66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

federal reserve คืออะไร? เจาะลึกโครงสร้าง หน้าที่ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

Home / เริ่มต้นเทรด / fed...

meetcinco_com | 21 10 月

federal reserve คืออะไร? เจาะลึกโครงสร้าง หน้าที่ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ในโลกของการเงินและการลงทุน ชื่อของ “Federal Reserve” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “เฟด (Fed)” มักปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป การตัดสินใจจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาองค์กรนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อเศรษฐกิจอเมริกาเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปยังทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความหมาย โครงสร้าง หน้าที่ และที่สำคัญคือผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของเฟดต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของคนไทย เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปปรับใช้ในการตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Federal Reserve building influencing global economies including Thailand

Federal Reserve (Fed) คืออะไร? ภาพรวมและประวัติโดยย่อ

คำจำกัดความของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ระบบ Federal Reserve หรือที่รู้จักกันในชื่อเฟด คือ ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรับผิดชอบการกำกับดูแลและควบคุมระบบการเงิน เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ องค์กรนี้ถูกสร้างขึ้นให้เป็นหน่วยงานอิสระจากแรงกดดันทางการเมือง โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือการรักษาระดับราคาให้คงที่ (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และสนับสนุนการมีงานทำในระดับสูงสุด

ในฐานะธนาคารกลาง เฟดมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ระดับเงินเฟ้อ และตลาดการเงินทั่วโลก

Federal Reserve balancing price stability and maximum employment

ประวัติการก่อตั้งและวิวัฒนาการ

เฟดถูกก่อตั้งในปี พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) ผ่านการลงนามในกฎหมาย Federal Reserve Act โดยประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน เหตุผลหลักมาจากปัญหาภาวะตื่นตระหนกทางการเงินหลายครั้งที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นต้องมีสถาบันกลางมาช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้ระบบธนาคารและการเงิน

ช่วงเริ่มต้น เฟดมุ่งเน้นการเป็นผู้ให้กู้ยืมฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์และปรับปรุงความยืดหยุ่นของอุปทานเงิน ต่อมา บทบาทของเฟดได้ขยายตัว เพื่อรวมถึงการรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงานสูงสุด ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายหลักที่ยังคงใช้ในยุคปัจจุบัน

Historical establishment of Federal Reserve in 1913 addressing financial panics

โครงสร้างและการบริหารงานของ Federal Reserve

โครงสร้างของ Federal Reserve นั้นซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพสูง โดยประกอบด้วยส่วนหลักสามส่วนที่ทำงานประสานกัน ได้แก่ คณะผู้ว่าการ ธนาคารกลางภูมิภาค และคณะกรรมการนโยบายการเงิน

คณะผู้ว่าการ (Board of Governors)

คณะผู้ว่าการคือหัวใจสำคัญของระบบ Federal Reserve ประกอบด้วยผู้ว่าการทั้งหมด 7 คน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ และต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภา วาระการดำรงตำแหน่งยาวนานถึง 14 ปี เพื่อลดอิทธิพลทางการเมือง ประธานเฟดและรองประธานก็มาจากกลุ่มนี้ โดยมีวาระ 4 ปี ปัจจุบันประธานเฟดคือ เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell)

หน้าที่ของคณะนี้รวมถึงการกำหนดนโยบายการเงินในภาพรวม การกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ และการดูแลธนาคารกลางภูมิภาคทั้ง 12 แห่ง

ธนาคารกลางภูมิภาค 12 แห่ง (Federal Reserve Banks)

ระบบเฟดแบ่งเขตการทำงานออกเป็น 12 พื้นที่ โดยแต่ละพื้นที่มีธนาคารกลางภูมิภาคของตัวเอง ธนาคารเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเฟดในท้องถิ่น ให้บริการธนาคารแก่ธนาคารพาณิชย์ รัฐบาลกลางในเขตนั้น และมีส่วนในการจัดการระบบชำระเงิน

นอกจากนี้ ธนาคารกลางภูมิภาคยังรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการกำหนดนโยบายระดับชาติ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee – FOMC)

FOMC คือหน่วยงานหลักที่กำหนดทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ประกอบด้วยสมาชิก 12 คน ได้แก่ ผู้ว่าการทั้ง 7 คน ประธานธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก และประธานธนาคารกลางภูมิภาคอีก 4 คนที่หมุนเวียนจาก 11 แห่งที่เหลือ

หน้าที่หลักของ FOMC คือการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate) และการดำเนินการในตลาดเปิด (Open Market Operations) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการปริมาณเงินและเครดิต การประชุมของ FOMC จึงเป็นเหตุการณ์ที่ตลาดการเงินทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก

Three key parts of Federal Reserve structure: Board, Banks, and FOMC

หน้าที่หลักและเครื่องมือของ Fed ในการดำเนินนโยบายการเงิน

เฟดมีหน้าที่หลายอย่างที่สำคัญในการรักษาความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและเครื่องมือที่หลากหลายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้น

เป้าหมายหลักของ Fed

เฟดยึดมั่นใน “อาณัติคู่ (Dual Mandate)” ที่กำหนดโดยรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งมีสองเป้าหมายหลักดังนี้:

  • เสถียรภาพด้านราคา (Price Stability): การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำและคงที่ เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจวางแผนการใช้จ่ายและลงทุนได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ถูกกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น
  • การจ้างงานสูงสุด (Maximum Employment): การส่งเสริมการมีงานทำอย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่รุนแรง ซึ่งหมายถึงการรักษาอัตราการว่างงานให้ต่ำที่สุดที่เป็นไปได้ ขณะที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

ยิ่งไปกว่านั้น เฟดยังรับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงของระบบการเงินและกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและวิกฤตทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น

เครื่องมือสำคัญในการดำเนินนโยบาย

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เฟดนำเครื่องมือหลากหลายมาใช้ในการดำเนินนโยบายการเงิน:

  • อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate): คืออัตราดอกเบี้ยเป้าหมายสำหรับการกู้ยืมเงินสำรองระหว่างธนาคารพาณิชย์ข้ามคืน การปรับอัตราทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของธนาคารเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากสำหรับธุรกิจและประชาชน
  • การดำเนินงานในตลาดเปิด (Open Market Operations): เป็นเครื่องมือที่ใช้บ่อยที่สุด โดยเฟดซื้อหรือขายพันธบัตรรัฐบาลในตลาด การซื้อจะเพิ่มสภาพคล่องและลดดอกเบี้ย ขณะที่การขายจะลดสภาพคล่องและเพิ่มดอกเบี้ย
  • อัตราคิดลด (Discount Rate): คืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางภูมิภาคเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ที่กู้เงินโดยตรงจากเฟด แม้จะไม่ค่อยใช้บ่อย แต่เป็นสัญญาณแสดงท่าทีของเฟด
  • ข้อกำหนดเงินสำรอง (Reserve Requirements): คือสัดส่วนเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ต้องเก็บไว้กับเฟด การเปลี่ยนแปลงนี้จะกระทบต่อจำนวนเงินที่ธนาคารสามารถปล่อยกู้ได้
  • มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing – QE) และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening – QT): ในยามวิกฤต เฟดอาจใช้ QE โดยซื้อสินทรัพย์จำนวนมากเพื่อลดดอกเบี้ยระยะยาวและเพิ่มสภาพคล่อง เมื่อเศรษฐกิจฟื้น เฟดอาจใช้ QT เพื่อลดขนาดงบดุลและดึงสภาพคล่องออก

ความเป็นอิสระของ Fed และความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ

ทำไม Fed ต้องเป็นอิสระ?

หลักการความเป็นอิสระของ Federal Reserve ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากแรงกดดันทางการเมือง หากนโยบายการเงินตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมือง อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่มุ่งผลระยะสั้น เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเสี่ยงต่อเงินเฟ้อสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ความเป็นอิสระนี้ช่วยให้เฟดตัดสินใจโดยอิงข้อมูลเศรษฐกิจและเป้าหมายระยะยาว เช่น เสถียรภาพราคาและการจ้างงานสูงสุด ซึ่งจำเป็นต่อความน่าเชื่อถือและประสิทธิผลของนโยบาย

กลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล

ถึงแม้เฟดจะอิสระ แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบ คณะผู้ว่าการและประธานเฟดได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและยืนยันโดยวุฒิสภา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบ

เฟดต้องรายงานต่อรัฐสภาอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายการเงิน ประธานเฟดต้องให้คำชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการหลายครั้งต่อปี เพื่ออธิบายการตัดสินใจและตอบคำถาม ความโปร่งใสนี้ช่วยให้ประชาชนและนักการเมืองตรวจสอบได้ โดยไม่กระทบต่อความอิสระในการตัดสินใจนโยบาย

ผลกระทบของการตัดสินใจ Fed ต่อเศรษฐกิจโลกและการลงทุนในไทย

การตัดสินใจของ Federal Reserve ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สหรัฐฯ แต่แผ่กระจายไปยังเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศเปิดอย่างประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบชัดเจน

Fed กระทบอะไรบ้างต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลก?

เมื่อเฟดปรับนโยบายการเงิน เช่น ขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลต่อหลายด้าน:

  • เงินเฟ้อ (Inflation): การขึ้นดอกเบี้ยช่วยชะลอเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่การลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่เพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อ
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (ดอลลาร์สหรัฐ): การขึ้นดอกเบี้ยมักทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเพราะนักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนสูงกว่า การลดดอกเบี้ยทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า
  • ตลาดทุนทั่วโลก: การปรับดอกเบี้ยของเฟดกระทบการไหลเวียนเงินทุนระหว่างประเทศ เมื่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ สูง เงินทุนมักไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ไปสหรัฐฯ
  • ราคาสินค้าโภคภัณฑ์: ค่าเงินดอลลาร์ที่เปลี่ยนแปลงส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ค้าขายด้วยดอลลาร์ เช่น น้ำมันและทองคำ

ผลกระทบเฉพาะต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทย

ในกรณีของประเทศไทย ผลกระทบจากเฟดปรากฏชัดผ่านหลายช่องทาง:

  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท-ดอลลาร์ (THB-USD):
    • Fed ขึ้นดอกเบี้ย: นักลงทุนย้ายเงินไปสกุลดอลลาร์เพื่อผลตอบแทนสูง ทำให้ดอลลาร์แข็งและเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งช่วยผู้ส่งออกไทยแต่กระทบผู้นำเข้าและผู้มีหนี้ดอลลาร์
    • Fed ลดดอกเบี้ย: ดอลลาร์อ่อนลงและเงินบาทแข็งขึ้น ช่วยผู้นำเข้าและผู้เดินทางต่างประเทศ แต่ลดความสามารถแข่งขันของผู้ส่งออก
  • ตลาดหุ้นไทย (SET Index):
    • เงินทุนไหลเข้า/ออก: การขึ้นดอกเบี้ยเฟดดึงเงินทุนออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงหุ้นไทย ทำให้ดัชนี SET ลดลงเพราะนักลงทุนต่างชาติขายหุ้น การลดดอกเบี้ยอาจดึงเงินทุนกลับ
    • ความผันผวน: ตลาดหุ้นไทยมักผันผวนเมื่อมีข่าวหรือประกาศนโยบายเฟด นักลงทุนไทยจึงควรติดตามใกล้ชิด
  • ราคาทองคำในไทย:
    • FED ลดดอกเบี้ยมีผลกับทองยังไง: เมื่อเฟดลดดอกเบี้ย ผลตอบแทนจากดอลลาร์และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องลดลง ทำให้ทองคำซึ่งไม่ให้ดอกเบี้ยดูน่าสนใจกว่า ส่งผลให้ราคาทองคำโลกและไทยปรับขึ้น นอกจากนี้ ดอลลาร์อ่อนยังลดราคาทองสำหรับสกุลเงินอื่น กระตุ้นความต้องการ
    • Fed ขึ้นดอกเบี้ย: ทำให้ทองคำน่าสนใจน้อยลง ราคาจึงมักลดลง
  • ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกของไทย:
    • ค่าเงินบาทแข็ง/อ่อน: เงินบาทอ่อนจากนโยบายเฟดช่วยผู้ส่งออกเพราะได้เงินบาทมากขึ้นจากรายได้ดอลลาร์ แต่เงินบาทแข็งกระทบความสามารถแข่งขัน
  • ผู้ประกอบการและผู้บริโภคชาวไทย:
    • ต้นทุนการกู้ยืม: แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดดอกเบี้ยไทย แต่การขึ้นดอกเบี้ยเฟดกดดันให้ ธปท. อาจปรับขึ้นตามเพื่อรักษาค่าเงินบาทและป้องกันเงินทุนไหลออก ทำให้ต้นทุนกู้ยืมในประเทศสูงขึ้นทั้งธุรกิจและบุคคล
    • กำลังซื้อ: เงินบาทอ่อนทำให้สินค้านำเข้าติดราคา ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

เพื่อรับมือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของเฟดอย่างใกล้ชิด และปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้อง เพื่อรักษาสมดุลเศรษฐกิจ

ติดตามการประชุม Fed: สิ่งที่นักลงทุนไทยควรรู้

นักลงทุนไทยควรให้ความสำคัญกับการติดตามข่าวสารและการตัดสินใจของ Federal Reserve เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้ทันสถานการณ์

ปฏิทินการประชุม FOMC และการประกาศสำคัญ

คณะกรรมการ FOMC จัดประชุมตามกำหนด 8 ครั้งต่อปี หรือทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อประเมินเศรษฐกิจและตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยและมาตรการอื่นๆ

นักลงทุนสามารถดู ปฏิทินการประชุม FOMC จากเว็บไซต์เฟด ซึ่งระบุวันที่ประชุมและประกาศผล “Fed ประกาศ ดอกเบี้ย ล่าสุด” มักเกิดในช่วงบ่ายวันพุธเวลาสหรัฐฯ หรือเช้าวันพฤหัสบดีในไทย

นอกจากประกาศดอกเบี้ย แถลงการณ์หลังประชุม (FOMC Statement) และบันทึกการประชุม (FOMC Minutes) ที่เผยแพร่ทีหลัง ก็เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยเข้าใจมุมมองเฟดต่อเศรษฐกิจและแนวโน้มอนาคต

วิธีตีความแถลงการณ์และทิศทางนโยบาย

การตีความแถลงการณ์เฟดต้องอาศัยความเข้าใจภาษาและบริบทเศรษฐกิจ:

  • การเปลี่ยนแปลงคำพูด: การปรับคำเล็กน้อยในแถลงการณ์อาจบ่งชี้การเปลี่ยนทิศทาง เช่น คำว่า “อดทน (patient)” หรือ “พิจารณา (consider)” อาจหมายถึงการชะลอขึ้นดอกเบี้ย
  • “Hawkish” vs. “Dovish”:
    • Hawkish (เหยี่ยว): ท่าทีเน้นควบคุมเงินเฟ้อ อาจขึ้นดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายเข้มงวดเพื่อชะลอเศรษฐกิจ
    • Dovish (พิราบ): ท่าทีเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจและจ้างงาน อาจลดดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายผ่อนคลาย
  • Dot Plot: ในบางประชุม เฟดเผย “Dot Plot” แสดงคาดการณ์ดอกเบี้ยอนาคตจากกรรมการแต่ละคน ช่วยให้นักลงทุนเห็นแนวโน้มโดยรวม
  • การแถลงข่าวของประธานเฟด: แถลงข่าวหลังประชุมของประธานเฟดเป็นโอกาสสำคัญในการรับทราบรายละเอียด นักลงทุนควรสังเกตน้ำเสียงและคำตอบต่อคำถาม

การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยนักลงทุนไทยคาดการณ์ทิศทางเฟดและวางแผนลงทุนในหุ้นไทย ทองคำ ค่าเงิน และสินทรัพย์อื่นๆ ได้ดีขึ้น

สรุป: ทำไม Fed ถึงสำคัญต่อทุกคน

Federal Reserve หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่องค์กรห่างไกล แต่เป็นผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยหรือนโยบายการเงินมีผลกระทบทั้งโดยตรงและทางอ้อมต่อตลาดหุ้น วงจรธุรกิจ ค่าเงิน และราคาสินค้าประจำวันของคนไทย

ไม่ว่าคุณเป็นนักลงทุนที่คิดซื้อขายหุ้น ทองคำ หรือสกุลเงิน ผู้ประกอบการที่จัดการต้นทุนนำเข้า-ส่งออก หรือประชาชนที่กังวลดอกเบี้ยกู้และกำลังซื้อ การเข้าใจเฟด วิธีการทำงาน และผลต่อเศรษฐกิจไทยจึงจำเป็นสำหรับการตัดสินใจทางการเงินที่ชาญฉลาดในโลกที่เชื่อมโยงกัน การติดตามข่าวเฟดอย่างต่อเนื่องจะช่วยเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและคว้าโอกาสในตลาด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Federal Reserve

Q1: Federal Reserve (Fed) คือใคร และมีบทบาทอย่างไรในฐานะธนาคารกลางสหรัฐฯ?

Federal Reserve หรือ เฟด คือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา มีบทบาทหลักในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา (ควบคุมเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานสูงสุด นอกจากนี้ยังกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และรักษาระบบการเงินให้มั่นคง หน้าที่ของผู้ว่าการ Fed คือการร่วมกำหนดนโยบายและกำกับดูแลการทำงานของระบบเฟด

Q2: การประชุม Fed (FOMC Meeting) คืออะไร และมีการประกาศผลการตัดสินใจเมื่อใด?

การประชุม Fed หรือ FOMC Meeting คือการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของเฟดที่ตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการทางการเงินอื่นๆ มีการประชุมตามกำหนดการปีละ 8 ครั้ง สามารถตรวจสอบวันประชุมได้จากเว็บไซต์ทางการของ Federal Reserve ผลการตัดสินใจมักประกาศหลังการประชุมสิ้นสุดลง โดยปกติจะเป็นช่วงดึกของวันพุธตามเวลาสหรัฐฯ หรือเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย

Q3: หาก Fed ประกาศลดดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดไทยอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว หาก Fed ลดดอกเบี้ย จะส่งผลให้:

  • ผลตอบแทนจากการถือสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ลดลง ทำให้ทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย กลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากขึ้น
  • ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ทำให้ราคาทองคำที่ซื้อขายด้วยดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ซึ่งช่วยกระตุ้นอุปสงค์

ดังนั้น การลดดอกเบี้ยของ Fed มักมีผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกและในไทยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

Q4: Federal Reserve เป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือเป็นของเอกชน?

Federal Reserve เป็นหน่วยงานที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างภาครัฐและเอกชน ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์ และก็ไม่ใช่ธนาคารส่วนตัว ระบบเฟดถูกออกแบบมาให้เป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง แต่ยังคงมีความรับผิดชอบต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ธนาคารกลางภูมิภาค 12 แห่งมีโครงสร้างความเป็นเจ้าของแบบกึ่งเอกชน แต่การตัดสินใจนโยบายหลักๆ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะผู้ว่าการซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ

Q5: การขึ้นหรือลดดอกเบี้ยของ Fed มีผลต่อค่าเงินบาทและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศไทยหรือไม่?

มีผลกระทบอย่างแน่นอน เมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และอาจสร้างแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ต้องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม เพื่อป้องกันเงินทุนไหลออกและรักษาเสถียรภาพค่าเงิน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินในประเทศไทย ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อธุรกิจสูงขึ้นตามไปด้วย

發佈留言