Bollinger Band คืออะไร? ฉบับสมบูรณ์: ตั้งค่า, ใช้ยังไง, พร้อมกลยุทธ์ทำกำไรในตลาดหุ้นไทย
โบลิงเจอร์แบนด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bollinger Bands ถือเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้เข้าใจถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวน รวมถึงการคาดการณ์จุดที่ราคาอาจพลิกกลับหรือเริ่มต้นแนวโน้มใหม่ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของโบลิงเจอร์แบนด์ ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน การใช้งานจริง ไปจนถึงกลยุทธ์ขั้นสูงที่นำไปปรับใช้ได้ในตลาดไทย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย Forex หรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้อย่างมั่นใจ

Bollinger Band คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ต้องรู้จัก
โบลิงเจอร์แบนด์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจน โดยเฉพาะด้านความผันผวนและระดับราคาที่สัมพันธ์กัน มันไม่ได้เพียงบอกทิศทางราคาเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นพฤติกรรมของราคาภายในกรอบที่กำหนด ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายอย่างมีเหตุผล

คำจำกัดความและแนวคิดเบื้องต้น
โบลิงเจอร์แบนด์คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับการพัฒนาโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980 วัตถุประสงค์หลักคือการวัดความผันผวนของตลาดและกำหนดช่วงราคาที่เหมาะสม โดยประกอบด้วยเส้นสามเส้นที่วางทับบนกราฟราคา เส้นเหล่านี้จะปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของราคา เมื่อราคาผันผวนมาก แบนด์จะขยายออกกว้างขึ้น ในขณะที่เมื่อความผันผวนลดลง แบนด์จะหดตัวเข้าหากัน สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์ประเมินว่าราคาปัจจุบันอยู่ในระดับสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตได้อย่างง่ายดาย

ส่วนประกอบหลักของ Bollinger Bands
โบลิงเจอร์แบนด์ประกอบด้วยเส้นหลักสามเส้น ดังนี้:
- เส้นกลาง: คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (Simple Moving Average หรือ SMA) โดยปกติใช้ 20 วัน ซึ่งช่วยบ่งชี้แนวโน้มราคาในช่วงสั้นถึงกลาง
- เส้นบน: คำนวณโดยเส้นกลางบวกด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคูณด้วยตัวคูณที่กำหนด (มักเป็น 2)
- เส้นล่าง: คำนวณโดยเส้นกลางลบด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคูณด้วยตัวคูณที่กำหนด (มักเป็น 2)
ตัวอย่างกราฟราคาที่แสดงโบลิงเจอร์แบนด์พร้อมเส้นกลาง เส้นบน และเส้นล่าง
ทำความเข้าใจการคำนวณ Bollinger Bands และการตั้งค่าพื้นฐาน
การรู้จักหลักการคำนวณของโบลิงเจอร์แบนด์จะช่วยให้คุณปรับแต่งและตีความสัญญาณได้ดีขึ้น โดยทำให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สูตรการคำนวณ Bollinger Bands อย่างละเอียด
การคำนวณโบลิงเจอร์แบนด์อาศัยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นหลัก สูตรพื้นฐานมีดังนี้:
- เส้นกลาง: ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย n วัน (SMA)
- เส้นบน: เส้นกลาง + (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน n วัน × k)
- เส้นล่าง: เส้นกลาง – (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน n วัน × k)
โดยทั่วไป ค่า n คือ 20 (สำหรับ SMA 20 วัน) และ k คือ 2 (สองเท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานนี้วัดการกระจายของราคารอบค่าเฉลี่ย ยิ่งค่ามาก ราคายิ่งผันผวนสูง
การตั้งค่า Bollinger Bands ที่เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ (Bollinger Band ตั้งค่า)
การตั้งค่าที่นิยมมากที่สุดคือ 20 วันสำหรับเส้นกลางและสองเท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสำหรับเส้นบนล่าง แต่คุณสามารถปรับได้ตามลักษณะตลาด สินทรัพย์ และกรอบเวลาที่เทรด
- จำนวนวัน (n):
- ค่าต่ำ เช่น 10-15 วัน: ทำให้แบนด์ตอบสนองต่อราคาเร็ว เหมาะกับการเทรดระยะสั้น
- ค่าคุณภาพ เช่น 50-100 วัน: ทำให้แบนด์นุ่มนวล ลด噪音 เหมาะกับการดูแนวโน้มยาว
- ตัวคูณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (k):
- ค่าต่ำ เช่น 1.5: แบนด์แคบ ราคาชนบ่อย ให้สัญญาณซื้อมากเกินหรือขายมากเกินบ่อย
- ค่าคุณภาพ เช่น 2.5-3: แบนด์กว้าง ราคาชนน้อย แต่สัญญาณแข็งแกร่งกว่า
สำหรับมือใหม่ เริ่มด้วย 20,2 แล้วทดลองปรับเพื่อให้เข้ากับสไตล์ของคุณ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตรคำนวณได้ที่ Investopedia
ตัวอย่างหน้าจอการตั้งค่าโบลิงเจอร์แบนด์บนแพลตฟอร์ม TradingView
วิธีใช้ Bollinger Bands ในการวิเคราะห์ตลาดและหาจุดเข้าออก (Bollinger Bands วิธีใช้)
โบลิงเจอร์แบนด์ให้สัญญาณหลากหลายที่นำไปใช้ตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้คุณจับจังหวะตลาดได้ดีขึ้น
สัญญาณจาก Bollinger Bands: กรอบราคาแคบ (Squeeze) และกรอบราคาขยาย (Breakout)
สองสัญญาณหลักที่สำคัญคือ:
- โบลิงเจอร์สควีซ (กรอบราคาแคบ): เกิดเมื่อเส้นบนล่างเข้าใกล้เส้นกลางมาก แสดงว่าความผันผวนต่ำ ตลาดกำลังสะสมพลัง เทรดเดอร์มักรอ breakout หลังจากนี้เพื่อเข้าตำแหน่ง
- โบลิงเจอร์ breakout (กรอบราคาขยาย): ราคาทะลุเส้นบนหรือล่างอย่างแรงหลังสควีซ ถ้าทะลุบนคือสัญญาณซื้อ ถ้าทะลุล่างคือสัญญาณขาย บ่งชี้แนวโน้มใหม่ที่แข็งแกร่ง
ตัวอย่างกราฟที่แสดงโบลิงเจอร์สควีซและ breakout ในตลาดหุ้น
การดูราคาเคลื่อนที่ไปตามเส้น (Walking the Bands)
ในช่วงแนวโน้มแข็งแกร่ง ราคาอาจเคลื่อนไปตามเส้นบนในขาขึ้นหรือเส้นล่างในขาลง สัญญานี้บอกถึงแนวโน้มที่ต่อเนื่อง โดยราคาไม่รีบกลับสู่เส้นกลาง แสดงถึงแรงซื้อหรือขายที่ยังแรง นักเทรดแนวโน้มมักใช้จุดนี้เพื่อถือสถานะต่อไป
การระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold)
- ราคาชนเส้นบน: มักเป็นสัญญาณขายหรือ overbought ราคาอาจปรับฐานลง
- ราคาชนเส้นล่าง: มักเป็นสัญญาณซื้อหรือ oversold ราคาอาจเด้งขึ้น
แต่การชนแบนด์อย่างเดียวไม่พอ ควรยืนยันด้วยเครื่องมืออื่นเพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอก
Bollinger Band ใช้คู่กับ: การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อความแม่นยำ
เพื่อให้การวิเคราะห์แม่นยำยิ่งขึ้น ใช้โบลิงเจอร์แบนด์คู่กับอินดิเคเตอร์อื่น ดังตาราง:
อินดิเคเตอร์ที่ใช้ร่วม | วัตถุประสงค์ |
---|---|
RSI (Relative Strength Index) | ระบุ overbought/oversold และ divergence |
MACD (Moving Average Convergence Divergence) | ยืนยันแนวโน้มและสัญญาณกลับตัว |
Stochastic Oscillator | คล้าย RSI ในการหา overbought/oversold |
Volume | ยืนยันสัญญาณซื้อ/ขายและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม |
นอกจากนี้ โบลิงเจอร์แบนด์ยังช่วยดูแนวรับแนวต้านแบบไดนามิก เมื่อราคาเข้าใกล้เส้นบนหรือล่าง อาจมีการกลับตัวหรือชะลอ
กลยุทธ์การเทรดด้วย Bollinger Bands ขั้นสูงและการประยุกต์ใช้ในตลาดไทย
นอกจากสัญญาณพื้นฐาน โบลิงเจอร์แบนด์ยังนำไปใช้ในกลยุทธ์ซับซ้อน เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดไทย
กลยุทธ์การกลับตัว (Reversal Strategy) และการตามเทรนด์ (Trend Following Strategy)
- กลยุทธ์กลับตัว: ใช้เมื่อราคาชนเส้นรุนแรงและมีสัญญาณจาก RSI หรือ Stochastic แสดง overbought/oversold ชัดเจน หรือเกิด divergence (ราคาสูงใหม่แต่ตัวชี้วัดต่ำลง) การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาช่วยยืนยัน เช่น สัญญาณในกราฟชั่วโมงแต่ overbought ในรายวัน
- กลยุทธ์ตามแนวโน้ม: ใช้เมื่อราคา walking the bands หรือ breakout ชัดเจน เข้าซื้อเมื่อทะลุเส้นบนในขาขึ้น หรือขายเมื่อทะลุล่างในขาลง ใช้เส้นกลางเป็น stop loss หรือ take profit เบื้องต้น
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Bollinger Bands และการจัดการความเสี่ยง
แม้โบลิงเจอร์แบนด์จะมีประโยชน์ แต่ต้องระวัง:
- สัญญาณหลอก: ราคาทะลุชั่วคราวแล้วกลับ ยืนยันด้วย volume หรืออินดิเคเตอร์อื่น
- ใช้เดี่ยว: อย่าพึ่งพาเพียงตัวเดียว ใช้คู่กับแนวรับต้าน รูปแบบกราฟ หรือโมเมนตัม
- จัดการความเสี่ยง: กำหนด stop loss take profit ชัดเจน และควบคุมขนาด position ตามทุน การขาด stop loss อาจขาดทุนหนัก
Bollinger Bands ในตลาดหุ้นไทย (SET), Forex, และคริปโตเคอร์เรนซี: กรณีศึกษา
โบลิงเจอร์แบนด์ใช้ได้ทุกตลาดที่มีราคาเคลื่อนไหว:
- ตลาดหุ้นไทย (SET):
- กรณีศึกษา: หุ้น PTT ในช่วงข่าวดีหรือร้าย ถ้าเกิด squeeze ก่อนข่าว แล้ว breakout เหนือเส้นบนพร้อม volume สูง คือสัญญาณซื้อแข็งแกร่ง
- การประยุกต์: ใช้หาช่วงผันผวนของหุ้น SET และจังหวะเข้าใกล้แนวรับต้านสำคัญ ดูข้อมูล SET ได้ที่นี่
- ตลาด Forex:
- กรณีศึกษา: คู่ USD/THB ถ้า squeeze ในกราฟ 4 ชั่วโมง แล้วทะลุล่างแรง คือสัญญาณขาย แสดงเงินบาทแข็งค่า
- การประยุกต์: หาช่วงผันผวนคู่เงินและจุดเข้า-ออก โดยเฉพาะก่อนเปลี่ยนแนวโน้ม
- ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี:
- กรณีศึกษา: Bitcoin หรือ Ethereum บน Bitkub ถ้า squeeze รายวัน แล้วทะลุบนพร้อม RSI แข็งแกร่ง คือสัญญาณซื้อดี
- การประยุกต์: ตลาดผันผวนสูง ใช้จับ breakout reversal แต่ระวัง false breakout เนื่องจากความไม่แน่นอน
ตัวอย่างกราฟหุ้นไทย PTT แสดง squeeze และ breakout
ตัวอย่างกราฟ Forex USD/THB แสดงโบลิงเจอร์แบนด์
ตัวอย่างกราฟ Bitcoin แสดงโบลิงเจอร์แบนด์
วิธีตั้งค่า Bollinger Bands บนแพลตฟอร์มเทรดที่นิยมในไทย (MT4/MT5, TradingView)
การตั้งค่าง่ายบนแพลตฟอร์มยอดนิยม:
- บน TradingView:
- เข้าสู่ระบบและเปิดกราฟ
- คลิก Indicators (ไอคอน fx)
- ค้นหา “Bollinger Bands” และเลือก
- คลิก Settings (เฟือง) เพื่อปรับ Length (วัน) และ StdDev (ตัวคูณ)
หน้าจอตั้งค่าบน TradingView พร้อมขั้นตอน
- บน MT4/MT5:
- เปิดกราฟ
- Insert > Indicators > Trend > Bollinger Bands
- ปรับ Period และ Deviations
- คลิก OK
หน้าจอตั้งค่าบน MT4/MT5 พร้อมขั้นตอน
สรุป: Bollinger Band เครื่องมือสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด
โบลิงเจอร์แบนด์เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจความผันผวนของตลาดและคาดการณ์ช่วงราคาที่อาจพลิกกลับหรือเริ่มแนวโน้มใหม่ได้ดี ตั้งแต่สัญญาณ squeeze ที่สะสมพลัง ไปจนถึง breakout ที่ยืนยันแนวโน้ม และการใช้แบนด์หา overbought หรือ oversold
แต่จำไว้ว่า มันไม่ใช่เครื่องมือมหัศจรรย์ สัญญาณซื้อขายต้องใช้คู่กับ RSI หรือ MACD เพื่อยืนยัน และที่สำคัญคือการจัดการความเสี่ยงที่ดี ไม่ว่าจะเทรดหุ้น Forex หรือคริปโต
การฝึกใช้โบลิงเจอร์แบนด์จะเพิ่มข้อได้เปรียบในการเทรดของคุณ อย่าหยุดเรียนรู้และฝึกฝน
โบลิงเจอร์แบนด์คืออะไร และมันช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดได้อย่างไร?
โบลิงเจอร์แบนด์คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ประกอบด้วยเส้นสามเส้น ใช้วัดความผันผวนของราคาและระดับราคาที่เกี่ยวข้อง ช่วยเทรดเดอร์โดย:
- หาช่วง overbought หรือ oversold
- คาดการณ์การเปลี่ยนความผันผวนผ่าน squeeze และ breakout
- ยืนยันแนวโน้มแข็งแกร่งเมื่อราคา walking the bands
การตั้งค่า Bollinger Bands ที่เหมาะสมสำหรับหุ้นไทยควรใช้ค่า Period และ Standard Deviation เท่าไหร่?
ตั้งค่ามาตรฐานคือ Period 20 และ Standard Deviation 2 เหมาะสำหรับเริ่มต้น แต่ปรับตามหุ้นไทยแต่ละตัวและกรอบเวลา:
- หุ้นผันผวนสูง: ลด Period หรือเพิ่ม Deviation เล็กน้อย
- หุ้นผันผวนต่ำ: เพิ่ม Period หรือลด Deviation
ทดลองเพื่อหาค่าที่เหมาะกับราคาหุ้นที่สนใจ
Bollinger Bands สามารถใช้กับตลาด Forex, ทองคำ, หรือคริปโตเคอร์เรนซีในไทยได้ดีแค่ไหน?
เครื่องมือนี้ใช้ได้ทุกตลาด รวม Forex ทองคำ และคริปโตในไทย เพราะวัดความผันผวนที่พบในทุกที่ แต่ในคริปโตที่ผันผวนสูง ต้องระวังสัญญาณหลอกและจัดการความเสี่ยงดี
สัญญาณ Bollinger Squeeze (กรอบราคาแคบ) บอกอะไรเรา และเราควรเตรียมตัวเทรดอย่างไรเมื่อเห็นสัญญาณนี้?
Squeeze เกิดเมื่อแบนด์บีบตัว แสดงความผันผวนต่ำ ตลาดสะสมพลังสำหรับเคลื่อนไหวใหญ่ เมื่อเห็น:
- เตรียมตัว: แนวโน้มใหม่อาจมา
- รอ confirm: รอ breakout ก่อนเข้า
- ใช้เครื่องมืออื่น: ตรวจ volume หรือโมเมนตัม
ควรใช้อินดิเคเตอร์ตัวไหนคู่กับ Bollinger Bands เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจซื้อขาย?
ใช้คู่กับ:
- RSI: ยืนยัน overbought/oversold และ divergence
- MACD: ยืนยันแนวโน้มและกลับตัว
- Stochastic: หา overbought/oversold
- Volume: ยืนยัน breakout หรือ reversal
มีข้อผิดพลาดหรือข้อควรระวังอะไรบ้างที่เทรดเดอร์ไทยมักทำเมื่อใช้ Bollinger Bands?
ข้อผิดพลาดทั่วไป:
- พึ่งตัวเดียว: ไม่ใช้เครื่องมืออื่นยืนยัน
- ตีความผิด: คิดว่าราคากลับทันทีที่ชนแบนด์
- 忽略 false breakout: เข้าตาม breakout ไม่จริง
- ไม่จัดการเสี่ยง: ขาด stop loss หรือ position sizing
- ตั้งค่าผิด: ไม่เหมาะกับสินทรัพย์หรือเวลา
Bollinger Bands สามารถช่วยในการกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ได้หรือไม่?
ช่วยได้:
- Take Profit: ถ้าซื้อที่เส้นล่าง ทำกำไรใกล้เส้นกลางหรือบน
- Stop Loss: ใช้เส้นกลาง ถ้าราคากลับตัดหลัง breakout แสดงแนวโน้มอ่อน
ใช้คู่แนวรับต้านและระดับเสี่ยงที่ยอมรับ
หากราคา “Walking the Bands” ในตลาดหุ้นไทย หมายความว่าอย่างไร และเราควรตอบสนองอย่างไร?
Walking the Bands คือราคาเคลื่อนตามเส้นบน (ขาขึ้น) หรือล่าง (ขาลง) ต่อเนื่อง แสดงแนวโน้มแข็ง ในหุ้นไทย:
- ถือต่อ: ถ้าสถานะถูกต้อง
- ระวังกลับ: ถ้าราคาห่างแบนด์หรือมีสัญญาณอื่น ทำกำไรหรือปรับ stop
- อย่าสวน: เสี่ยงสูง