้โดยตรงผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ซึ่งจะต้องเปิดบัญชีและโอนเงินเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ไปยังโบรกเกอร์นั้นๆ

มีกองทุนรวมหรือ ETF ตัวไหนบ้างที่ลงทุนใน Nasdaq 100 สำหรับคนไทย?

มีหลายกองทุนรวมและ ETF ที่ลงทุนใน Nasdaq 100 สำหรับคนไทย ตัวอย่างเช่น กองทุนรวมดัชนี KKP NDQ100 ของ บลจ. เกียรตินาคินภัทร ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกองทุนรวมอื่นๆ ที่ลงทุนใน ETF ที่อ้างอิง Nasdaq 100 ในต่างประเทศ

การลงทุนในหุ้นแนสแด็กต้องเสียภาษีในประเทศไทยอย่างไร?

กำไรจากการขายหุ้นในต่างประเทศ (Capital Gain) หากนำเงินกลับเข้ามาในประเทศไทยภายในปีภาษีเดียวกัน จะต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นต่างประเทศ อาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในต่างประเทศก่อน และอาจต้องนำมาคำนวณภาษีในไทยอีกครั้ง หากมีข้อตกลงทางภาษีระหว่างประเทศ อาจได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี

ควรเริ่มต้นลงทุนในหุ้นแนสแด็กด้วยเงินเท่าไหร่?

จำนวนเงินเริ่มต้นขึ้นอยู่กับช่องทางการลงทุน หากลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือ ETF อาจเริ่มต้นได้ด้วยเงินหลักพันบาท แต่หากซื้อหุ้นโดยตรงผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ อาจต้องใช้เงินลงทุนที่สูงกว่าเนื่องจากราคาหุ้นแต่ละตัวและค่าธรรมเนียมต่างๆ ควรพิจารณาจากความสามารถในการรับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของคุณ

ความเสี่ยงหลักๆ ของการลงทุนใน Nasdaq 100 คืออะไร?

ความเสี่ยงหลักได้แก่ ความผันผวนของราคาหุ้นเทคโนโลยีที่สูง, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (บาท/ดอลลาร์), ความเสี่ยงเฉพาะตัวของบริษัทที่อยู่ในดัชนี, และความเสี่ยงจากกฎระเบียบของภาครัฐที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี

การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (USD) มีผลต่อการลงทุนหุ้นแนสแด็กอย่างไร?

การลงทุนในหุ้นแนสแด็กต้องใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ดังนั้น หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ผลตอบแทนเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาทลดลง และในทางกลับกัน หากเงินบาทอ่อนค่าลง ก็จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาทได้

มีโบรกเกอร์ต่างประเทศรายใดบ้างที่นักลงทุนไทยนิยมใช้เพื่อซื้อหุ้นแนสแด็ก?

โบรกเกอร์ต่างประเทศที่นักลงทุนไทยนิยมใช้เพื่อซื้อหุ้นแนสแด็ก ได้แก่ Interactive Brokers (IBKR), Mitrade, FBS, Saxo Bank และอื่นๆ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือและมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม

ควรติดตามข่าวสารและข้อมูลของหุ้นแนสแด็กจากแหล่งใดที่น่าเชื่อถือ?

ควรติดตามจากแหล่งข่าวทางการเงินที่น่าเชื่อถือ เช่น Bloomberg, Reuters, The Wall Street Journal, เว็บไซต์ทางการของ Nasdaq, และเว็บไซต์ข่าวสารการลงทุนของไทยที่รายงานข่าวต่างประเทศ

ดัชนี Nasdaq 100 แตกต่างจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) อย่างไร?

ดัชนี Nasdaq 100 ประกอบด้วย 100 บริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่บริษัทการเงินในสหรัฐฯ โดยเน้นการเติบโตและเทคโนโลยีเป็นหลัก ส่วนดัชนี SET Index เป็นดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครอบคลุมบริษัทในหลากหลายภาคส่วน

การลงทุนในหุ้นแนสแด็กเหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน?

การลงทุนในหุ้นแนสแด็กเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนได้สูง มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของเทคโนโลยีและนวัตกรรม และมีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว เพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัทเหล่านี้

發佈留言