บทนำ: เงินเฟ้อคืออะไร และทำไมคุณควรรู้?
เงินเฟ้อคือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าของเงินในมือเราลดลงไปทีละน้อย กล่าวง่ายๆ คือ เงินบาทเดียวกันที่เคยซื้อของได้มาก ตอนนี้กลับซื้อได้น้อยกว่าเดิม ปัญหานี้กำลังกระทบคนไทยหลายล้านคน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพที่พุ่งสูง ค่าอาหารที่แพงขึ้น หรือบิลค่าสาธารณูปโภคที่ปรับเพิ่ม ทำให้หลายคนรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายในกระเป๋าไม่เคยพอเหมือนเมื่อก่อน

การเข้าใจที่มาของเงินเฟ้อจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่แค่ช่วยให้เรามองเห็นภาพเศรษฐกิจปัจจุบันชัดเจนขึ้น แต่ยังเป็นกุญแจในการจัดการการเงินส่วนตัวและรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้ดีกว่าเดิม บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุหลักๆ ของเงินเฟ้อ ทั้งในระดับโลกและเฉพาะเจาะจงกับประเทศไทย พร้อมเคล็ดลับปฏิบัติจริงที่คนไทยนำไปใช้ได้ทันที เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
สาเหตุหลักของเงินเฟ้อ: ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ของแพงขึ้น?
ราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นไม่ได้เกิดจากเรื่องเดียว แต่มาจากหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกัน เราสามารถแบ่งสาเหตุเหล่านี้ออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น

เงินเฟ้อด้านอุปสงค์ดึง (Demand-Pull Inflation): เมื่อความต้องการล้นตลาด
ประเภทนี้เกิดเมื่อผู้คนต้องการซื้อสินค้าและบริการมากกว่าที่เศรษฐกิจผลิตได้ในราคาปกติ ส่งผลให้ผู้ขายสามารถขึ้นราคาได้โดยง่าย ปัจจัยที่จุดชนวนมักมาจาก
- นโยบายการคลังที่กระตุ้นเศรษฐกิจ: รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่าย เช่น สร้างโครงการใหญ่หรือแจกเงินช่วยเหลือ ทำให้เงินในระบบหมุนเวียนเร็วขึ้นและคนใช้จ่ายมากกว่าเดิม
- การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง: เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว รายได้คนเพิ่ม ความมั่นใจสูงขึ้น ก็ยิ่งเร่งให้ความต้องการสินค้าพุ่ง
- การเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินในระบบ: ธนาคารกลางผ่อนคลายนโยบาย เช่น ลดดอกเบี้ยหรือปล่อยสภาพคล่องเยอะเกินไป ทำให้เงินในตลาดล้นและดันอุปสงค์
ตัวอย่างที่เห็นชัดในอดีตคือช่วงเศรษฐกิจบูมหลังวิกฤต ซึ่งทำให้ราคาโดยรวมขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว
เงินเฟ้อด้านต้นทุนผลัก (Cost-Push Inflation): เมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
กรณีนี้เกิดจากต้นทุนที่ผู้ผลิตต้องจ่ายเพิ่มขึ้นโดยตรง ทำให้ต้องส่งต่อภาระนั้นไปยังลูกค้าผ่านราคาสินค้าที่แพงกว่า แม้อุปสงค์จะไม่เปลี่ยนมากนัก สาเหตุหลักๆ ได้แก่
- ราคาน้ำมันและพลังงานที่สูงขึ้น: น้ำมันเป็นหัวใจของการผลิตและขนส่ง เมื่อราคาโลกพุ่ง ทุกอุตสาหกรรมต่างเดือดร้อน
- ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น: ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตเกษตร โลหะ หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หากราคาพุ่ง ต้นทุนทั้งระบบก็ตามไป
- ค่าแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น: ถ้าค่าแรงขั้นต่ำขึ้นแต่ประสิทธิภาพแรงงานไม่เพิ่มตาม ผู้ประกอบการต้องปรับราคาเพื่อรักษากำไร
- ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน: เช่น การล็อกดาวน์ การขาดตู้คอนเทนเนอร์ หรือสงครามการค้าที่ทำให้ขนส่งล่าช้าและแพง
ช่วงโควิด-19 คือตัวอย่างที่ชัดเจน เมื่อห่วงโซ่โลกสะดุด สินค้าขาดแคลนและราคาพุ่ง
เงินเฟ้อที่เกิดจากโครงสร้าง (Structural Inflation): ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ
เงินเฟ้อแบบนี้มาจากจุดอ่อนในระบบเศรษฐกิจเอง ไม่เกี่ยวกับอุปสงค์หรืออุปทานโดยตรง แต่เป็นเรื่องของโครงสร้างและประสิทธิภาพ เช่น
- การผูกขาดหรือการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์: ถ้าตลาดมีผู้เล่นน้อยราย ก็อาจกำหนดราคาสูงเกินจริง
- โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ: ระบบขนส่งล้าหลังทำให้ค่าขนส่งแพงโดยไม่จำเป็น
- ปัญหาการผลิตในภาคเกษตร: ภัยแล้งหรือน้ำท่วมทำลายผลผลิต ส่งผลให้ราคาอาหารผันผวน
ในไทย ปัญหาเหล่านี้มักเชื่อมโยงกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการนำเข้าและเกษตรกรรมมาก
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อ
นอกจากสาเหตุหลัก ยังมีปัจจัยเสริมที่ทำให้เงินเฟ้อรุนแรงขึ้น เช่น
- อัตราแลกเปลี่ยน: เงินบาทอ่อนค่าทำให้สินค้านำเข้าแพงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนทั้งประเทศ
- ความคาดหวังเงินเฟ้อของประชาชน: ถ้าทุกคนคาดว่าราคาจะขึ้น ก็อาจรีบปรับราคาหรือเรียกค่าจ้างเพิ่ม สร้างวงจรเงินเฟ้อที่แท้จริง
ปัจจัยเหล่านี้มักทำงานร่วมกัน ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น
เจาะลึกสถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทย: ปัจจัยเฉพาะที่ต้องจับตา
แม้สาเหตุเงินเฟ้อจะคล้ายกันทั่วโลก แต่ในไทยมีบริบทเฉพาะที่ทำให้สถานการณ์แตกต่าง เรามาดูรายละเอียดกัน

สถิติและแนวโน้มเงินเฟ้อของไทยในช่วงที่ผ่านมา
ไทยเพิ่งผ่านช่วงเงินเฟ้อสูงและผันผวน โดยเฉพาะหลังโควิด-19 และความตึงเครียดระหว่างประเทศที่กระทบราคาพลังงานกับห่วงโซ่อุปทาน ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานและทั่วไปอย่างใกล้ชิด พบว่าปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานและอาหารสด
บางปี เงินเฟ้อพุ่งเกินกรอบเป้าหมาย 1-3% ของ BOT แต่ค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อสถานการณ์โลกคลี่คลายและรัฐบาลควบคุมได้
ข้อมูลจาก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) แสดงการเปลี่ยนแปลงในหมวดอาหาร เครื่องดื่ม และพลังงานที่กระทบค่าครองชีพโดยตรง โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ที่รู้สึกหนักที่สุด
ผลกระทบของนโยบายรัฐบาลและธนาคารกลางไทย
ทั้งรัฐบาลและ BOT มีบทบาทหลักในการรับมือเงินเฟ้อ
- นโยบายการเงินของ BOT: ใช้ดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือหลัก เมื่อเงินเฟ้อพุ่ง BOT อาจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดการใช้จ่ายและเงินในระบบ พร้อมรักษาค่าเงินบาทให้มั่นคง
- นโยบายการคลังของรัฐบาล: ออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น ตรึงราคาน้ำมัน ลดภาษีน้ำมัน หรืออุดหนุนค่าไฟ เพื่อลดภาระประชาชนและธุรกิจ แต่ต้องระวังผลต่องบประมาณระยะยาว
การประสานงานระหว่างสองฝ่ายนี้ช่วยให้ไทยผ่านพ้นวิกฤตได้หลายครั้ง
ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อไทย
ไทยเป็นเศรษฐกิจเปิด พึ่งพาการค้ากับโลกสูง จึงรับผลกระทบจากภายนอกเต็มๆ
- ราคาน้ำมันและพลังงานโลก: ราคาน้ำมันดิบผันผวนกระทบต้นทุนผลิต ขนส่ง และบิลค่าสาธารณูปโภค
- ราคาวัตถุดิบและอาหารในตลาดโลก: ราคาปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ขึ้น ส่งผลต่ออุตสาหกรรมไทยทั้งหมด
- ปัญหาห่วงโซ่อุปทานและภูมิรัฐศาสตร์: สงครามหรือการหยุดชะงักโลกทำให้นำเข้าลำบากและแพง
- เศรษฐกิจโลก: ถ้าโลกชะลอ การส่งออกไทยลด แต่ถ้าฟื้นตัวเร็ว ราคาวัตถุดิบก็พุ่ง
ตัวอย่างล่าสุดคือสงครามยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงานโลกพุ่ง กระทบไทยโดยตรง
ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อภาคส่วนต่างๆ ในประเทศไทย
เงินเฟ้อไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่กระทบทุกมุมของสังคมไทย ตั้งแต่บ้านๆ ไปจนถึงนโยบายรัฐ
ผลกระทบต่อครัวเรือนและผู้บริโภคชาวไทย
สำหรับคนทั่วไป ผลกระทบชัดเจนที่สุดในชีวิตประจำวัน
- อำนาจซื้อลดลง: รายได้เท่าเดิมแต่ซื้อของได้น้อยกว่า ต้องประหยัดมากขึ้น
- ค่าของเงินออมลดลง: ถ้าดอกเบี้ยฝากต่ำกว่าเงินเฟ้อ เงินเก็บก็สูญมูลค่าตามเวลา
- ค่าครองชีพสูงขึ้น: อาหาร น้ำ ไฟ เดินทาง ทุกอย่างแพง ทำให้หลายครอบครัวลำบาก
โดยเฉพาะครอบครัวรายได้น้อยที่ไม่มีกันชน
ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ
ธุรกิจไทยก็เจอปัญหาไม่แพ้กัน
- ต้นทุนการผลิตและดำเนินงานเพิ่มขึ้น: วัตถุดิบ ค่าแรง พลังงาน ขนส่ง แพงหมด กำไรหดถ้าไม่ขึ้นราคา
- ความไม่แน่นอนในการลงทุน: คาดการณ์ยาก ทำให้ชะลอขยายกิจการ
- ผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก/นำเข้า: บาทอ่อนช่วยส่งออกแต่ทำให้นำเข้าแพง
เอสเอ็มอีมักเดือดร้อนหนักเพราะไม่มีแรงต่อรอง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายของรัฐ
ในภาพใหญ่ เงินเฟ้อสร้างความท้าทายให้ประเทศ
- การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว: ถ้าเงินเฟ้อสูงนาน คนใช้จ่ายน้อย เศรษฐกิจโตช้า
- ความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ: คนรวยที่ถือสินทรัพย์ได้เปรียบ แต่คนรายได้ประจำเสียหาย
- แรงกดดันต่อนโยบายรัฐบาล: ต้องเลือกควบคุมเงินเฟ้อหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมักขัดแย้ง
รัฐต้องใช้ทรัพยากรเยอะในการช่วยเหลือ
แนวทางการรับมือกับเงินเฟ้อสำหรับคนไทย
รู้ที่มาและผลกระทบแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องมีแผนรับมือ ทั้งส่วนตัวและระดับประเทศ
การวางแผนการเงินส่วนบุคคล
คุณสามารถปรับตัวได้ด้วยวิธีเหล่านี้
- ทบทวนงบประมาณและควบคุมค่าใช้จ่าย: เช็ครายรับ-รายจ่ายสม่ำเสมอ ลดของฟุ่มเฟือย วางแผนชาญฉลาด
- กระจายการลงทุน: อย่าจำกัดแค่อย่างเดียว ลองสินทรัพย์ที่ต้านเงินเฟ้อ เช่น
- กองทุนรวม: ลงทุนหลากหลาย เช่น หุ้นหรือตราสารหนี้ที่ปรับตามเงินเฟ้อ
- หุ้น: บริษัทที่ขึ้นราคาได้ตามต้นทุน
- อสังหาริมทรัพย์: มูลค่าเพิ่มตามเงินเฟ้อในระยะยาว
- ทองคำ: ทางเลือกปลอดภัยช่วงไม่แน่นอน
- สลากออมสิน/สลาก ธ.ก.ส.: ออมแน่นอนพร้อมลุ้นรางวัล
- เพิ่มรายได้: พัฒนาทักษะหรือหารายได้เสริม
- มีเงินสำรองฉุกเฉิน: เตรียมรับมือเหตุไม่คาดฝันโดยไม่กู้แพง
เริ่มจากเล็กๆ แล้วค่อยขยาย จะช่วยให้มั่นใจมากขึ้น
บทบาทของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยในการแก้ไขปัญหา
ในระดับประเทศ การควบคุมต้องอาศัยหน่วยงานหลัก
- นโยบายการเงินของ BOT:
- ปรับขึ้น/ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: ควบคุมเงินและอุปสงค์ โดยดูจากเงินเฟ้อ การเติบโต และเสถียรภาพ
- การบริหารสภาพคล่อง: ใช้เครื่องมืออย่างซื้อขายพันธบัตรเพื่อปรับปริมาณเงิน
- นโยบายการคลังของรัฐบาล:
- มาตรการลดภาระค่าครองชีพ: อุดหนุนพลังงาน ลดภาษี ช่วยกลุ่มเปราะบาง
- การบริหารงบประมาณ: ใช้จ่ายอย่างมีวินัย ไม่กระตุ้นอุปสงค์เกิน
- การส่งเสริมการผลิต: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน แก้คอขวดห่วงโซ่
ความร่วมมือที่ดีจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาได้ยั่งยืน
สรุป: เข้าใจสาเหตุเงินเฟ้อ เพื่อวางแผนอนาคต
เงินเฟ้อเป็นเรื่องซับซ้อน มีรากเหง้าจากทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะอุปสงค์ล้น ต้นทุนพุ่ง หรือโครงสร้างเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การรู้จักสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้ประชาชนและนักวางนโยบายตัดสินใจได้ฉลาดขึ้น สำหรับคนไทย การตระหนักถึงผลกระทบในชีวิตจริงและวางแผนการเงินรอบคอบ จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีท่ามกลางความไม่แน่นอน
ลองติดตามข้อมูลจากแหล่งเชื่อถือได้ เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) เพื่อเห็นภาพรวมและเตรียมตัวให้พร้อม การเรียนรู้และปรับตัวคือกุญแจสู่ความอยู่รอดและเติบโตในเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงินเฟ้อในประเทศไทย (FAQs)
ธนาคารแห่งประเทศไทยมีนโยบายควบคุมเงินเฟ้ออย่างไรบ้าง?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ใช้เครื่องมือหลักคือนโยบายอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อต้องการชะลอเงินเฟ้อ และปรับลดลงเมื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
เงินเฟ้อส่งผลต่อดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศไทยอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ สถาบันการเงินก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามไปด้วย แต่หากอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับ เงินออมก็ยังคงมีอำนาจซื้อลดลง
อาชีพไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อในไทยมากที่สุด?
อาชีพที่มีรายได้ประจำและมีรายได้น้อยถึงปานกลางมักได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากกำลังซื้อลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น ขณะที่รายได้ไม่ปรับตาม เช่น พนักงานเงินเดือน ลูกจ้างรายวัน หรือผู้มีอาชีพอิสระที่ไม่มีอำนาจต่อรองราคามากนัก
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในไทยจะส่งผลต่อเงินเฟ้ออย่างไร?
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสามารถเป็นได้ทั้งสาเหตุและผลกระทบของเงินเฟ้อ หากการปรับขึ้นค่าแรงสูงกว่าผลิตภาพแรงงาน อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงขึ้นและผลักภาระไปที่ผู้บริโภคในรูปของราคาสินค้าที่แพงขึ้น (เงินเฟ้อด้านต้นทุนผลัก) อย่างไรก็ตาม การปรับค่าแรงยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อและบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อต่อผู้มีรายได้น้อยได้
ควรลงทุนอะไรในช่วงที่เงินเฟ้อสูงในประเทศไทย?
ในช่วงเงินเฟ้อสูง ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เช่น หุ้นของบริษัทที่มีอำนาจในการกำหนดราคา อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่มีโอกาสเติบโตตามเงินเฟ้อ รวมถึงการกระจายการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์
รัฐบาลไทยมีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้ออย่างไร?
รัฐบาลไทยมักออกมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพ เช่น การตรึงราคาน้ำมัน การลดค่าไฟฟ้า การให้เงินอุดหนุนแก่กลุ่มเปราะบาง หรือโครงการลดแลกแจกแถมสินค้าจำเป็น เพื่อช่วยลดผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน
เงินเฟ้อกับเงินฝืดแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนส่งผลเสียมากกว่า?
เงินเฟ้อคือราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อลดลง ส่วน เงินฝืดคือราคาสินค้าและบริการลดลงต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น
ทั้งคู่มีผลเสียหากรุนแรงเกินไป เงินเฟ้อรุนแรงทำให้ค่าครองชีพสูง เงินออมลดค่า แต่เงินฝืดรุนแรงจะทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ภาคธุรกิจไม่ลงทุน ลดการผลิต ปลดคนงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้ โดยทั่วไปแล้ว เงินฝืดมักถูกมองว่าแก้ไขยากกว่าและอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะยาวได้รุนแรงกว่าเงินเฟ้อในระดับปานกลาง
ปัจจัยภายนอกประเทศใดบ้างที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อในไทย?
ปัจจัยภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ ราคาน้ำมันและพลังงานโลก, ราคาวัตถุดิบและอาหารในตลาดโลก, ปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลก, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์, และนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้าและราคาสินค้าในประเทศ
เราจะติดตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของไทยได้จากแหล่งใดที่น่าเชื่อถือ?
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) ซึ่งมีการเผยแพร่รายงานและสถิติเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีราคาผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ
เงินเฟ้อในประเทศไทยมีข้อดีบ้างหรือไม่?
เงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสม (เช่น 1-3%) ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อเศรษฐกิจ เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจ กระตุ้นการบริโภคและการลงทุน และช่วยลดภาระหนี้ อย่างไรก็ตาม หากเงินเฟ้อสูงเกินไปหรือผันผวนมาก ก็จะกลายเป็นผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชน