66, Broklyn St, New York, USA
Turning big ideas into great services!

Bullish Flag รูปแบบธงกระทิง: ปลดล็อก 3 กลยุทธ์เด็ดทำกำไรในตลาดไทย

Home / ห้องเรียนฟอเร็กซ์ / Bul...

meetcinco_com | 11 10 月

Bullish Flag รูปแบบธงกระทิง: ปลดล็อก 3 กลยุทธ์เด็ดทำกำไรในตลาดไทย

Bullish Flag รูปแบบธงกระทิง: สุดยอดกลยุทธ์ต่อเนื่องเทรนด์สำหรับนักลงทุนไทย

รูปแบบธงกระทิง หรือที่รู้จักในชื่อ Bullish Flag ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมันช่วยบ่งชี้ถึงช่วงพักตัวชั่วคราวในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ก่อนที่ราคาจะทะยานขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนที่ชื่นชอบการเทรดตามแนวโน้มมักใช้รูปแบบนี้เพื่อค้นหาจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ หลังจากราคาปรับฐานเสร็จสิ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ราคาเคลื่อนไหวชัดเจน มันแสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังสะสมพลังเพื่อรุกคืบครั้งใหม่ ซึ่งสำหรับนักลงทุนไทยที่ลงทุนในตลาดหุ้น SET หรือแม้กระทั่งตลาดคริปโตบนแพลตฟอร์มอย่าง Bitkub การทำความรู้จักกับรูปแบบนี้จะช่วยยกระดับผลตอบแทนจากการเทรดได้อย่างเห็นผล

illustration of a bull flag pattern on a stock chart with an upward arrow and a bull market gathering strength

หากนำรูปแบบธงกระทิงไปประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณจับจังหวะเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวราคาขึ้นใหม่ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสทำกำไรสูงกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ควบคุมความเสี่ยงได้ดี ในบทความนี้ เราจะลงลึกไปยังส่วนประกอบหลักในการจดจำรูปแบบนี้ วิธีการเทรดที่ครบถ้วน และเคล็ดลับขั้นสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ โดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในตลาดไทย เพื่อให้คุณนำไปใช้ได้จริงทันที

an investor confidently analyzing a chart with a bullish flag pattern showing high profit potential illustration

องค์ประกอบและการระบุรูปแบบ Bullish Flag

การจดจำรูปแบบธงกระทิงให้ถูกต้องคือกุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรด รูปแบบนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ เสาธงและผืนธง แต่ละส่วนมีลักษณะเฉพาะที่ต้องศึกษาอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้พลาดสัญญาณสำคัญ

illustration of a stock chart clearly showing the pole and flag components of a bullish flag pattern

เสาธง: แรงผลักดันราคาขึ้นที่รุนแรง

เสาธงคือช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น มักมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูง ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่เข้มข้นและความมั่นใจของผู้เล่นในตลาด การเกิดส่วนนี้บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นที่มีโมเมนตัมชัดเจน นักลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าราคาเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกันและมีขนาดใหญ่พอที่จะแยกจากความผันผวนทั่วไป หากคุณคุ้นเคยกับพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค จะช่วยให้แยกแยะส่วนนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น Investopedia อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Technical Analysis โดยเฉพาะในตลาดที่คึกคักอย่าง SET การสังเกตปริมาณการซื้อขายจะช่วยยืนยันว่าการเคลื่อนไหวนั้นมาจากแรงผลักดันที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ข่าวลือชั่วคราว

ผืนธง: ช่วงรวมตัวและปรับฐานชั่วคราว

เมื่อเสาธงสิ้นสุดลง ราคาจะเข้าสู่เฟสพักตัวหรือปรับฐานเบาๆ ซึ่งเรียกว่า ผืนธง ส่วนนี้มักปรากฏเป็นช่องราคาคู่ขนานที่เอียงลงเล็กน้อย หรือกรอบแคบๆ ที่เคลื่อนไหวในทิศตรงข้ามกับเสาธงแบบอ่อนๆ ระหว่างนี้ ปริมาณการซื้อขายจะหดตัวลงอย่างชัดเจน แสดงถึงการหยุดพักชั่วคราวของทั้งแรงซื้อและแรงขาย ขณะที่ตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ผู้เล่นบางรายอาจขายทำกำไร ขณะที่นักลงทุนหน้าใหม่รอจังหวะเข้าตลาด การวาดเส้นแนวโน้มคู่ขนานสองเส้นเพื่อกำหนดขอบเขตของผืนธง จะช่วยให้คุณกำหนดจุดเข้าและออกได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกราฟรายวันของหุ้นไทยที่มักมีช่วงรวมตัวแบบนี้บ่อยครั้ง

การทะลุแนวต้าน: สัญญาณยืนยันการดำเนินต่อ

จุดไคลแมกซ์ของรูปแบบนี้คือการทะลุทะลวงแนวต้านด้านบนของผืนธง ซึ่งมักเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงอีกครั้ง สัญญาณนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นเดิมกำลังกลับมาสู่รางเดิม และเป็นโอกาสเข้าซื้อที่ชัดเจน ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นตัวกรองสำคัญ หากการทะลุเกิดโดยไม่มี volume สนับสนุน อาจกลายเป็นการทะลุปลอมที่นำไปสู่กับดักได้ นักลงทุนไทยที่เทรดคริปโตบน Bitkub ควรระวังจุดนี้เป็นพิเศษ เพราะตลาดนี้มักมีความผันผวนสูง ทำให้การยืนยันด้วย volume ยิ่งสำคัญ

กลยุทธ์การซื้อขาย Bullish Flag: จากจุดเข้าไปสู่การรับกำไร

หลังจากจับรูปแบบได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือการวางแผนเทรดจริง ซึ่งครอบคลุมจุดเข้า จุดตัดขาดทุน และเป้าหมายกำไร เพื่อให้การลงทุนมีโครงสร้างชัดเจน

จุดเข้าซื้อ: สัญญาณยืนยันที่เชื่อถือได้

เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าซื้อคือตอนที่ราคาเบรกผ่านแนวต้านบนของผืนธง โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น บางคนเลือกเข้าทันทีเพื่อไม่พลาดจังหวะ แต่สำหรับผู้ที่ชอบความมั่นใจมากขึ้น อาจใช้วิธีรอราคาย่อลงมาทดสอบแนวต้านเดิมที่กลายเป็นแนวรับใหม่ ก่อนเด้งขึ้นอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยกรองการทะลุปลอมและลดความเสี่ยงได้ดี โดยในตลาดหุ้นไทย การรอ retest มักให้ผลดีเพราะราคามักย่อตัวเพื่อสะสม volume เพิ่ม

จุดหยุดขาดทุน: เกราะป้องกันทุน

ไม่มีกลยุทธ์ไหนสมบูรณ์โดยปราศจากการตั้ง stop loss สำหรับรูปแบบธงกระทิง ควรวางจุดนี้ต่ำกว่าแนวรับล่างของผืนธงเล็กน้อย หรือต่ำกว่าจุดต่ำสุดของส่วนนั้น เพื่อจำกัดความเสียหายหากรูปแบบผิดพลาด นอกจากนี้ การใช้ ATR เพื่อปรับตามความผันผวนของสินทรัพย์จะทำให้จุดนี้เหมาะสมกับตลาดมากขึ้น เช่น ในช่วงที่ตลาด SET ผันผวนจากข่าวเศรษฐกิจ การเผื่อระยะให้กว้างขึ้นจะป้องกันการถูกตัดโดยไม่จำเป็น

เป้าหมายราคา: กำหนดเส้นชัยกำไร

การคำนวณเป้าหมายมักใช้วิธีวัดความยาวเสาธง จากจุดเริ่มต้นเสาธงถึงจุดเริ่มผืนธง แล้วบวกเพิ่มจากจุดทะลุ เช่น ถ้าเสาธงยาว 100 จุด และทะลุที่ 1,000 บาท เป้าหมายอาจอยู่ที่ 1,100 บาท วิธีนี้ช่วยให้คุณออกจากตำแหน่งด้วยวินัย โดยไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุนจากความโลภ

กลยุทธ์พิเศษของเรา: ยกระดับความสำเร็จของ Bullish Flag ด้วยเทคนิคขั้นสูง

นอกจากพื้นฐานแล้ว การผสมผสานเครื่องมือขั้นสูงและปัจจัยเฉพาะตลาดไทยจะช่วยให้การเทรดรูปแบบนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลองนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ

การรวมตัวชี้วัดหลายตัว: RSI, MACD และ volume

การจับคู่ Bullish Flag กับอินดิเคเตอร์อื่นๆ จะช่วยยืนยันสัญญาณและกรอง噪音ได้ดี โดย volume ที่พุ่งสูงตอนทะลุคือตัวยืนยันหลัก ปริมาณการซื้อขาย

  • RSI: ถ้า RSI ยังไม่อยู่ในโซน overbought ก่อนทะลุ และเริ่มขยับขึ้นตาม จะเป็นสัญญาณบวกที่เสริมแรง
  • MACD: ถ้าเกิด golden cross หรือ MACD อยู่เหนือศูนย์และชันขึ้นตอนทะลุ จะยืนยันโมเมนตัมขาขึ้นได้ชัดเจน

การใช้หลายตัวชี้วัดร่วมกันจะลดโอกาสพลาดจากสัญญาณหลอก โดยเฉพาะในตลาดคริปโตที่ราคาเปลี่ยนแปลงเร็ว

การวิเคราะห์กรณีศึกษาในตลาดไทย: หุ้นและคริปโต

รูปแบบนี้ใช้ได้หลากหลายในสินทรัพย์ไทย

  • ตลาดหุ้น SET: ลองนึกถึงหุ้นพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง PTT ที่ราคาพุ่งขึ้นกะทันหัน แล้วพักในกรอบแคบหลายวัน ถ้าทะลุขึ้นพร้อม volume สูง นั่นคือ Bullish Flag ชัดๆ เข้าซื้อแล้วตั้งเป้าตามเสาธง
  • คริปโตบน Bitkub: สำหรับคู่ BTC/THB หรือ ETH/THB เมื่อราคา Bitcoin พุ่งแล้วรวมตัวในผืนธง การทะลุขึ้นด้วย volume หนักจะเป็นโอกาสทองสำหรับเทรดเดอร์ไทย

การดูกราฟจริงจาก SET หรือ Bitkub จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดและนำไปปรับใช้ได้ทันที โดยเฉพาะในช่วง bull run ที่รูปแบบนี้โผล่บ่อย

การบริหารความเสี่ยงและทุนขั้นสูง: หลีกเลี่ยงหลุมพราง

ถึงรูปแบบนี้จะแข็งแกร่ง แต่ความเสี่ยงยังมี การจัดการดีๆ จะช่วยรักษาพอร์ตระยะยาว

  • ปรับขนาด position: อย่าเสี่ยงทุนเกิน 1-2% ต่อเทรด เพื่อความยั่งยืน
  • ระวัง false breakout: รอ volume สูงหรือ retest เพื่อกรองกับดัก ถ้า volume ต่ำให้ข้าม
  • ปรับตาม volatility: ในตลาดผันผวน ใช้ Bollinger Bands หรือ ATR เพื่อตั้ง stop loss ที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการถูกตัดเร็วเกิน

Bullish Flag vs. Bearish Flag: การเปรียบเทียบและจุดต่างสำคัญ

เพื่อความเข้าใจรอบด้าน การรู้จักแยก Bullish Flag จาก Bearish Flag เป็นสิ่งจำเป็น ทั้งคู่เป็นรูปแบบ continuation แต่ทิศทางตรงข้าม

ลักษณะ Bullish Flag (ธงกระทิง) Bearish Flag (ธงหมี)
แนวโน้มเดิม แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แนวโน้มขาลง (Downtrend)
เสาธง การเคลื่อนไหวขึ้นอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวลงอย่างรวดเร็ว
ผืนธง การพักตัวในกรอบคู่ขนานเอียงลงเล็กน้อย หรือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า การพักตัวในกรอบคู่ขนานเอียงขึ้นเล็กน้อย หรือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ปริมาณการซื้อขาย สูงในช่วงเสาธง ลดลงในช่วงผืนธง สูงขึ้นในการทะลุ สูงในช่วงเสาธง ลดลงในช่วงผืนธง สูงขึ้นในการทะลุ
ทิศทางการทะลุ ทะลุขึ้นเหนือเส้นแนวต้าน ทะลุลงใต้เส้นแนวรับ
ความหมาย แนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป

ตารางนี้สรุปจุดต่างชัดเจน ช่วยให้ตัดสินใจเทรดได้ถูกต้องตามบริบทตลาด

สรุป: ใช้ Bullish Flag อย่างชาญฉลาด เพื่อยกระดับการเทรดในตลาดไทย

รูปแบบธงกระทิงคืออาวุธลับสำหรับนักลงทุนที่ตามแนวโน้ม ด้วยการศึกษาส่วนประกอบอย่างเสาธง ผืนธง และการทะลุ คุณจะจับโอกาสเข้าซื้อได้แม่นยำ

การเพิ่มกลยุทธ์ขั้นสูง เช่น รวม RSI กับ MACD ดู case study ใน SET และ Bitkub รวมถึงจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ จะยกระดับอัตราชนะและปกป้องทุน การฝึกดูกราฟจริงและเรียนรู้จากผิดพลาดคือทางสู่ความเชี่ยวชาญ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในตลาดการเงินไทย

Bullish Flag คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรกับนักลงทุนไทย?

Bullish Flag คือรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่บ่งบอกถึงการพักตัวระยะสั้นในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ก่อนที่ราคาจะกลับมาพุ่งขึ้นต่อ มีประโยชน์ต่อนักลงทุนไทยในการระบุจุดเข้าซื้อที่มีศักยภาพสูงเพื่อทำกำไรจากการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น และช่วยในการบริหารความเสี่ยงด้วยการกำหนดจุดหยุดขาดทุนที่ชัดเจน โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนอย่าง SET หรือ Bitkub ที่ต้องการเครื่องมือช่วยกรองสัญญาณ

ฉันจะระบุ Bullish Flag ได้อย่างไรบนกราฟหุ้นไทยหรือคริปโตฯ ใน Bitkub?

คุณสามารถระบุ Bullish Flag ได้โดยมองหาสององค์ประกอบหลัก:

  • เสาธง (The Pole): การขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วและรุนแรงพร้อมปริมาณการซื้อขายสูง
  • ผืนธง (The Flag): การพักตัวของราคาในกรอบคู่ขนานที่เอียงลงเล็กน้อยหรือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีปริมาณการซื้อขายลดลง

จากนั้น ให้รอดูการทะลุขึ้นเหนือเส้นแนวต้านด้านบนของผืนธงพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเพื่อยืนยัน ในกราฟหุ้นไทยหรือคริปโตบน Bitkub มักเห็นรูปแบบนี้ในช่วงแนวโน้มชัดเจน

Bullish Flag กับ Bearish Flag แตกต่างกันอย่างไร และควรระวังจุดไหน?

Bullish Flag เป็นการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่ Bearish Flag เป็นการต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง โดยมีลักษณะตรงกันข้าม:

  • Bullish Flag: เสาธงขึ้น, ผืนธงเอียงลงหรือแนวนอน, ทะลุขึ้น.
  • Bearish Flag: เสาธงลง, ผืนธงเอียงขึ้นหรือแนวนอน, ทะลุลง.

สิ่งที่ควรระวังคือการทะลุหลอก (False Breakout) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาดูเหมือนจะทะลุแต่กลับไปในทิศทางตรงกันข้าม การรอการยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจผิดพลาดในตลาดไทย

การใช้ Bullish Flag ร่วมกับ RSI หรือ MACD จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้อย่างไร?

การใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ร่วมกันช่วยยืนยันสัญญาณ:

  • RSI: หาก RSI ไม่ได้อยู่ในโซนซื้อมากเกินไปก่อนการทะลุ และเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นพร้อมกับการทะลุ ถือเป็นสัญญาณที่ดี
  • MACD: การเกิด Golden Cross (MACD ตัด Signal ขึ้น) หรือ MACD อยู่เหนือเส้นศูนย์และมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงการทะลุ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของสัญญาณ Bullish Flag

การยืนยันจากหลายตัวชี้วัดจะช่วยลดโอกาสของสัญญาณหลอก โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้ในตลาดที่มี volume เปลี่ยนแปลงบ่อยอย่างคริปโต

มีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้เมื่อเทรด Bullish Flag เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน?

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยได้แก่:

  • ไม่รอการยืนยัน: เข้าซื้อเร็วเกินไปก่อนการทะลุจริง
  • ไม่สนใจปริมาณการซื้อขาย: การทะลุโดยปริมาณการซื้อขายต่ำมักเป็นสัญญาณหลอก
  • ไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุน: ทำให้ขาดทุนหนักหากรูปแบบล้มเหลว
  • การโอเวอร์เทรด: ใช้เงินทุนมากเกินไปในหนึ่งการเทรด

การทำความเข้าใจและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้จะช่วยปกป้องเงินทุนของคุณได้ โดยเฉพาะในตลาดไทยที่อาจมีปัจจัยภายนอกเข้ามาแทรก

ฉันควรตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit อย่างไรเมื่อใช้ Bullish Flag ในตลาดที่มีความผันผวน?

สำหรับจุด Stop Loss ควรตั้งต่ำกว่าเส้นแนวรับด้านล่างของผืนธงเล็กน้อย หรือต่ำกว่าจุดต่ำสุดของผืนธง เพื่อจำกัดการขาดทุน ในตลาดที่มีความผันผวนสูง อาจพิจารณาเผื่อระยะห่างของ Stop Loss ให้กว้างขึ้นเล็กน้อย หรือใช้ตัวชี้วัดเช่น ATR (Average True Range) เพื่อปรับตามความผันผวน

สำหรับจุด Take Profit โดยทั่วไปจะใช้ความยาวของเสาธงมาบวกเพิ่มจากจุดที่ราคาทำการทะลุเพื่อกำหนดเป้าหมายราคา วิธีนี้ช่วยให้สมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยงในสภาพตลาดที่ไม่แน่นอน

Bullish Flag สามารถใช้ได้กับ Cryptocurrency ในประเทศไทยอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ได้หรือไม่?

ได้ รูปแบบ Bullish Flag สามารถนำไปใช้ได้กับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทยได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่มีการซื้อขายบนแพลตฟอร์มอย่าง Bitkub เนื่องจากรูปแบบเหล่านี้เป็นพฤติกรรมของราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในตลาดที่มีสภาพคล่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคริปโตขาขึ้น

ระยะเวลาที่ Bullish Flag ก่อตัวขึ้นมีผลต่อความน่าเชื่อถือของรูปแบบหรือไม่?

โดยทั่วไป รูปแบบ Bullish Flag ที่ก่อตัวขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม (ไม่สั้นหรือยาวเกินไป) จะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า หากผืนธงใช้เวลาก่อตัวนานเกินไป (เช่น เกิน 10-12 แท่งเทียน) อาจบ่งบอกถึงการขาดโมเมนตัม และทำให้ความน่าเชื่อถือของรูปแบบลดลง ในทางตรงกันข้าม ถ้าสั้นเกินอาจเป็นแค่ noise ชั่วคราว

มีเงื่อนไขใดบ้างที่ทำให้ Bullish Flag กลายเป็นรูปแบบที่ล้มเหลว?

รูปแบบ Bullish Flag อาจล้มเหลวได้ในกรณี:

  • ราคาไม่สามารถทะลุผืนธงขึ้นไปได้
  • การทะลุเกิดขึ้นโดยมีปริมาณการซื้อขายต่ำ ซึ่งบ่งชี้ถึงการขาดแรงซื้อที่แท้จริง
  • ราคาทะลุขึ้นไปแล้ว แต่กลับร่วงลงมาต่ำกว่าเส้นแนวรับของผืนธงอย่างรวดเร็ว (False Breakout)
  • มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของสินทรัพย์อย่างกะทันหัน เช่น ข่าวเศรษฐกิจหรือกฎระเบียบใหม่

ควรพิจารณาปริมาณการซื้อขาย (Volume) อย่างไรเมื่อเจอรูปแบบ Bullish Flag?

ปริมาณการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการยืนยัน Bullish Flag:

  • ช่วงเสาธง: ควรมีปริมาณการซื้อขายสูง แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
  • ช่วงผืนธง: ควรมีปริมาณการซื้อขายลดลง บ่งบอกถึงการพักตัว
  • ช่วงทะลุ: ปริมาณการซื้อขายควรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อยืนยันความถูกต้องของการทะลุ หากปริมาณการซื้อขายไม่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณหลอก

การติดตาม volume อย่างใกล้ชิดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ volume มักสะท้อน sentiment จริง

發佈留言