บทนำ: ทำความเข้าใจ ‘ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก’ คืออะไร?
ในแวดวงการเงินและเศรษฐกิจ สกุลเงินไม่ใช่แค่เครื่องมือแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนพลังทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของแต่ละชาติ มูลค่าของเงินกำหนดว่าหน่วยเงินหนึ่งของเราจะซื้อสินค้า บริการ หรือแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินอื่นได้เท่าไหร่ บทความนี้จะพาคุณดำดิ่งสู่เรื่องราวของ ‘ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก’ หัวข้อที่ดึงดูดความสนใจ ไม่เพียงเพราะตัวเลขที่น่าตกใจ แต่ยังเผยให้เห็นอุปสรรคทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ประเทศเหล่านั้นกำลังเผชิญ

เราจะสำรวจกันว่าปัจจัยใดที่ทำให้มูลค่าเงินบางสกุลทรุดตัวลง จนกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แลกเปลี่ยนได้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หรือแม้แต่บาทไทยของเรา นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในโลกแบบอัปเดต พร้อมวิเคราะห์สาเหตุเฉพาะหน้า และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะเรื่องท่องเที่ยว การลงทุน หรือการติดตามข่าวเศรษฐกิจนานาชาติ เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบครันและนำไปใช้ได้จริง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงิน ‘อ่อนค่า’ ลง
มูลค่าของสกุลเงินเกิดจากปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เมื่อเงินอ่อนค่าอย่างหนัก มักเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาโครงสร้างภายในประเทศ ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อและความไว้วางใจจากนักลงทุน

อัตราเงินเฟ้อสูง (High Inflation Rate)
เงินเฟ้อที่พุ่งสูงและยากต่อการควบคุมคือตัวการหลักที่กัดเซาะมูลค่าเงิน เมื่อราคาสินค้าและบริการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังซื้อของเงินก็ลดฮวบ ประชาชนต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อของเดิม ธนาคารกลางอาจพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อจัดการหนี้หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หากเกินพอดี จะยิ่งจุดชนวนเงินเฟ้อหนักขึ้น สถานการณ์แบบนี้ทำให้ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างชาติลังเล ส่งผลให้เงินทุนไหลออกและเงินอ่อนค่าต่อเนื่อง
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง (Economic and Political Stability)
ความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจคือรากฐานของความเชื่อมั่นในสกุลเงิน ประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การประท้วง ความวุ่นวาย หรือรัฐบาลเปลี่ยนถี่ๆ มักทำให้เกิดความกังวล การคอร์รัปชัน การขาดโปร่งใส หรือนโยบายเศรษฐกิจที่พลิกผัน ล้วนผลักดันให้เงินทุนหลุดรอดออกนอกประเทศ และทำให้ค่าเงินทรุดลง เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้
หนี้สาธารณะและนโยบายการเงิน (Public Debt and Monetary Policy)
หนี้สาธารณะที่พอกพูนคือภาระหนักอึ้งต่อเศรษฐกิจ รัฐบาลที่มีหนี้ล้นและชำระยาก อาจก่อความหวั่นเกรงเรื่องผิดนัดชำระ ส่งผลให้ต้องกู้เพิ่ม ซึ่งนำไปสู่การพิมพ์เงินและเงินเฟ้อ นโยบายการเงินจากธนาคารกลางก็สำคัญไม่แพ้ หากไม่รัดกุม เช่น คงดอกเบี้ยต่ำท่ามกลางเงินเฟ้อ หรือแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนแบบไม่เหมาะสม ก็จะเร่งให้เงินอ่อนค่าลง
การพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์และการส่งออก (Reliance on Commodities and Exports)
หลายชาติมีเศรษฐกิจที่ยึดติดกับการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ก๊าซ แร่ หรือผลผลิตทางการเกษตร เมื่อราคาเหล่านี้ในตลาดโลกแกว่งไกวหรือร่วงหนัก รายได้จากการส่งออกก็สะดุด ทำให้ขาดเงินตราต่างประเทศ และดึงมูลค่าเงินในประเทศลง เนื่องจากความต้องการสกุลเงินนั้นลดน้อย

10 อันดับค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก (อัปเดต 2024)
การเรียงลำดับสกุลเงิน ‘ถูกที่สุด’ มักดูจากอัตราแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือยูโร (EUR) โดยเฉพาะตัวเลขที่สูงลิ่วเมื่อเทียบ 1 หน่วยของเงินหลัก นี่คือ 10 อันดับสกุลเงินมูลค่าต่ำสุดในโลก ณ ขณะนี้ (ข้อมูลปี 2024 โดยประมาณ อาจปรับเปลี่ยนได้)
- 1. เรียลอิหร่าน (Iranian Rial – IRR)
- ประเทศ: อิหร่าน
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 42,000 IRR (อัตราทางการ) / 1 THB ≈ 1,150 IRR (อัตราทางการ) แต่ในตลาดมืดอาจถึง 500,000 IRR ต่อ 1 USD
- สาเหตุ: อิหร่านถูกคว่ำบาตรเศรษฐกิจจากนานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ มานานหลายสิบปี สิ่งนี้จำกัดการส่งออกน้ำมันและธุรกรรมการเงิน ทำให้เศรษฐกิจหดตัว เงินเฟ้อถีบตัว และเรียลอ่อนค่าอย่างหนัก
- 2. ดองเวียดนาม (Vietnamese Dong – VND)
- ประเทศ: เวียดนาม
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 25,000 VND / 1 THB ≈ 700 VND
- สาเหตุ: แม้เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวเร็ว แต่รัฐบาลจงใจรักษาดองให้อ่อนค่าเพื่อหนุนการส่งออกและดึงดูดทุนต่างชาติ เงินเฟ้อระดับกลางและการจัดการนโยบายการเงินก็ช่วยให้อยู่ในระดับนี้ แม้ดองจะแลกสูง แต่กำลังซื้อภายในยังดี
- 3. เลโอนเซียร์ราลีโอน (Sierra Leonean Leone – SLL)
- ประเทศ: เซียร์ราลีโอน
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 23,000 SLL / 1 THB ≈ 630 SLL (หลังปรับหน่วยปี 2022 โดยลบศูนย์ 3 ตัว)
- สาเหตุ: เซียร์ราลีโอนเผชิญปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรัง เช่น ความยากจน เงินเฟ้อสูง หนี้สาธารณะ และพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเจอผลจากสงครามกลางเมืองและการระบาดของอีโบลา
- 4. กีบลาว (Lao Kip – LAK)
- ประเทศ: ลาว
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 20,800 LAK / 1 THB ≈ 570 LAK
- สาเหตุ: เศรษฐกิจลาวติดปัญหาหนี้สาธารณะสูง ขาดดุลการค้า และพึ่งพานำเข้าพลังงานกับสินค้าจำเป็น ราคาน้ำมันโลกที่ขึ้นกระทบค่าครองชีพและนำเข้า การลงทุนโครงสร้างใหญ่จากจีนยังก่อหนี้ต่างประเทศมหาศาล จากรายงานของ Bangkok Post ชี้ว่ากีบยังอ่อนค่าต่อเนื่อง
- 5. รูเปียห์อินโดนีเซีย (Indonesian Rupiah – IDR)
- ประเทศ: อินโดนีเซีย
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 16,000 IDR / 1 THB ≈ 440 IDR
- สาเหตุ: รูเปียห์เป็นเงินตลาดเกิดใหม่ที่ผันผวนสูง อ่อนไหวต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และกระแสทุนโลก แม้เศรษฐกิจอินโดนีเซียแข็งแกร่ง แต่การพึ่งพาส่งออกและทุนต่างชาติ ทำให้เสี่ยงต่อปัจจัยภายนอก
- 6. ซอมอุซเบกิสถาน (Uzbekistan Som – UZS)
- ประเทศ: อุซเบกิสถาน
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 12,700 UZS / 1 THB ≈ 350 UZS
- สาเหตุ: อุซเบกิสถานกำลังปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ รวมถึงยกเลิกควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เงินปรับสู่ระดับตลาดจริง การเปิดเสรีนี้ช่วยดึงทุน แต่ช่วงแรกทำให้เงินอ่อนลง
- 7. ฟรังก์กินี (Guinean Franc – GNF)
- ประเทศ: กินี
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 8,500 GNF / 1 THB ≈ 230 GNF
- สาเหตุ: กินีร่ำรวยทรัพยากร แต่ยังยากจน คอร์รัปชันสูง และการเมืองไม่มั่นคง การพึ่งพาส่งออกแร่กับโครงสร้างเศรษฐกิจอ่อนแอ ทำให้ฟรังก์กินีมูลค่าต่ำ
- 8. ปารากวัย กวารานี (Paraguayan Guarani – PYG)
- ประเทศ: ปารากวัย
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 7,400 PYG / 1 THB ≈ 200 PYG
- สาเหตุ: ปารากวัยยึดเกษตรเป็นหลัก ได้รับผลจากราคาสินค้าเกษตรแกว่งไกว รวมถึงปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจและคอร์รัปชัน
- 9. คัมโบเดีย เรียล (Cambodian Riel – KHR)
- ประเทศ: กัมพูชา
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 4,000 KHR / 1 THB ≈ 110 KHR
- สาเหตุ: เศรษฐกิจกัมพูชาเติบโต แต่พึ่งพาดอลลาร์สหรัฐมาก (Dollarization) ทำให้ธุรกรรมหลักใช้ USD ความต้องการเรียลในประเทศจึงต่ำ ส่งผลให้มูลค่าอ่อนแอ
- 10. เปโซโคลอมเบีย (Colombian Peso – COP)
- ประเทศ: โคลอมเบีย
- อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 USD ≈ 3,900 COP / 1 THB ≈ 107 COP
- สาเหตุ: โคลอมเบียส่งออกน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ใหญ่ จึงกระทบจากราคาน้ำมันโลกแกว่งไกว บวกกับปัญหาการเมืองภายในและนโยบายเศรษฐกิจที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นนักลงทุน
ความแตกต่างระหว่าง “มูลค่าที่ถูกที่สุด” กับ “อำนาจซื้อจริง”
ต้องเข้าใจว่าอัตราแลกเปลี่ยนสูงกับดอลลาร์ไม่ได้แปลว่าค่าครองชีพแพงเสมอไป บางเงินอ่อนค่ามากแต่กำลังซื้อภายในดี เพราะสินค้าส่วนใหญ่ผลิตและใช้ในประเทศ เช่น ในเวียดนาม ดองแลกสูงแต่ค่าครองชีพยังถูกกว่าหลายแห่ง
ผลกระทบของค่าเงินที่อ่อนค่าต่อเศรษฐกิจโลกและผู้คน
เงินอ่อนค่าหนักไม่กระทบแค่เจ้าของสกุลเงิน แต่ยังลามไปยังเศรษฐกิจโลกและชีวิตผู้คนทั่วไปแบบโซ่ตรวน
ข้อดีและข้อเสียของการมีค่าเงินที่อ่อนค่า
ข้อดี:
- กระตุ้นการส่งออก: สินค้าของประเทศนั้นจะถูกลงในสายตาต่างชาติ เพิ่มขีดแข่งขันในตลาดโลก
- ดึงดูดการท่องเที่ยว: นักเดินทางต่างชาติรู้สึกคุ้มเพราะเงินพวกเขาซื้อได้มากขึ้น
- ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): ต้นทุนตั้งโรงงานหรือทำธุรกิจต่ำลงสำหรับทุนต่างชาติ
ข้อเสีย:
- นำเข้าแพงขึ้น: สินค้านำเข้าหรือวัตถุดิบราคาพุ่ง กระทบต้นทุนธุรกิจและค่าครองชีพ
- เงินเฟ้อ: ราคานำเข้าที่สูงลามสู่ผู้บริโภค จุดชนวนเงินเฟ้อในประเทศ
- อำนาจซื้อลดลง: เงินออมเสื่อมค่า การเที่ยวต่างประเทศหรือซื้อของนำเข้าแพงขึ้น
- หนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น: ถ้าหนี้เป็นเงินต่างชาติ เมื่อเงินอ่อน ภาระคิดเป็นเงินท้องถิ่นจะหนักขึ้น
ผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
เงินอ่อนค่าอาจพลิกสมดุลการค้าและลงทุนนานาชาติ ประเทศเหล่านั้นกลายเป็นจุดผลิตราคาถูกสำหรับบริษัทข้ามชาติ แต่ความไม่แน่นอนจากปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้เงินอ่อน ก็อาจขัดขวางทุนต่างชาติเพราะเสี่ยงสูง การไหลเวียนทุนโลกได้รับผลจากอัตราแลกเปลี่ยนแกว่ง ส่งผลต่อการตัดสินใจขยายธุรกิจหรือลงทุนใหม่ๆ ของบริษัทใหญ่
ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกกับมุมมองของคนไทย
สำหรับชาวไทย การรู้จักค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกมีคุณค่าหลายด้าน ไม่ว่าจะวางแผนเที่ยว พิจารณาลงทุน หรือตีความข่าวเศรษฐกิจโลก
การท่องเที่ยว: เมื่อเงินบาทไทยมีอำนาจซื้อสูงในต่างแดน
นักท่องเที่ยวไทยที่ไปประเทศเงินอ่อนค่ากว่าบาท จะได้ประสบการณ์คุ้มสุดๆ เช่น เที่ยวลาวหรือเวียดนามใกล้บ้าน ค่ากินอยู่ ที่พัก และเดินทางถูกลงมาก เงินบาทไม่กี่บาทก็สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ได้เต็มอิ่ม การเลือกจุดหมายแบบนี้เหมาะสำหรับคนอยากประหยัด
การลงทุน: โอกาสและความเสี่ยงในตลาดเกิดใหม่
ลงทุนในประเทศเงินอ่อนค่าหรือตลาดเกิดใหม่ อาจได้ผลตอบแทนสูงถ้าเศรษฐกิจฟื้นและเงินแข็งค่ากลับ แต่เสี่ยงมหาศาลจากตลาดผันผวน การเมืองไม่แน่นอน และเศรษฐกิจเปราะบางที่อาจทำให้ทุนหายวับ นักลงทุนไทยควรศึกษาลึกและชั่งเสี่ยงที่รับไหวก่อนลงมือในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง
การทำความเข้าใจข่าวสารเศรษฐกิจโลก
ความรู้เรื่องเงินอ่อนค่าและสาเหตุช่วยให้ไทยตีความข่าวเศรษฐกิจโลกได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะวิกฤตในชาติใด การคว่ำบาตรการค้า หรือนโยบายธนาคารกลาง พื้นฐานเหล่านี้ช่วยวิเคราะห์ผลต่อเศรษฐกิจไทยหรือชีวิตเรา เช่น ราคานำเข้าหรือน้ำมัน
มุมมองเพิ่มเติม: สำหรับไทยที่โอนเงินข้ามชาติ เช่น แรงงานในเพื่อนบ้านหรือส่งเงินกลับจากประเทศเงินอ่อน การรู้อัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมสำคัญมาก ลองเปรียบเทียบจากธนาคารหรือบริการดิจิทัลหลายเจ้า เพื่อได้อัตราดีสุด
สรุป: อนาคตของค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลก
現象ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกสะท้อนความซับซ้อนของเศรษฐกิจโลก มูลค่าเงินไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่รวมปัจจัยเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ตั้งแต่เงินเฟ้อคุมไม่ได้ การเมืองไม่มั่นคง หนี้สูง ไปจนถึงพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์
บางเงินอาจอ่อนค่าต่อเนื่องจากปัญหา根รากลึก แต่บางตัวมีโอกาสฟื้นถ้าประเทศจัดการอุปสรรคได้ดี อนาคตขึ้นกับนโยบายรอบคอบ สร้างความเชื่อมั่น และปฏิรูปเศรษฐกิจ
สำหรับไทย ความรู้นี้ไม่ใช่แค่สาระ แต่ช่วยวางแผนเที่ยว ชั่งลงทุน และเข้าใจข่าวโลก การติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ปรับตัวและใช้โอกาสจากค่าเงินเปลี่ยนแปลงได้อย่างชาญฉลาด ธนาคารแห่งประเทศไทย มีบทบาทกำกับนโยบายการเงินและแลกเปลี่ยน เพื่อรักษาความมั่นคงบาทและเศรษฐกิจไทย
1. ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกคือสกุลเงินใดในปัจจุบัน?
ณ ปี 2024 ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ คือ เรียลอิหร่าน (IRR) ตามมาด้วยดองเวียดนาม (VND) และเลโอนเซียร์ราลีโอน (SLL) อย่างไรก็ตาม อันดับเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโลก
2. ทำไมบางประเทศถึงมีค่าเงินที่อ่อนค่ามากๆ?
สาเหตุหลักได้แก่: อัตราเงินเฟ้อสูง, ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมือง, หนี้สาธารณะจำนวนมาก, นโยบายการเงินที่ไม่รัดกุม, และการพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาผันผวน ปัจจัยเหล่านี้บ่อนทำลายความเชื่อมั่นและทำให้อำนาจซื้อของสกุลเงินลดลง
3. การที่ค่าเงินอ่อนค่ามีผลดีและผลเสียอย่างไรต่อประเทศนั้นๆ?
ผลดี: กระตุ้นการส่งออก, ดึงดูดการท่องเที่ยว, ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ผลเสีย: สินค้านำเข้าแพงขึ้น, ทำให้เกิดเงินเฟ้อ, อำนาจซื้อของประชาชนลดลง, ภาระหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น
4. ในฐานะคนไทย การเดินทางไปประเทศที่มีค่าเงินถูกที่สุดในโลกคุ้มค่าหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้วถือว่า คุ้มค่าในแง่ของค่าใช้จ่าย เพราะเงินบาทไทยจะมีอำนาจซื้อสูง ทำให้ค่าครองชีพในการท่องเที่ยว เช่น ค่าอาหาร ที่พัก และการเดินทางภายในประเทศถูกลงมาก แต่ควรศึกษาเรื่องความปลอดภัยและวัฒนธรรมของประเทศปลายทางด้วย
5. ค่าเงินบาทไทยเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่ถูกที่สุดในโลกมีมูลค่าเท่าไร?
เมื่อเทียบกับสกุลเงินที่ถูกที่สุดในโลกอย่างเรียลอิหร่าน (IRR) เงินบาทไทย 1 บาท สามารถแลกได้ประมาณ 1,150 IRR (อัตราทางการ) หรือมากกว่านั้นในตลาดมืด สำหรับดองเวียดนาม (VND) 1 บาทไทยแลกได้ประมาณ 700 VND ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจซื้อที่สูงของเงินบาทในประเทศเหล่านั้น (ตัวเลขอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
6. มีวิธีใดบ้างที่นักลงทุนชาวไทยสามารถลงทุนหรือใช้ประโยชน์จากค่าเงินที่อ่อนค่าได้?
นักลงทุนชาวไทยสามารถพิจารณาลงทุนในตลาดหุ้นหรือพันธบัตรของประเทศเหล่านั้น หรือลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสกุลเงินที่อ่อนค่ามีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ
7. ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน?
อันดับและมูลค่าของสกุลเงินเหล่านี้สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์สำคัญระดับโลกในแต่ละช่วงเวลา การติดตามข่าวสารทางการเงินจึงเป็นสิ่งจำเป็น
8. สกุลเงินใดที่ถูกที่สุดในเอเชีย?
ในเอเชีย สกุลเงินที่ถูกที่สุดคือ เรียลอิหร่าน (IRR) ตามมาด้วยดองเวียดนาม (VND) และกีบลาว (LAK) ซึ่งล้วนเป็นสกุลเงินที่มีอัตราแลกเปลี่ยนสูงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาทไทย
9. ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกมีความเสี่ยงด้านใดบ้าง?
ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน, ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อสูง, ความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ, การขาดสภาพคล่องในการแลกเปลี่ยนเงินตรา, และความเสี่ยงในการลงทุนที่อาจทำให้มูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว
10. ธนาคารแห่งประเทศไทยมีนโยบายเกี่ยวกับค่าเงินที่อ่อนค่าเหล่านี้อย่างไร?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหน้าที่หลักในการดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท และไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายของสกุลเงินต่างประเทศที่อ่อนค่า ธปท. จะมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ และดูแลให้การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นตามระเบียบที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ธปท. จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและค่าเงินต่างประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงินของไทย