66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

Dedollarisation: โอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในยุคการเงินโลกหลายขั้ว

Home / เริ่มต้นเทรด / Ded...

meetcinco_com | 13 10 月

Dedollarisation: โอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในยุคการเงินโลกหลายขั้ว

การเปลี่ยนผ่านระเบียบการเงินโลก: ทำความเข้าใจกระแส Dedollarisation และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ระบบการเงินโลกกำลังเผชิญกับการพลิกผันครั้งใหญ่ที่เรียกว่า Dedollarisation หรือแนวโน้มลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลดการใช้ดอลลาร์ในธุรกรรมประจำวันเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงและเสริมสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจของตัวเองให้มั่นคงยิ่งขึ้น

แผนที่โลกที่สกุลเงินต่างๆ กำลังเกิดขึ้นรอบสัญลักษณ์ดอลลาร์สหรัฐที่กำลังหดตัว

ประเด็นนี้กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันสัมพันธ์โดยตรงกับการค้า การลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั่วโลก บทความนี้จะวิเคราะห์แนวโน้ม Dedollarisation ในระดับสากลอย่างละเอียด โดยเฉพาะผลกระทบเฉพาะตัวต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลกที่กำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านนี้

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวเข้ากับเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงพร้อมเส้นทางการค้า

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะสำรวจว่ากระแสนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างไรในมุมมองของประเทศไทย โดยพิจารณาถึงทั้งโอกาสและอุปสรรคที่อาจตามมา พร้อมทั้งกลยุทธ์ที่รัฐบาลและภาคเอกชนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

ประเทศต่างๆ ลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างมีกลยุทธ์

Dedollarisation: แนวคิด วิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ และแรงผลักดัน

การทำความเข้าใจ Dedollarisation ต้องมองลึกกว่าสถิติการใช้ดอลลาร์ในธุรกรรมต่างๆ มันคือยุทธศาสตร์ทางการเงินที่มุ่งลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ประเทศต่างๆ มีอิสระในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจมากขึ้น และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจสหรัฐหรือมาตรการทางเศรษฐกิจที่สหรัฐนำมาใช้

นิยาม “Dedollarisation”: ยุทธศาสตร์การเงินที่เหนือกว่าแค่เปลือกนอก

โดยหลักแล้ว Dedollarisation คือกระบวนการที่ประเทศและองค์กรทั่วโลกพยายามลดสัดส่วนของดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองระหว่างประเทศ การค้า การลงทุน และการชำระหนี้ข้ามชาติ เป้าหมายหลักคือการกระจายความเสี่ยง ลดอิทธิพลจากนโยบายการเงินของสหรัฐ และส่งเสริมการใช้สกุลเงินอื่นๆ หรือสกุลเงินท้องถิ่นในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ระบบการเงินโลกมีความสมดุลมากขึ้น

จาก Bretton Woods สู่ปัจจุบัน: วิวัฒนาการและความท้าทายของเงินดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกหลังจากข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1944 ซึ่งมอบอิทธิพลมหาศาลให้สหรัฐต่อระบบการเงินโลก ตลอดหลายทศวรรษ ดอลลาร์เผชิญความท้าทายบ้าง เช่น วิกฤตการณ์น้ำมันหรือการเปิดตัวยูโร แต่สถานะของมันก็ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในยุคปัจจุบันนั้นรุนแรงและแตกต่างจากอดีต โดยเฉพาะจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเปลี่ยนแปลง

ภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางเศรษฐกิจ: แรงขับเคลื่อนหลักของ Dedollarisation

ปัจจัยเร่งด่วนที่ทำให้ Dedollarisation เร่งตัวคือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจจากโลกตะวันตกสู่ประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กลุ่มนี้มีบทบาทเด่นในการผลักดันวาระนี้ เพื่อลดอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและระบบการเงินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตน

นโยบายคว่ำบาตรที่สหรัฐใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองบ่อยครั้ง ทำให้หลายประเทศหาทางเลือกเพื่อปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงทางการเมือง นอกจากนี้ การขาดดุลการค้าและหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงของสหรัฐยังทำให้เกิดคำถามถึงความยั่งยืนของดอลลาร์ในระยะยาว แนวโน้มสู่โลกหลายขั้วที่มีศูนย์กลางอำนาจทางเศรษฐกิจหลายแห่ง ยิ่งเร่งให้เกิดการค้นหาทางเลือกใหม่ในระบบการเงินโลก ข้อมูลจาก Council on Foreign Relations ชี้ให้เห็นว่ากลุ่ม BRICS กำลังพยายามสร้างระบบการชำระเงินของตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์ โดยในปีล่าสุด พวกเขามีการประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่

สำรวจแผนที่โลก: ความคืบหน้าของ Dedollarisation ในแต่ละทวีป

กระแส Dedollarisation ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในจุดเดียว แต่แผ่ขยายไปทั่วโลก โดยแต่ละภูมิภาคมีความก้าวหน้าและแรงจูงใจที่แตกต่างกันไป ซึ่งช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ชัดเจน

Dedollarisation ในเอเชีย: จีน อินเดีย และการชำระดุลการค้าในภูมิภาค

จีนเป็นผู้นำสำคัญในการยกระดับบทบาทของเงินหยวนหรือเหรินหมินปี้ในเวทีสากล โดยเฉพาะในโครงการ Belt and Road Initiative ที่เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนกับหลายประเทศ อินเดียเองก็หันมาใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการชำระค่าสินค้ากับรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร ส่วนอาเซียนซึ่งเป็นภูมิภาคที่เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว กำลังผลักดันโครงการความร่วมมือด้านการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นและการเชื่อมโยงระบบการชำระเงิน เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์ในการค้าภายในกลุ่ม โดยตัวอย่างเช่น การค้าภายในอาเซียนมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งหากปรับใช้สกุลเงินท้องถิ่นได้ จะช่วยประหยัดต้นทุนมหาศาล

รัสเซียและตะวันออกกลาง: การเปลี่ยนผ่านสกุลเงินในการค้าพลังงาน

รัสเซียซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการคว่ำบาตร ได้เร่งหันไปใช้เงินหยวนหรือสกุลเงินท้องถิ่นของคู่ค้าในการค้าพลังงาน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในทำนองเดียวกัน ประเทศในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เริ่มพิจารณาการรับชำระค่าพลังงานด้วยสกุลเงินอื่นๆ นอกเหนือจากดอลลาร์ โดยเฉพาะการค้ากับจีน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจสั่นคลอนตลาดน้ำมันโลก โดยในปี 2023 มีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียกำลังเจรจากับจีนเพื่อเพิ่มการใช้หยวนในการซื้อน้ำมัน

ยุโรปและแอฟริกา: ศักยภาพของยูโรและสกุลเงินท้องถิ่นแอฟริกา

ยูโรในฐานะสกุลเงินใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีบทบาทเด่นในการเป็นทางเลือกแทนดอลลาร์ โดยเฉพาะในการค้าและการลงทุนภายในสหภาพยุโรปและกับคู่ค้าอื่นๆ สำหรับแอฟริกา หลายประเทศกำลังทดลองใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าภายในภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาสกุลเงินต่างชาติ ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น

ท้าทายอำนาจเงินดอลลาร์: สกุลเงินทางเลือกและข้อได้เปรียบที่ยั่งยืนของเงินดอลลาร์

แม้กระแส Dedollarisation จะแรงขึ้น แต่ยังมีคำถามว่าสกุลเงินใดจะสามารถทดแทนดอลลาร์ได้เต็มตัว และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ดอลลาร์ยังคงยืนหยัดได้ยากต่อการโค่นล้ม

ใครจะมาแทนที่เงินดอลลาร์? โอกาสของหยวน ทองคำ และสกุลเงินดิจิทัล

เงินหยวนของจีนกำลังได้รับความนิยมเพิ่มในฐานะสกุลเงินสำหรับการค้าและทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลังจากถูกเพิ่มเข้าในตะกร้าสกุลเงิน SDR ของ IMF อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเรื่องการควบคุมเงินทุนยังทำให้หยวนไม่สามารถเทียบชั้นดอลลาร์ได้โดยตรง ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์หลบภัยที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ยอมรับในระดับสากลและไม่ผูกติดกับนโยบายของชาติใดชาติหนึ่ง รายงานจากธนาคารโลก ยังชี้ว่าสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือ CBDC อาจเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนเกม โดยเฉพาะหากช่วยให้การชำระเงินข้ามพรมแดนรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศกำลังทดลองใช้งานเพื่อทดแทนระบบเก่า

เหตุใดเงินดอลลาร์จึงยังยากที่จะสั่นคลอน? ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างและความท้าทาย

แม้จะมีทางเลือกใหม่ๆ แต่ดอลลาร์สหรัฐยังคงมีข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ทำให้การโค่นล้มไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน สหรัฐมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและตลาดการเงินที่ลึกซึ้ง สภาพคล่องสูง ซึ่งเป็นหัวใจของสกุลเงินสำรอง นอกจากนี้ หลักนิติธรรมที่มั่นคงและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของสหรัฐยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก

ระบบ SWIFT ซึ่งดอลลาร์มีบทบาทหลัก ก็เป็นเครือข่ายที่ทรงอิทธิพล ทำให้การเปลี่ยนไปสู่ระบบอื่นต้องใช้เวลาและความซับซ้อนสูง Dedollarisation จึงเป็นกระบวนการที่ค่อยๆ เกิดขึ้นทีละก้าว พร้อมกับอุปสรรคมากมายที่ต้องเอาชนะ

มุมมองของประเทศไทย: ผลกระทบและการรับมือเชิงกลยุทธ์ต่อเศรษฐกิจไทยในยุค Dedollarisation

สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นเศรษฐกิจเปิดขนาดกลางและพึ่งพาการค้ากับต่างประเทศสูง การเข้าใจและเตรียมรับมือกับ Dedollarisation จึงสำคัญยิ่ง เพื่อให้สามารถรักษาเสถียรภาพและเติบโตต่อไปได้

ผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนของไทย: โอกาสและความเสี่ยงที่มาคู่กัน

Dedollarisation อาจกระทบต่อการชำระเงินในการค้าของประเทศไทย ทั้งส่งออกและนำเข้า หากคู่ค้าหลักหันไปใช้สกุลเงินอื่นมากขึ้น ไทยต้องปรับตัวให้ทัน ในฐานะจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยม รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นดอลลาร์อาจเปลี่ยนโครงสร้างได้ในอนาคต การไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศก็อาจเผชิญความไม่แน่นอนจากระบบการเงินโลกที่ผันผวน

แต่ในทางกลับกัน นี่คือโอกาสสำหรับธุรกิจไทยในการลองใช้สกุลเงินท้องถิ่นกับคู่ค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของดอลลาร์และตัดต้นทุนธุรกรรมได้ โดยเฉพาะการค้าภายในอาเซียนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ยุทธศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศไทยและรัฐบาล: การกระจายความหลากหลายของสกุลเงินและการร่วมมือในภูมิภาค

ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่สำคัญในการจัดการทุนสำรองระหว่างประเทศให้หลากหลายสกุลเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินใดสกุลหนึ่งมากเกินไป รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยยังเน้นการร่วมมือกับสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นและการเชื่อมโยงระบบการชำระเงิน ซึ่งส่งเสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ลดการพึ่งพาดอลลาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการ Digital Baht หรือ CBDC ของไทยยังเป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยลดการพึ่งพาดอลลาร์ในระบบการเงินของประเทศและภูมิภาคในระยะยาว นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพของเงินบาทและเศรษฐกิจโดยรวม โดยมีการติดตามสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด

คู่มือสำหรับธุรกิจและนักลงทุนไทย: วิธีการปรับตัวเพื่อคว้าความได้เปรียบในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

ธุรกิจไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก ควรกระจายการใช้สกุลเงินในการชำระเงินกับคู่ค้า และใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การทำสัญญาฟอเวิร์ด นอกจากนี้ การสำรวจความเป็นไปได้ในการใช้สกุลเงินท้องถิ่นกับคู่ค้าในอาเซียนก็เป็นสิ่งที่ควรทำทันที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

สำหรับนักลงทุนไทย ควรกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน โดยรวมสินทรัพย์ที่อิงสกุลเงินหลากหลายหรือทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย การมองหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเติบโตจากกระแส Dedollarisation ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าลอง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่กำลังขยายตัว

สรุป: อนาคตของ Dedollarisation และบทบาทของประเทศไทย

Dedollarisation เป็นกระบวนการซับซ้อนและยาวนานที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งสู่ระบบการเงินหลายขั้วที่มีสกุลเงินหลักหลายตัว ไม่ใช่การล่มสลายกะทันหันของดอลลาร์ ประเทศไทยในฐานะเศรษฐกิจหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบทบาทสำคัญในการปรับตัวและใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้

ความยืดหยุ่นในการปรับตัว การสร้างพันธมิตรในภูมิภาค และการพัฒนาระบบการเงินของตัวเอง จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ การติดตามพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจมหภาค และตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ไทยกำหนดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมและยั่งยืนในอนาคต

Dedollarisation จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรในระยะสั้นและระยะยาว?

ในระยะสั้น กระแสนี้คงทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากขึ้น สร้างความท้าทายในการจัดการทุนสำรองและการค้าของไทย แต่ในระยะยาว หากไทยปรับตัวได้ดีโดยส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นกับคู่ค้าในภูมิภาค ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินเดียว และเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยมีนโยบายหรือมาตรการใดในการรับมือกับการลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่?

ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดนโยบายกระจายการถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศให้ครอบคลุมหลายสกุลเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาดอลลาร์มากเกินไป นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับธนาคารกลางในอาเซียนเพื่อพัฒนากรอบการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นและเชื่อมโยงระบบการชำระเงิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดการพึ่งพาดอลลาร์

นักลงทุนไทยควรปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรในยุค Dedollarisation เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาส?

นักลงทุนไทยควรกระจายพอร์ตการลงทุนให้ครอบคลุมสินทรัพย์ที่อิงสกุลเงินหลากหลาย สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ หรือหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่ที่ได้ประโยชน์จาก Dedollarisation การเรียนรู้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น hedging ก็ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับการลงทุน

การลดบทบาทของเงินดอลลาร์จะส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น หรืออ่อนค่าลง และจะกระทบต่อภาคการส่งออก-นำเข้าอย่างไร?

ผลกระทบต่อค่าเงินบาทนั้นค่อนข้างซับซ้อน ไม่ได้ทำให้บาทแข็งหรืออ่อนค่าอย่างชัดเจนโดยตรง แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น นโยบายการเงินของไทย เศรษฐกิจคู่ค้า และการไหลเวียนของเงินทุน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มความผันผวนให้กับภาคส่งออก-นำเข้า ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์การชำระเงินให้ยืดหยุ่นมากขึ้น

สกุลเงินดิจิทัลและ CBDC ของไทย (เช่น Digital Baht) มีบทบาทอย่างไรในการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ในภูมิภาคอาเซียน?

CBDC อย่าง Digital Baht มีศักยภาพสูงในการเป็นเครื่องมือชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำในอาเซียน หากเชื่อมโยงระบบกันได้ดี จะช่วยลดการพึ่งพาดอลลาร์ในธุรกรรมระหว่างประเทศ และส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นให้แพร่หลายยิ่งขึ้น

ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกในประเทศไทยควรเตรียมตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินหลักที่ใช้ในการชำระเงิน?

ธุรกิจควร:

  • ศึกษาสกุลเงินที่คู่ค้าหลักใช้ในการชำระเงินให้ละเอียด
  • เจรจาการชำระเงินด้วยสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ โดยเฉพาะกับคู่ค้าในภูมิภาค
  • ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น สัญญา Forward หรือ Option
  • ติดตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและนโยบายการค้าของคู่ค้าอย่างใกล้ชิด

ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยในบริบทของ Dedollarisation หรือไม่?

ใช่ ทองคำยังคงน่าสนใจมากในยุค Dedollarisation เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยอมรับทั่วโลก ไม่ผูกติดกับนโยบายการเงินของชาติใด และมักปรับตัวขึ้นในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน การถือทองคำช่วยกระจายความเสี่ยงและรักษามูลค่าพอร์ตการลงทุนได้ดี

Dedollarisation จะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและการค้าภายในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างไร?

การลดการพึ่งพาดอลลาร์จะกระตุ้นให้ประเทศอาเซียนใช้สกุลเงินท้องถิ่นกันมากขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนธุรกรรม ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของดอลลาร์ และเสริมการค้าการลงทุนภายในภูมิภาค การร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินจะทำให้อาเซียนแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจโดยรวม

ความเสี่ยงหลักที่ Dedollarisation อาจนำมาสู่ระบบการเงินและการค้าระหว่างประเทศของไทยคืออะไร?

ความเสี่ยงหลัก ได้แก่:

  • ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนในระบบการเงินโลก
  • ความซับซ้อนในการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ
  • ความท้าทายในการปรับตัวของธุรกิจที่คุ้นเคยกับดอลลาร์
  • การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์และมาตรฐานการชำระเงินข้ามชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาปรับตัว

นอกจาก BRICS แล้ว มีกลุ่มประเทศหรือองค์กรใดอีกบ้างที่กำลังขับเคลื่อนวาระ Dedollarisation?

นอกจาก BRICS ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่กำลังสำรวจแนวทาง Dedollarisation เช่น:

  • ASEAN: เน้นส่งเสริมการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นและเชื่อมโยงระบบ
  • Shanghai Cooperation Organisation (SCO): สมาชิกบางส่วนผลักดันการค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่น
  • กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง: บางแห่งเริ่มรับชำระค่าน้ำมันด้วยสกุลเงินอื่นนอกจากดอลลาร์
  • บางประเทศในแอฟริกาและละตินอเมริกา: กำลังทดลองใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์

發佈留言