บทนำ: Credit Default Swap (CDS) คืออะไร?
ในวงการการเงินที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เครื่องมืออย่าง Credit Default Swap (CDS) กลายเป็นส่วนสำคัญของอนุพันธ์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการและถ่ายโอนความเสี่ยงด้านเครดิต สำหรับนักลงทุนและสถาบันการเงินในไทย การรู้จัก CDS อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงโอกาสในการปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น

พื้นฐานของ CDS คือสัญญาอนุพันธ์ที่ทำงานคล้ายกับประกันภัยสำหรับตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกู้หรือสินเชื่อ หากเกิดกรณีที่ผู้กู้หรือตราสารที่กำหนดไว้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ผู้ที่ซื้อความคุ้มครองจะได้รับเงินชดเชยจากผู้ขายตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

เครื่องมือนี้ได้รับความนิยมในหมู่ธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลก เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการปล่อยกู้หรือลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ว่าจะนำมาใช้เพื่อป้องกันความสูญเสียหรือเพื่อหาผลกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางของตลาดเครดิต โดยในทางปฏิบัติ CDS ช่วยให้ผู้เข้าร่วมตลาดสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ผันผวนได้ดีขึ้น

กลไกการทำงานของ Credit Default Swap (CDS)
เพื่อให้เข้าใจ CDS อย่างถ่องแท้ จำเป็นต้องพิจารณาถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องและขั้นตอนพื้นฐานของสัญญานี้ ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพการไหลเวียนของความเสี่ยงได้ชัดเจน
ผู้ที่เกี่ยวข้องในสัญญา CDS
โดยทั่วไป สัญญา CDS จะมีผู้เข้าร่วมหลักสามกลุ่ม ดังนี้
- ผู้ซื้อความคุ้มครอง: คือบุคคลหรือองค์กรที่ต้องการลดความเสี่ยงจากกรณีผิดนัดชำระหนี้ เช่น ธนาคารที่มีสินเชื่อจำนวนมาก หรือนักลงทุนที่ถือตราสารหนี้หลัก ผู้ซื้อจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเป็นงวดๆ แก่ผู้ขาย เพื่อแลกกับการคุ้มครอง
- ผู้ขายความคุ้มครอง: คือฝ่ายที่ยอมรับความเสี่ยงด้านเครดิตและรับเบี้ยประกันเป็นค่าตอบแทน มักเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ กองทุนเฮดจ์ หรือบริษัทประกันภัยที่มองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากความเสี่ยงนี้
- ตราสารอ้างอิง: คือผู้กู้หรือผู้ออกตราสารหนี้ที่ถูกนำมาอ้างอิง เช่น บริษัทเอกชนที่ออกหุ้นกู้หรือรัฐบาลที่ออกพันธบัตร สัญญา CDS เกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น โดยอ้างอิงสถานะเครดิตของตราสารนี้โดยไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
สำหรับความชัดเจน สามารถสรุปบทบาทของแต่ละฝ่ายได้จากตารางด้านล่าง
| ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง | บทบาทหลัก | สิ่งที่จ่าย/ได้รับ |
|---|---|---|
| ผู้ซื้อความคุ้มครอง | ต้องการป้องกันความเสี่ยง | จ่ายเบี้ยประกัน |
| ผู้ขายความคุ้มครอง | รับความเสี่ยง เพื่อผลตอบแทน | ได้รับเบี้ยประกัน |
| ตราสารอ้างอิง | ลูกหนี้ที่สถานะเครดิตถูกอ้างอิง | ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับสัญญา CDS |
กระบวนการแลกเปลี่ยนความคุ้มครอง
การดำเนินงานของ CDS เริ่มจากผู้ซื้อที่จ่ายเบี้ยประกันให้ผู้ขายอย่างต่อเนื่อง เช่น ทุกสามเดือน ตลอดระยะเวลาสัญญา
หากตราสารอ้างอิงไม่เกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ใดๆ จนครบกำหนด ผู้ขายจะได้เก็บเบี้ยทั้งหมดโดยไม่ต้องจ่ายชดเชย และสัญญาก็สิ้นสุดลงอย่างเรียบร้อย
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กระบวนการชดเชยจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ CDS มีคุณค่าในการปกป้อง
เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ (Credit Event): จุดเปลี่ยนของสัญญา CDS
เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้คือเงื่อนไขหลักในสัญญา CDS ที่จะบังคับให้ผู้ขายต้องชดเชยผู้ซื้อ โดยองค์กร International Swaps and Derivatives Association (ISDA) ได้กำหนดนิยามเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้การซื้อขาย CDS ทั่วโลกมีมาตรฐานเดียวกัน
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่พบบ่อย ได้แก่
- การล้มละลาย: เมื่อตราสารอ้างอิงไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้และถูกศาลประกาศล้มละลาย
- การผิดนัดชำระหนี้: กรณีที่ไม่สามารถจ่ายเงินต้นหรือดอกเบี้ยตามกำหนดในตราสารหนี้ที่กำหนด
- การปรับโครงสร้างหนี้: การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหนี้โดยไม่เต็มใจ เช่น ยืดเวลาชำระ ลดอัตราดอกเบี้ย หรือลดยอดหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดที่รุนแรง
- การปฏิเสธหนี้: เมื่อตราสารอ้างอิงปฏิเสธที่จะชำระหนี้ตามสัญญา
เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ผู้ขายต้องชดเชยผู้ซื้อ โดยมีวิธีหลักสองแบบ
- การชดเชยด้วยการส่งมอบสินทรัพย์: ผู้ซื้อส่งตราสารหนี้ที่ผิดนัดให้ผู้ขาย และผู้ขายจ่ายเงินต้นเต็มจำนวนคืน
- การชดเชยด้วยเงินสด: ผู้ขายจ่ายเงินสด โดยคำนวณจากส่วนต่างระหว่างมูลค่าหน้าตั๋วกับมูลค่าตลาดหลังเหตุการณ์
ในตลาดไทย สถานการณ์หุ้นกู้ที่ไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด “หุ้นกู้ default คืออะไร” ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ CDS สามารถให้ความคุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้ผู้ถือหุ้นกู้ไม่ต้องเผชิญความสูญเสียทั้งหมด
วัตถุประสงค์และการใช้งาน CDS: ไม่ใช่แค่การป้องกันความเสี่ยง
CDS ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การป้องกันความสูญเสียเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการคาดการณ์และทำกำไรในตลาดเครดิต โดยผู้เข้าร่วมสามารถนำไปปรับใช้ตามกลยุทธ์ของตนเอง
การป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิต
จุดประสงค์หลักคือการใช้ CDS เพื่อลดผลกระทบจากความเป็นไปได้ที่ผู้กู้จะผิดนัดชำระหนี้ในพอร์ตการลงทุน
ตัวอย่างเช่น ธนาคารไทยที่ปล่อยสินเชื่อให้บริษัทใหญ่หลายแห่งอาจเผชิญความเสี่ยง หากบริษัทเหล่านั้นล้มเหลวในการชำระเงิน ด้วยการซื้อ CDS ที่อ้างอิงบริษัทเหล่านั้น ธนาคารจะได้รับชดเชยหากเกิดปัญหา ซึ่งช่วยรักษาสภาพคล่องและผลกำไรโดยรวม โดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์จริงทิ้งไป
ประโยชน์นี้ทำให้ CDS กลายเป็นตัวเลือกยืดหยุ่นสำหรับนักลงทุนสถาบัน ช่วยให้พวกเขารักษาการลงทุนไว้ได้ต่อไป ในขณะที่ลดความผันผวนจากความเสี่ยงเครดิต
การเก็งกำไรในตลาดเครดิต
นอกจากป้องกันแล้ว CDS ยังเหมาะสำหรับการเก็งกำไร โดยผู้ขายสามารถสะสมเบี้ยประกันเป็นกำไร หากไม่มีเหตุการณ์ผิดนัดเกิดขึ้น พวกเขาจะประเมินความเสี่ยงล่วงหน้าและตั้งเบี้ยให้เหมาะสม
ทางด้านผู้ซื้อ หากเชื่อว่าสถานะเครดิตของบริษัทหรือประเทศจะแย่ลง พวกเขาสามารถซื้อ CDS เพื่อรอรับชดเชย หากคาดการณ์ถูกต้อง มูลค่าของสัญญาจะเพิ่มขึ้น สร้างกำไรให้กับผู้ถือ
การเก็งกำไรเช่นนี้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดและทำให้ราคา CDS สะท้อนมุมมองของผู้เข้าร่วมต่อความเสี่ยงได้แม่นยำยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มันมาพร้อมความเสี่ยงสูง หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาด
CDS กับตลาดการเงินไทย: มุมมองและผลกระทบ
แม้ CDS จะแพร่หลายในตลาดโลก แต่ในไทยยังจำกัดการใช้งานหลักๆ อยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่
ผู้ใช้หลักคือธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ ที่นำ CDS มาจัดการความเสี่ยงจากตราสารหนี้หรือสินเชื่อ เช่น
- ปกป้องหุ้นกู้ที่ถือไว้จากการผิดนัด
- ลดความเสี่ยงจากสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่
- ปรับสมดุลความเสี่ยงเครดิตตามนโยบายองค์กร
CDS ช่วยยกระดับการบริหารความเสี่ยงในตลาดตราสารหนี้ไทย ซึ่งอาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง เนื่องจากสถาบันมีความมั่นใจมากขึ้นในการลงทุน
ด้านการกำกับดูแล ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีบทบาทสำคัญในการดูแลอนุพันธ์รวมถึง CDS เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบ ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกแนวปฏิบัติเพื่อให้การทำธุรกรรมโปร่งใสและระมัดระวัง
เมื่อเทียบกับ สัญญา Swap ทั่วไป เช่น การแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือสกุลเงิน CDS มุ่งเน้นเฉพาะความเสี่ยงเครดิต ทำให้ซับซ้อนและเฉพาะทางมากกว่า
ข้อดีและข้อควรระวังของ Credit Default Swap
เหมือนเครื่องมือการเงินอื่นๆ CDS มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่ผู้สนใจควรพิจารณาให้รอบคอบ
ข้อดี
- ความยืดหยุ่น: ช่วยจัดการความเสี่ยงเครดิตโดยไม่ต้องขายตราสารหนี้จริง สร้างอิสระในการวางแผนพอร์ต
- การบริหารความเสี่ยง: ปกป้องจากความสูญเสียที่อาจเกิด ลดความผันผวนและรักษาเงินทุน
- การเข้าถึงตลาด: ให้โอกาสสัมผัสความเสี่ยงเครดิตโดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง โดยเฉพาะกรณีที่มีข้อจำกัดในการซื้อ
- การค้นพบราคา: เบี้ยประกัน CDS สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อตราสารอ้างอิง กลายเป็นตัวชี้วัดที่มีค่า
ข้อควรระวังและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
- ความเสี่ยงคู่สัญญา: ผู้ซื้อต้องพึ่งพาผู้ขาย หากผู้ขายล้มละลาย ชดเชยอาจไม่เกิดขึ้น
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: เป็นตลาด OTC ที่อาจขาดสภาพคล่อง ทำให้ปิดสถานะยากในยามวิกฤต
- ความซับซ้อน: ต้องเข้าใจกลไกและเงื่อนไขอย่างละเอียด มิเช่นนั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด
- ความเสี่ยงจากเหตุการณ์: CDS ครอบคลุมเฉพาะเครดิต ไม่รวมความเสี่ยงกฎหมายหรือนโยบายอื่นๆ
วิกฤตการเงินปี 2008 แสดงให้เห็นถึงความอันตรายของ CDS โดยเฉพาะเมื่อผสมกับ Collateralized Debt Obligations (CDOs) ที่ทำให้ความเสี่ยงลุกลาม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงเพิ่มการกำกับดูแลให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การรู้จัก Credit Risk ในรูปแบบต่างๆ เช่น การปรับลดอันดับเครดิตหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพคล่อง ก็สำคัญ เพราะ CDS อาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Credit Default Swap
1. Credit Default Swap (CDS) คืออะไร และแตกต่างจากสัญญาประกันทั่วไปอย่างไร?
Credit Default Swap (CDS) คือสัญญาอนุพันธ์ที่ใช้เพื่อโอนย้ายความเสี่ยงด้านเครดิตจากการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารอ้างอิง แตกต่างจากสัญญาประกันทั่วไปตรงที่ CDS เป็นสัญญาที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาด และมักจะใช้กับตราสารหนี้ทางการเงิน เช่น หุ้นกู้ ไม่ได้คุ้มครองสินทรัพย์ทางกายภาพหรือความเสียหายส่วนบุคคลเหมือนประกันทั่วไป และมักเกี่ยวข้องกับนักลงทุนสถาบันมากกว่ารายย่อย
2. ใครคือผู้เล่นหลักในตลาด CDS และแต่ละฝ่ายมีบทบาทอย่างไร?
ผู้เล่นหลักในตลาด CDS มี 3 ฝ่าย ได้แก่:
- ผู้ซื้อความคุ้มครอง (Protection Buyer): จ่ายเบี้ยประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้
- ผู้ขายความคุ้มครอง (Protection Seller): รับเบี้ยประกันและรับความเสี่ยงที่จะต้องชดเชยหากเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้
- ตราสารอ้างอิง (Reference Entity): ลูกหนี้หรือผู้ออกตราสารหนี้ที่สถานะเครดิตถูกนำมาอ้างอิงในสัญญา CDS
3. เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ (Credit Event) ที่จะทำให้สัญญา CDS ทำงาน มีอะไรบ้าง?
เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ที่สำคัญและทำให้สัญญา CDS ทำงาน ได้แก่ การล้มละลาย (Bankruptcy), การผิดนัดชำระหนี้ (Failure to Pay / Default) เช่น หุ้นกู้ default, และการปรับโครงสร้างหนี้ (Restructuring) ที่เป็นผลเสียต่อเจ้าหนี้
4. CDS มีประโยชน์อย่างไรต่อสถาบันการเงินและนักลงทุนในประเทศไทย?
CDS ช่วยให้สถาบันการเงินและนักลงทุนในประเทศไทยสามารถบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้หรือสินเชื่อในพอร์ตการลงทุน ซึ่งช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนและเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรจากทิศทางของความเสี่ยงด้านเครดิต
5. การลงทุนใน CDS มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนควรระวัง?
ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ ความเสี่ยงคู่สัญญา (Counterparty Risk) ที่ผู้ขายอาจไม่สามารถชดเชยได้หากเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้, ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) เนื่องจากเป็นตลาด OTC ที่อาจหาคู่ค้าได้ยาก, และ ความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ ที่ต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
6. ตลาด CDS ในประเทศไทยมีการกำกับดูแลอย่างไร และใครเป็นผู้ดูแล?
ตลาด CDS ในประเทศไทยถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานหลักอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้มั่นใจในเสถียรภาพของระบบการเงินและความโปร่งใสในการทำธุรกรรม โดยมุ่งเน้นที่การใช้งานของสถาบันการเงินเป็นหลัก
7. CDS กับหุ้นกู้ default เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
หุ้นกู้ default คือหนึ่งในเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ (Credit Event) ที่สำคัญที่สุดที่สัญญา CDS ให้ความคุ้มครอง หากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้จริง ผู้ซื้อ CDS ที่มีหุ้นกู้นั้นเป็นตราสารอ้างอิงก็จะได้รับการชดเชยจากผู้ขาย CDS
8. นักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนใน CDS ได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว Credit Default Swap เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อนและมีขนาดการทำธุรกรรมที่ใหญ่ จึงมักจำกัดอยู่เฉพาะการซื้อขายระหว่างสถาบันการเงินขนาดใหญ่และนักลงทุนสถาบันเท่านั้น นักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยจึงไม่สามารถเข้าถึงการลงทุนใน CDS ได้โดยตรง
9. มีข้อถกเถียงใดๆ เกี่ยวกับ CDS เช่น “CDS ล้างพิษ” ที่ควรทำความเข้าใจเพิ่มเติมหรือไม่?
คำว่า “CDS ล้างพิษ” ไม่ใช่ศัพท์ทางการเงินที่ถูกต้องและอาจเป็นความเข้าใจผิดที่แพร่หลายในบางชุมชนออนไลน์ CDS เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่ “ยาแก้พิษ” หรือ “การล้างพิษ” สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือการที่ CDS ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถ “ล้าง” หรือโอนความเสี่ยงด้านเครดิตออกจากงบดุลของตนไปยังผู้ที่เต็มใจรับความเสี่ยงนั้นแทน เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงที่สมดุลมากขึ้น
10. Credit Default Swap (CDS) แตกต่างจาก Credit Derivatives ประเภทอื่น ๆ เช่น CDO อย่างไร?
CDS เป็นสัญญาอนุพันธ์ที่เน้นการโอนย้ายความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารอ้างอิงเดี่ยวๆ (Single Name) หรือกลุ่มเล็กๆ ในขณะที่ Collateralized Debt Obligation (CDO) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนกว่า โดยเป็นการรวมกลุ่มของตราสารหนี้จำนวนมาก (เช่น สินเชื่อหรือหุ้นกู้) เข้าด้วยกัน แล้วนำมาแบ่งออกเป็น “ชั้น” (tranches) ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกัน ซึ่ง CDS สามารถถูกใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งในการสร้าง CDO ได้ แต่ CDO มีโครงสร้างและกลไกการทำงานที่ซับซ้อนกว่า CDS มาก